Share

บทที่ 13

หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลย

ณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์

มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ

เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้

ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”

“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”

ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน

“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก”

“แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ

“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววันนี้ฉันก็ว่างไม่ได้ทำงาน คืนนี้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะ”

ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ได้ ในเมื่อเธอพูดขนาดนั้น คืนนี้ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอแล้วกัน”

“ดีเลย” เธอเชียร์พลางจับมือของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ “เธอเยี่ยมที่สุด”

.…..

ทว่าอีกด้านหนึ่ง เย่ซิวที่ออกมาจากมหาลัยก็สัมผัสได้ในทันทีว่ามีคนตามเขามา

แต่เขาไม่สนใจ มีแค่ลูกกระจ๊อกไม่กี่คน ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้มายุ่งย่าม เย่ซิวก็ไม่สนใจพวกเขา

เขาเดินไปที่ป้ายรถเมล์และเตรียมจะนั่งรถไปบ้านตระกูลจ้าว

จางเทาและคนอื่น ๆ เดินตามมาจากระยะไกลและเมื่อเห็นเย่ซิวที่ป้ายรถเมล์ ทุกคนต่างก็แสดงรอยยิ้มเย้ยหยัน

“ไอ้โง่ คิดว่ามีฝีมือแค่นี้แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ?”

“ถ้าทำให้คุณชายหวังเฟยไม่พอใจแล้วล่ะก็ มีแต่ต้องตายเท่านั้น”

“นั่นหมาป่าตาเดียวเหรอ?!”

เย่ซิวยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์รอรถบัสอย่างเงียบ ๆ

ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาเห็นชายหน้าตาอัปลักษณ์และมีท่าทางดุร้ายเดินเข้ามา

เย่ซิวสามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือตัวร้ายที่มาพร้อมกลิ่นอายนักฆ่าที่คละคลุ้ง เขาคงมือเปื้อนเลือดมามากลมปราณเลยมีกลิ่นอายเช่นนี้

เขาเพียงเหลือมองและหันไปทางอื่น

สำหรับคนธรรมดา คนแบบนี้คงเปรียบเสมือนเสือที่ดุร้าย แต่สำหรับเขาแล้ว คนแบบนี้ไม่มีค่าพอให้ชายตาแล

เขาสามารถฆ่าคนพกวนี้ได้มากมายด้วยการตบเพียงครั้งเดียว

ชายคนนั้นเดินตรงไปหาเย่ซิว “แกใช่เย่ซิวหรือเปล่า?”

เย่ซิวพยักหน้า “ผมเอง คุณมีธุระอะไร?”

หมาป่าตาเดียวยิ้มด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด “มีคนขอให้ฉันจัดการกับแก มากับฉันเถอะ แกคงจะไม่อยากถูกฉันทำให้อับอายในที่สาธารณะหรอกใช่ไหม?”

“ใครเหรอ? ใช่ผู้ชายคนก่อนหน้านี้หรือเปล่า?” เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางนึกถึงหวังเฟยและจางเทาทันที

“ไม่จำเป็นต้องรู้”

เย่ซิวไพล่มือไว้ด้านหลัง “ก็ได้ งั้นนำทางไปสิ”

เนื่องจากอีกฝั่งเป็นฝ่ายมาหา ก็ควรจัดการกับมันให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการรบกวนมากหากมีแมลงวันคอยมาบินวนอยู่รอบตัว

ดวงตาของหมาป่าตาเดียวมีประกายแปลก ๆ ปรากฏขึ้น “ไอ้หนูนี่กล้าหาญมาก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะเบามือให้สักหน่อยแล้วกัน”

เย่ซิวไม่พูดอะไร

เขาเดินตามหมาป่าตาเดียวไปยังสถานที่ซึ่งมีคนบางตา

เมื่อเห็นเช่นนี้ จางเทาและพรรคพวกไปด้วย

สิบนาทีต่อมา เย่ซิวถูกนำตัวมายังสถานที่ห่างไกลผู้คน

จางเทาและคนอื่น ๆ ที่ติดตามไปด้วยต่างพากันหัวเราะเยาะ

“เย่ซิว แกตายแน่!”

“ฉันจะไปฉี่รดหน้าแกทีหลังเป็นการแก้แค้น!”

“ถ้าไม่อยากถูกทรมาน จงคุกเข่าลงและขอความเมตตาจากพี่ใหญ่หมาป่าตาเดียวเดี๋ยวนี้!”

……

เย่ซิวส่ายหน้า ‘ความไม่รู้นี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ’

พวกเขาเห็นหมาป่าตาเดียวเป็นหมาป่าผู้เด็ดเดี่ยว แต่พวกเขาไม่เห็นว่าเย่ซิวเป็นมังกรหนุ่มที่กำลังจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

“เจ้าหนู ฉันได้ยินมาว่าแกเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่ง!” หมาป่าตาเดียวยืดเส้นคอของเขาแล้ว เดินไปหาเย่ซิวด้วยรอยยิ้มอันเหี้ยมโหด “ขอฉันดูหน่อยสิว่าแกจะเคลื่อนไหวได้สักกี่กระบวนท่าเมื่อต้องปะทะกับฉัน! กรงเล็บหมาป่ากระหายเลือด!”

เมื่อเห็นนิ้วทั้งห้าของหมาป่าตาเดียวกลายเป็นกรงเล็บ พลังงานชั่วร้ายบนร่างกายของเขาก็แพร่กระจายอย่างรุนแรง และพยายามตะปบเย่ซิวด้วยความคล่องตัวอันยอดเยี่ยม

สีหน้าของจางเทาและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว

“เป็นวรยุทธ์ที่น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ!”

“เหมือนได้เห็นหมาป่าตัวจริงพุ่งออกจากป่าเลยทีเดียว”

“เด็กนั่นตายแน่!”

……

ดวงตาของหมาป่าตาเดียวเป็นประกายด้วยความกระหายเลือด

เขามั่นใจในวิธีการโจมตีของเขามาก

หลายคนที่ต่อต้านเขาต่างถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยกรงเล็บอันแหลมคม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จัก

ทว่าเมื่อเย่ซิวเห็นดังนั้น เขาก็ส่ายหัว

“ช้าเกินไป!”

เขาหลบการโจมตีหมายเอาชีวิตของหมาป่าตาเดียวได้อย่างง่ายดาย

ฉึก!

กรงเล็บของเขาชนเข้ากับกำแพงด้านหลังของเย่ซิว และชิ้นส่วนขนาดใหญ่ก็ถูกฉีกออก

ดวงตาของหมาป่าตาเดียวหรี่ลง “แกก็พอมีฝีมือนี่ ไม่แปลกใจเลยที่กล้าหยิ่งผยองขนาดนี้!”

ทันใดนั้นเขาก็เพิ่มความเร็ว จนเย่ซิวเกิดภาพลวงตาขึ้น จากนั้นก็ฟาดกรงเล็บลงมา

จางเทาและคนอื่น ๆ หยุดหายใจโดยไม่รู้ตัว พลางเฝ้ามองอย่างตาไม่กะพริบ

ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์นั้นสูงเกินจินตนาการของพวกเขา

แต่ไม่ว่าการโจมตีของหมาป่าตาเดียวจะรวดเร็วและแม่นยำเพียงใด ก็ไม่อาจแตะต้องเย่ซิวได้แม้แต่ปลายเส้นผม

หลังจากการโจมตีที่มีความรุนแรงหลายครั้ง ฝั่งเย่ซิวก็ยังสบายดี แต่ทางหมาป่าตาเดียวนั้นเหนื่อยตัวโยน

เขาจ้องมองเย่ซิว “แกเป็นใครกัน? แกไม่มีทางเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งได้!”

“ใครบอกคุณว่าผมเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่ง” เย่ซิวส่ายหน้า ขี้เกียจเกินกว่าจะเล่นกับเขาอีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็ระเบิดพลังออกมาด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

ดวงตาของหมาป่าตาเดียวตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็ตกใจเมื่อพบว่าเย่ซิวมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ม่านตาของเขาหดตัวลงทันที

ก่อนเขาจะทันได้ตอบโต้ ร่างกายของเขาก็ลอยออกไปชนกำแพงอย่างแรง

กำแพงทั้งหมดยุบลงไป

หมาป่าตาเดียวอ้าปากแล้วกระอักเลือดออกมา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นจากทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ทำให้ดวงตาของเขาดำคล้ำ

เย่ซิวเดินเข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า “ดู ๆ แล้วคุณคงไม่ใช่คนดี ถึงได้เที่ยวหักแขนหักขาและทำร้ายคนอื่นไปทั่วแบบนี้”

“คนแบบนี้ไม่คู่ควรได้เป็นจอมยุทธ์ วันนี้ผมจะเป็นตัวแทนสวรรค์ลงโทษคุณด้วยการตัดรากฐานวรยุทธ์ของคุณออก จากนี้ไป คุณก็เป็นได้แค่คนธรรมดาเท่านั้น”

หลังจากพูดจบ เย่ซิวก็เตะเขาเข้าที่จุดตันเถียน*

“ไม่นะ!!!!”

หมาป่าตาเดียวส่งเสียงคำรามอย่างสิ้นหวัง ดวงตาของเขาแดงก่ำ พลางจ้องมองไปที่เย่ซิวด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง “แกทำลายจุดตันเถียนของฉัน ฉันจะสู้กับแกให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย คอยดู!”

เขาพยายามหยัดกายขึ้น แต่ทันทีที่เขาออกแรง เขาก็สูญเสียการมองเห็นและสิ้นสติไป

เย่ซิวไม่ได้มองไปเขาอีกเลย

เขามุ่งหน้าออกไปข้างนอก

จางเทาและคนอื่น ๆ กำลังตกตะลึงอยู่ในขณะนี้

เมื่อพวกเขาเห็นเย่ซิวเดินเข้ามา พวกเขาต่างก็มีทีท่าตกใจ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status