Share

บทที่ 3

เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงตื่นขึ้นมา ภายในมุ้งเตียงก็เละเทะไปหมด หญิงสาวที่ร่วมหลับนอนกับเขาเมื่อคืนได้จากไปนานแล้ว

เขาลุกขึ้นพร้อมกุมหน้าผาก คิ้วขมวดเล็กน้อย เปลวไฟอันเร่าร้อนนั้นได้มอดไหม้ไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงแต่ความเย็นชาและความเกรี้ยวโกรธ

ภาพเหตุการณ์ของเมื่อคืนปรากฏขึ้นแวบๆราวกับว่าเป็นเศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจาย แต่จะปะติดปะต่ออย่างไรก็ไม่อาจทำให้ภาพสมบูรณ์ได้

สิ่งเดียวที่จำได้ก็คือ นัยน์ตาที่ใสบริสุทธิ์เป็นพิเศษคู่นั้น มองมาที่เขาด้วยน้ำตา

สายตาแบบนั้น ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกมีอารมณ์แปลกๆอยู่ในใจ และก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง

"เสวียนอู่! "

เสวียนอู่ที่รออยู่นอกประตู พอได้ยินเสียงเรียก ก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที

กวาดสายตามองเตียงที่เละเทะ เสวียนอู่ก็ไม่โง่ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เพราะข้าน้อยละเลยหน้าที่ ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วย”

เสวียนอู่สับสนเล็กน้อย ทั้งๆที่เขาขับไล่หญิงรับใช้เรือนฝั่งตะวันออกไปหมดแล้ว เหตุใด...

เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งย้อนแสง สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืด ในมือกำลังเล่นกับปิ่นปักผมไม้อันหนึ่งอยู่

และปิ่นปักผมไม้อันนี้ เป็นปิ่นที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเอาไว้อย่างแน่นอน

เขาพินิจมองดูอย่างละเอียด แล้วใช้ปลายนิ้วลูบปิ่นปักผมเบาๆซ้ำไปซ้ำมา

นี่คือปิ่นปักผมไม้ที่ธรรมดามาก แม้แต่ไม้ก็ยังทำมาจากไม้ที่ราคาถูกที่สุด ฝีมือการในทำก็หยาบมาก ข้างบนยังมีเสี้ยนหนามเล็กๆอีกด้วย

เขาขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

แม้ว่าจะเป็นสาวใช้ที่ต่ำต้อยที่สุดในบ้าน ก็จะไม่ใช้ปิ่นปักผมไม้ราคาถูกเช่นนี้

ใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงกลายเป็นน้ำแข็ง แล้วปิ่นปักผมไม้ในมือก็แยกออกเป็นสองชิ้น

“ตามหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ แล้วจัดการเสีย”

…...

ตอนที่ตงเหมยมาเคาะประตู หลินซวงเอ๋อร์กำลังนอนอยู่บนเตียงโดยไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

นางปวดเมื่อยไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงเอว ราวกับว่าคนทั้งตนกำลังจะแตกสลาย

ฝันร้ายเมื่อคืนกินเวลาจนถึงรุ่งสาง นางกัดฟันดันตัวลุกขึ้นแล้วหนีกลับมาที่ห้องของตนเอง

ทันทีที่กลับถึงห้อง นางก็หมดสติไป ตงเหมยเคาะประตูครู่หนึ่ง นางถึงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ

“นี่ก็เที่ยงแล้ว หลินซวง เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ตื่น?”

หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยตื่นสายมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ตงเหมยจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเล็กน้อย

“ท่านป้าจ้าวรวบรวมสาวใช้ทั้งหมดไว้ที่เรือนฝั่งตะวันออก เพราะวันนี้ท่านอ๋องจะเลือกสาวใช้ส่วนตัวด้วยตนเอง ทุกคนต่างก็พากันดู เจ้าไม่ไปเหรอ?”

น้ำเสียงของตงเหมยตื่นเต้นเล็กน้อย สำหรับการคัดเลือกในวันนี้ เธอตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แถมยังไปยืมผงชาดของฉ่ายเยวี่ยมาแต่งตัวอย่างประณีต ดูทุ่มเทพยายามเล็กน้อย

หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ เหตุการณ์ของเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลินซวงเอ๋อร์ชัดเจนมาก

เหมือนกับฝันร้าย ที่ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน

หลินซวงเอ๋อร์ดึงผ้าห่มขึ้นมาพันตัวเองไว้แน่น นางไม่กล้าไปดู

“ตงเหมย บอกท่านป้าจ้าวแทนข้าด้วยว่า วันนี้ข้ารู้สึกไม่สบาย และอยากพักผ่อนสักวันหนึ่ง” เสียงของหลินซวงเอ๋อร์แหบแห้ง และสั่นเทาเล็กน้อย

ตงเหมยตกใจกับน้ำเสียงนั้น

ดูเหมือนว่าจะป่วยจริงๆ แถมยังป่วยหนักมาก

“ให้ไปเรียกหมอให้ไหม?”

หลินซวงเอ๋อร์รีบตอบกลับไปว่า: "ไม่ ไม่ต้องเรียกหมอหรอก"

เรื่องที่นางเป็นผู้หญิงจะให้ใครรู้ไม่ได้ ถ้าเรียกหมอมา ทุกอย่างก็จะจบลง

ดังนั้น สองปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าเธอจะป่วยหนักแค่ไหน เธอก็ผ่านมันมาได้อย่างเข้มแข็ง

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้าพักผ่อนสองวันก็หาย รบกวนเจ้าบอกท่านป้าจ้าวแทนข้าด้วย"

เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ ตงเหมยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

หลินซวงคนนี้ ในสายตาของนางเป็นคนโง่เขลามาโดยตลอด เขาเป็นคนเงียบขรึม ซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์จริงใจ เหมือนกับลาตัวหนึ่ง ที่ทำงานอย่างไม่มีหยุดหย่อน เงินเดือนแม้แต่บาทเดียวก็ไม่กล้าใช้ แม้แต่ตอนที่ป่วยก็ไม่กล้าจ้างหมอมาดูตนเอง

มีใครบ้างที่เข้มงวดกับตนเองได้ขนาดนี้ แม้แต่ลาก็ยังรู้จักอู้งานเป็นบางครั้งเลย

แต่หลินซวงไม่ทำ

ตงเหม่ยคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าเบื่อสุดขีด แต่เขามีหน้าตาที่น่าเอ็นดูมาก ทำให้คนที่เห็นอยากจะเข้าไปปกป้อง ดังนั้นตงเหมยจึงอดไม่ได้ที่จะห่วงใยเขา

เมื่อเห็นว่าเขาป่วยหนัก ตงเหมยจึงไม่บังคับ อย่างไรเสียท่านป้าจ้าวก็ให้แต่สาวใช้ไปรวมตัวกันที่ลานด้านหน้า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหลินซวงเลย

“ก็ได้ เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ ต้องการอะไรก็ให้บอกข้า”

ตงเหมยพูดด้วยความห่วงใยสองประโยค แล้ววิ่งเหยาะๆไปที่ลานข้างหน้า

ในเวลานั้น ที่ลานหน้าเรือนฝั่งตะวันออกมีสาวใช้คุกเข่าอยู่บนพื้นเต็มไปหมด

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า อยู่ในชุดสีม่วงทอง คาดมงกุฎทองคำ ด้วยความสูงส่งที่มาแต่กำเนิด จึงทำให้ตัวเขามีความน่าเกรงขาม

เหล่าสาวใช้แทบจะไม่กล้าหายใจ ยิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา

“เงยหน้าขึ้น” เยี่ยเป่ยเฉิงก้าวเท้าเดินขึ้นบันได ทำให้เกิดลมในขณะที่เดินผ่าน แต่เสียงลมนั้นกลับเย็นชาสุดขีด

จากนั้นเหล่าสาวใช้ถึงกล้าเงยหน้าขึ้น

เขากวาดสายตามองหน้าพวกนางทีละคน คิ้วของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา

คิดไม่ถึงว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในนี้

เขาจำดวงตาคู่นั้นได้ สะอาดบริสุทธิ์กว่านัยน์ตาทุกคู่ที่อยู่ที่นี่

เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วลึกขึ้น

ทุมเทพยายามปีนขึ้นไปบนเตียงของเขา กลับจงใจหลีกเลี่ยงเขา บางที ความคิดของผู้หญิงคนนั้นอาจจะลึกซึ้งกว่าที่เขาคิด

เมื่อเห็นว่าเยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าที่ไม่พอใจ เสวียนอู่จึงเรียกท่านป้าจ้าวเข้ามาเพื่อซักถาม

“สาวใช้ทุกคนในจวนอ๋องอยู่ที่นี่หมดแล้วใช่ไหม?”

ท่านป้าจ้าวตอบว่า: "สาวใช้ทั้งหมดอยู่ที่นี่หมดแล้ว ไม่ขาดแม้แต่เพียงคนเดียว"

เมื่อไม่พบผู้หญิงคนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงก็กระวนกระวายใจมากขึ้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลงทันที เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอีกครั้ง

“ใครคือสาวใช้ที่รักษาการณ์เรือนฝั่งตะวันออกเมื่อวานนี้?”

ท่านป้าจ้าวครุ่นคิดอย่างจริงจัง คิดไม่ออกจริงๆว่ายังมีใครอีก

เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบให้คนรบกวน ทั้งเรือนฝั่งตะวันออกมีแค่เสวี่ยหยวนสาวใช้ข้างกายเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

หลังจากที่เสวี่ยหยวนจากไป เรือนฝั่งตะวันออกอันใหญ่โตเหลือแค่คนรับใช้ที่กวาดลานหญ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น

ท่านป้าจ้าวไม่ได้นึกถึงหลินซวงเอ๋อร์เลย เพราะเขาเป็นเพียงเด็กกวาดลานหญ้าคนหนึ่ง จะไปสร้างปัญหาอะไรได้?

“ท่านอ๋องคะ สาวใช้ทุกคนในจวนอ๋องอยู่ที่นี่หมดแล้ว สาวใช้อีกคนหนึ่งเพิ่งจะอายุครบยี่สิบหกปี และไถ่ถอนตนเองไปเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่ออกจากจวนก็ได้ไปแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง”

เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ไม่รู้เพราะเหตุใดภาพเมื่อคืนถึงได้ฉายแวบขึ้นมาตรงหน้า

ภายใต้แสงไฟสลัว ร่างที่เหมือนฝันของหญิงสาว สายตาที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตา และนัยน์ตาอันแสนบริสุทธิ์คู่นั้น

แม้ว่าเขาจะหมดสติเมื่อคืนนี้ แต่ร่างกายของเขากลับซื่อสัตย์เป็นอย่างยิ่ง

ร่างที่เยาว์วัยเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นหญิงสาวที่อายุยี่สิบหกปีแน่นอน บางที อาจจะเพิ่งเข้าสู่วัยแต่งงานเสียด้วยซ้ำ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status