Share

บทที่ 15

ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอปล่อยมือและปิดใบหน้าของตัวเอง น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เธอดูน่าสงสาร

เหมาะกับการอยู่หน้าจอจริง ๆ แสร้งทำเป็นน่าสงสารได้สมจริงเหลือเกิน

หากไม่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนหน้านี้ เวินหนี่ก็คงหลงเชื่อและสงสารเธอ

“กรุณาให้เกียรติฉันด้วย!” เวินหนี่พูดอย่างรุนแรง

ลู่ม่านเซิงร้องไห้หนัก และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เวินหนี่ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีนะคะ พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้แย่งผู้ชายของพี่นะคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด…”

“เวินหนี่!”

เสียงของเย่หนานโจวดังขึ้นไม่ไกล

เวินหนี่ตกใจมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

แล้วก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นละครที่ลู่ม่านเซิงกำกับขึ้นสินะ

เธอมองใบหน้าที่เย็นชาของเย่หนานโจว ดวงตาของเขาที่เฉียบคม ราวกับว่าเธอทำผิดมหันต์

เย่หนานโจวก้าวเข้ามาและดึงลู่ม่านเซิงที่อ่อนแอออกจากตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

กำลังนั้นแรงมากจนเวินหนี่สั่นสะเทือนและถอยหลังไปสองสามก้าว

“พี่หนานโจว” ลู่ม่านเซิงน้ำตาไหลพราก

เย่หนานโจวจ้องเวินหนี่อย่างเย็นชาและพูดขึ้นเสียงแข็ง “ขอโทษเธอซะ!”

เวินหนี่มองดูพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดเย็นชาของเย่หนานโจวที่มันแทงใจเธออย่างแรง

เธอล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง แต่ยังคงอดทนกับเจ็บปวดใจ “ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย?”

“เธอตบลู่ม่านเซิง คิดว่าฉันไม่เห็นหรือไง?” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา

ลู่ม่านเซิงห้ามเย่หนานโจวด้วยท่าทางน่าสงสาร “หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยค่ะ ฉันผิดเองที่ทำให้เธอไม่พอใจ”

“นี่ไม่ใช่เหตุผลให้เธอเอาแต่ใจ!”

ที่นี่คนน้อย ไม่มีนักข่าว และไม่มีใครถ่ายรูป

มันทำให้พวกเขาสามารถแสดงความรักต่อกันได้อย่างโจ่งแจ้ง

เวินหนี่รู้สึกหายใจไม่ออก คนที่มั่นใจเกินไปมักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบนี้เองสินะ

เธอเป็นอะไรสำหรับเย่หนานโจว

เธอเหมือนคนแปลกหน้ามากกว่าภรรยาของเขาเสียอีก

เวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจวอย่างเฉยเมย และยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่เคยเอาแต่ใจต่อหน้าคุณเลยสักครั้งเดียว”

เธอไม่เคยเอาแต่ใจ

ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น

เด็กที่เชื่อฟังจะไม่มีขนมกิน

ประโยคนี้พูดไว้ไม่ผิดเลย

เธออยู่กับเย่หนานโจวมานาน ตอนเข้าสังคมและต้องดื่มจนเมา เธอก็โบกแท็กซี่กลับบ้านเอง

เวลาเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ก็ไปโรงพยาบาลเอง ไม่ทำให้เขาต้องลำบาก

เธอไม่เคยทำให้เขาต้องเป็นกังวล แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นกำแพงเหล็กที่บาดเจ็บไม่เป็น

“ขอโทษลู่ม่านเซิงซะ ต้องให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สองใช่ไหม?” เย่หนานโจวขมวดคิ้วอย่างไม่อดทน

เวินหนี่ยอมได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้ จึงกล่าวขึ้นอย่างดื้อรั้น “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย!”

“เธอต้องทำให้ฉันไม่พอใจให้ได้เลยใช่ไหม?”

เวินหนี่รู้ว่าความอดทนของเย่หนานโจวถึงขีดจำกัดแล้ว และหากเธอยังต่อต้าน เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

ตอนนั้นเอง

“พวกคุณอย่ารังแกคนอื่นให้มันมากนัก!”

ทันทีถังเยามาถึงก็เห็นเวินหนี่ถูกพวกเขารังแก หน้าเธอเปลี่ยนสีและเข้ามาปกป้องเวินหนี่ทันที “พวกคุณคิดว่าจะรังแกเวินหนี่ยังไงก็ได้ และไม่มีคนคอยช่วยเธอหรือไง? ถึงได้สร้างความลำบากกับเธอแบบนี้! เย่หนานโจว เวินหนี่ยังไม่ได้หย่ากับคุณนะ แต่กลับมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมือที่สามคนนี้ ข้างนอกยังมีนักข่าวอยู่มากมาย จะให้ฉันเรียกพวกเขาเข้ามาดูเรื่องนี่ตลกดีไหมคะ!”

เย่หนานโจวเหลือบมองที่ถังเยาอย่างเย็นชา

“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” เขาพูดอย่างเย็นชา

ถังเยาที่กำลังมั่นใจ แต่เมื่อถูกเขาจ้องมองแบบนี้ ก็รู้สึกไม่สามารถเอาชนะออร่านั้นได้ “ฉันหมายความว่าอย่าทะเลาะกันให้ใหญ่โต เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่มีผลดีกับใคร!”

เธอมองไปที่ลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้มีคนมาที่นี่มากมาย พวกคุณคงไม่อยากสร้างปัญหาใหญ่ต่อหน้าสื่อหรอกใช่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงไม่ต้องการสร้างปัญหามากเกินไป เธอคว้าแขนเสื้อของเย่หนานโจว และแสดงท่าทางอ่อนแอ “พี่หนานโจวช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ติดใจอะไร ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย พี่ช่วยพยุงฉันลงไปพักผ่อนหน่อยได้ไหมคะ?”

เย่หนานโจวมองย้อนกลับมาที่ลู่ม่านเซิง และเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดมาก เขาจึงจับแขนเธอไว้ “ถ้าเหนื่อยก็ไม่จำเป็นต้องมาร่วมงานแบบนี้!”

เขาไม่ได้สาวความไปมากกว่า พยุงลู่ม่านเซิงเดินออกไปจากพวกเธอ

เวินหนี่มองดูด้านหลังของพวกเขาที่จากไป ไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอฟังสักนิดแล้วก็จากไปทั้งแบบนั้น

สิ่งนี้ทำให้เธอดูน่าขัน

ตัวตน “คุณหญิงตระกูลเย่” ของเธอนั้นมีหมายความอะไรกัน เย่หนานโจวไม่เคยถือว่าเธอเป็นภรรยาของเขาด้วยซ้ำ

เมื่อถังเยาเห็นพวกเขาเดินออกไป ก็ได้สาปแช่งตามหลัง “หญิงร้ายชายเลว! น่าขยะแขยงจริง ๆ”

เมื่อมองกลับไปที่เวินหนี่ก็เห็นดวงตาของเธอเปียกโชก และดวงตาของเธอก็กำลังมองตามทิศทางที่พวกเขาจากไป ถังเยาพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ อย่าโกรธไปเลย ฉันไม่รู้ว่าลู่ม่านเซิงจะมา ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมา ฉันจะเป็นคนห้ามไม่ให้เธอเข้ามาเอง ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาเสียใจแบบนี้”

การที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความขี้ขลาดนั้นไม่ใช่การเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟ

ถังเยาทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนรักโศกเศร้า

เวินหนี่มองไปทางอื่นและค่อย ๆ คลายหมัดที่กำแน่นของเธอออก “ต่อให้ไม่ได้เจอที่นี่ แต่สักวันก็ต้องเจอที่ไหนสักแห่งอยู่ดี”

อีกด้าน เย่หนานโจวพยุงลู่ม่านเซิงไปที่ห้องพักผ่อน หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว เขาก็รีบปล่อยเธออย่างรวดเร็ว

เขาถามขึ้นว่า “หน้าเธอเป็นยังไงบ้าง?”

ลู่ม่านเซิงได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว จึงตอบไปว่า “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

เย่หนานโจวจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ ดวงตาของเขาหรี่ลง “หน้าแดงขนาดนี้ เธอล้อฉันเล่นหรือไง?”

ลู่ม่านเซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแตะแก้มตัวเอง เธอรู้สึกร้อนและเจ็บปวดเล็กน้อย “แรงตบหนักมากก็จริง แต่เวินหนี่เธอกำลังโกรธ และเธอก็ไม่ได้ตั้งใจ…”

“หน้าเป็นแบบนี้จะถ่ายปกนิตยสารยังไง?” เย่หนานโจวขัดจังหวะ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้าบวมขนาดนี้ ใช้รองพื้นปกปิดได้ไหม? อย่าให้มันกระทบกับงานของเธอ”

ลู่ม่านเซิงตระหนักได้ว่า เธอจะไปช่วยบริษัทถ่ายนิตยสารในช่วงบ่าย “ใช้น้ำแข็งประคบลดอาการบวมได้ค่ะ พี่ไม่ต้องกังวล ฉันทำได้ค่ะ”

เย่หนานโจวสั่งให้คนเข้ามา

ผู้ช่วยของลู่ม่านเซิงประคบน้ำแข็งลงบนใบหน้าของเธอ

เย่หนานโจวคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง

ลู่ม่านเซิงสังเกตเห็นสีหน้าของเขา เขาจริงจังมากเวลาทำงานและไม่เคยยิ้มเลย แม้ว่าเขาจะดูเข้าถึงยาก แต่ก็มีเสน่ห์มากจนทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว

อดไม่ได้ที่ยกยิ้มมุมปาก

เธอใกล้เขามากขึ้นอีกขั้น และยังสามารถช่วยงานเขาได้ด้วย

เธอกับเย่หนานโจวเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ

เวินหนี่จะมีค่าอะไร อย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น

หลังจากที่เย่หนานโจววางสายโทรศัพท์ เขาก็เหลือบมองลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ไม่ต้องไปแล้ว”

ลู่ม่านเซิงได้สติ “ทำไมล่ะคะ? ฉันทำได้นะคะ”

เย่หนานโจวเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่หายบวมเลย “คงไม่หายบวมง่าย ๆ มันจะมีผลต่อการถ่ายงาน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

ลู่ม่านเซิงตำหนิตัวเอง “ฉันขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง รู้ทั้งรู้ว่าตอนบ่ายต้องถ่ายงาน ฉันไม่ควรทำให้ใบหน้าตัวเองได้รับบาดเจ็บ”

เย่หนานโจวไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปพูดกับผู้ช่วยของเธอว่า “พาเธอกลับไปพักผ่อนเถอะ”

ลู่ม่านเซิงยังต้องการที่จะอยู่กับเขา

การถ่ายทำช่วงบ่ายของเธอถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีธุระอะไรอีก ความตั้งใจเดิมของเธอคือการได้อยู่กับเขาสองต่อสอง เธอผลักผู้ช่วยที่พยุงเธอออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “พี่หนานโจว ฉัน…”

ในเวลานั้น เย่หนานโจวไม่ได้สังเกตเห็นเธอ แต่กำลังโทรหาใครอีกคนและถามขึ้นอย่างใจเย็น “เวินหนี่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status