ชาวบ้านทุกคนฮึกเหิมพากันร้องตะโกน“ปกป้องภูเขาแม่บ้านของเรา ปกป้องแคว้นเรา!”เว๋ยซื่อเจี๋ยนำผู้คนคุกเข่าลง ก้มหมอบกราบไปทางเมืองหลวง“ฝ่าบาทพระชนมายุยืนนาน หมื่นปี หมื่น หมื่นปี”……รอจนกระทั่งชาวบ้านทุกคนไปหมดแล้ว เว๋ยซื่อเจี๋ยและเจียงหวานหว่านเดินทางกลับจวนเจ้าเมือง ท่านอ๋องรอพวกเขาอยู่หรงมู่หานนั่งอยู่บนรถม้า เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหรงซีเจ้าคนสมควรตาย ถูกเขาแย่งผลงานอีกแล้ว!แล้วยังเจียงหวานหว่าน เขาต้องครอบครองนางให้ได้“ไป”หรงมู่หานตะโกนด้วยโทสะ รถม้าวิ่งออกไปจากประตูเมืองชิงเหอตรงประตูเมืองชิงเหอมีรถม้าอีกคันหนึ่งคนบนรถม้าเขียนบันทึกเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมด แผนการล้มเหลว เขาต้องกลับไปรายงานเจ้านายจวนเจ้าเมืองเจียงหวานหว่านลงรถม้าด้วยความกระตือรือร้น นางไม่ได้เจอท่านอ๋องตั้งหลายวันแล้ว“แม่นางเจียง ท่านอ๋องรอแม่นางเจียงอยู่”เจียงหวานหว่านปฏิเสธ ตอนนี้นางอยากอาบและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดก่อนถ้านางไปพบหรงซีสภาพนี้ นางรู้สึกไม่ดีเมื่อรับรู้ความต้องการของเจียงหวานหว่าน เว๋ยซื่อเจี๋ยสั่งคนไปจัดการทันทีสาวใช้พาเจียงหวานหว่านมาถึงยังห้องรับแขกน้ำที่ใช้อาบเตรียม
หรงซีหัวเราะกับคำพูดของเจียงหวานหว่าน เขาเป็นถึงท่านอ๋อง เหตุใดจึงต้องให้นางปกป้องด้วย?น่าขายหน้านัก หรงซีหัวเราะ “เปลี่ยนเป็นข้าปกป้องเจ้าดีกว่า”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าดูถูกข้า ข้าเป็นคนช่วยชีวิตท่าน!”เจียงหวานหว่านกระพริบตาปริบๆ ให้หรงซีนอกจากท่านแม่แล้ว เขาคือคนที่สองที่เจียงหวานหว่านบอกว่าอยากปกป้องเวลานี้เองที่หรงซีตัดสินใจแล้ว เขาจะปกป้องนางตลอดชีวิต แม้วันข้างหน้านางจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยังคงปกป้องนางทว่าเหตุใดเมื่อนึกถึงว่าวันข้างหน้านางต้องแต่งงานกับชายอื่น หัวใจเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา“ลองชิมดู”หรงซีหยิบตะเกือบคีบอาหารให้เจียงหวานหว่าน“ได้”เจียงหวานหว่านหิวแล้ว แม้หรงซีจะส่งคนไปส่งอาหารที่หอบรรพชนชิงเหอทุกวัน แต่นางสนใจแต่จะคิดค้นยาถอนพิษ ไม่ได้กินข้าวดีๆ สักมื้อเจียงหวานหว่านกินอาหารอย่างพิถีพิถัน หรงซีมองด้วยความหลงใหลทั้งสองคนพูดคุย หัวเราะและกินอาหารด้วยกันหนึ่งมื้อ“ท่านหญิงหลิงโหรวจัดหาที่พักให้เจ้าแล้ว รอให้เจ้าเตรียมตัวให้เรียบร้อยก็ไปหานางได้”เจียงหวานหว่านตกใจ เหตุใดจึงได้เชิญท่านหญิงหลิงโหรวมาแล้ว สุขภาพของท่านหญิงไม่แข็งแรง เหตุใดต้องลำบากเดินท
เดิมทีหญิงสาวทั้งสองไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน และนางทั้งสองก็ได้สนิทกันตั้งแต่นี้มา……ณ เมืองหลวง จวนสกุลเจียงซิ่วกู่ถือโอสถเดินออกมาจากห้องครัว และได้เผชิญหน้ากับเฉาหยูเฟิ่ง“เฉาอี๋เหนียง มาเยี่ยฮูหยินหรือเจ้าคะ?”ซิ่วกู่เอ่ยปากกล่าวทักทาย แต่ไม่ได้ทำความเคารพแต่อย่างใดนางไม่ใช่สาวใช้ของสกุลเจียงสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องคำนับอี๋เหนียงความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นนัยน์ตาของเฉาหยูเฟิ่งสาวใช้จวนท่านอ๋องช่าวเย่อหยิ่งยิ่งนัก แต่นางมาสร้างความน่ารำคาญให้สกุลหลิ่วสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเอาของดีที่ได้เตรียมไว้ออกมา“ข้าจะมาขอโทษฮูหยิน ได้ยินว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บก็เพราะเรื่องของหนิงเกอเออร์ ข้าจึงตั้งใจจะมาขอโทษฮูหยิน”ซิ่วกู่ยิ้มพลางกล่าว “เฉาอี๋เหนียงกล่าววาจาน่าขำยิ่งนัก ฮูหยินกับคุณชายห้าเป็นแม่ลูกกัน ต่อให้เกิดเรื่องอันใดก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองแม่ คนนอกไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลให้มากหรอกเจ้าค่ะ”ดูเหมือนว่าเฉาหยูเฟิ่งจะไม่เข้าใจความหมายที่ซิ่วกู่จะสื่อ“แม่นางซิ่วกู่พูดถูก แต่ลูกๆ ในจวนสกุลเจียงล้วนแต่เป็นข้าที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ แม้ข้าจะไม่ใช่เป็นคนคลอดเขาออกมาเอง
หงเหลียนรู้สึกว่าที่ซิ่วกู่กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว นางเองก็คิดเช่นนี้“ท่านพี่ซิ่วกู่ มีโอสถใดที่ทำให้เสียโฉมได้บ้างหรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าเจียงอวิ้นรักในรูปโฉมของตัวเองมาก”ซิ่วกู่เดินถือถ้วยโอสถที่หลิ่วซู่ดื่มเสร็จเข้าไปในห้องครัวพลางกล่าว “ในลิ้นชักชั้นที่สองทางซ้ายขวดแรกในห้องข้า” ทันทีที่ซิ่วกู่กล่าวจบ หลงเหลียนก็ไม่รีรอ รีบวิางเข้าไปในห้องหงเหลียนหยิบเอาโอสถนั้นมาทันที……เจียงอวิ้นมองยาที่สาวใช้ชิวจู๋ถือมา นางตะคอกด้วยความโกรธว่า “ข้าไม่อยากกิน เอาออกไป รีบเอาออกไป!”กล่าวจบ เจียงอวิ้นก็เกิดอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนจะให้ดื่มโอสถอีกแล้ว เจียงอวิ้นหมดอาลัยตายอยากแล้ว ตอนนี้เพียงแค่อ้าปากก็ล้วนแต่เป็นกลิ่นปัสสาวะม้าแล้วนางดื่มโอสถมาเป็นเวลาสองเดือนแล้ว แม้ว่าจะลุกนั่งที่เตียงได้ แต่ก็ยังลุกเดินออกจากเตียงไม่ได้อยู่ดี เจียงหวานหว่านคนสารเลว ต้องจงใจกลั่นแกล้งเป็นแน่ นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าปัสสาวะม้าจะสามารถรักษาอาการป่วยได้จะว่าไปมันก็แปลกยิ่งนัก หลังจากที่เอาปัสสาวะม้าเข้าออกจากในเทียบยา อาการป่วยของนางก็ยิ่งรุนแรงขึ้นท่านแม่ของนางไร้หนทางจึงสั่งให้สาวใช้เพิ่มปัสส
หงเหลียนรู้สึกว่าที่ซิ่วกู่กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว นางเองก็คิดเช่นนี้“ท่านพี่ซิ่วกู่ มีโอสถใดที่ทำให้เสียโฉมได้บ้างหรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าเจียงอวิ้นรักในรูปโฉมของตัวเองมาก”ซิ่วกู่เดินถือถ้วยโอสถที่หลิ่วซู่ดื่มเสร็จเข้าไปในห้องครัวพลางกล่าว “ในลิ้นชักชั้นที่สองทางซ้ายขวดแรกในห้องข้า” ทันทีที่ซิ่วกู่กล่าวจบ หลงเหลียนก็ไม่รีรอ รีบวิางเข้าไปในห้องหงเหลียนหยิบเอาโอสถนั้นมาทันที……เจียงอวิ้นมองยาที่สาวใช้ชิวจู๋ถือมา นางตะคอกด้วยความโกรธว่า “ข้าไม่อยากกิน เอาออกไป รีบเอาออกไป!”กล่าวจบ เจียงอวิ้นก็เกิดอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนจะให้ดื่มโอสถอีกแล้ว เจียงอวิ้นหมดอาลัยตายอยากแล้ว ตอนนี้เพียงแค่อ้าปากก็ล้วนแต่เป็นกลิ่นปัสสาวะม้าแล้วนางดื่มโอสถมาเป็นเวลาสองเดือนแล้ว แม้ว่าจะลุกนั่งที่เตียงได้ แต่ก็ยังลุกเดินออกจากเตียงไม่ได้อยู่ดี เจียงหวานหว่านคนสารเลว ต้องจงใจกลั่นแกล้งเป็นแน่ นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าปัสสาวะม้าจะสามารถรักษาอาการป่วยได้จะว่าไปมันก็แปลกยิ่งนัก หลังจากที่เอาปัสสาวะม้าเข้าออกจากในเทียบยา อาการป่วยของนางก็ยิ่งรุนแรงขึ้นท่านแม่ของนางไร้หนทางจึงสั่งให้สาวใช้เพิ่มปัสส
เถ้าแก่กู่เหลือบมองเจียงจิ่นหนิง และกล่าวอย่างสุภาพว่า“ต้องขออภัยด้วยขอรับ ตอนนี้ที่ร้านไม่มียาผิวหยกแล้ว”“เมื่อไหร่จะมี ข้าเหมาหมด”เจียงจิ่นหนิงกล่าวอย่างใช้อำนาจบาตรใหญ่เถ้าแก่กู่และเหล่าสหายร้านขายโอสถต่างมองหน้าเจียงจิ่นหนิงด้วยความประหลาดใจคนทั้งเมืองล้วนแต่รู้ดีว่ายาผิวหยกของโรงหมอเสวียนเป็นสิ่งของที่ใช้ถวายให้แก่ราชวงศ์คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจซื้อได้ เมื่อมองดูท่าทางของคุณชายท่านนี้เขาน่าจะไม่รู้จริงๆ “ต้องขออภัยจริงๆ ขอรับยาผิวหยกถวายให้แก่ราชวงศ์ไม่อาจนำมาขายได้เชิญท่านกลับไปเถอะขอรับ!”เท่าแกกู่ยิ้มพลางกล่าวเจียงจิ่นหนิงได้ยินเช่นนี้แล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้น ใช่ว่าจะไม่มีแต่เค้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้มันมา”“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระให้มากความ ข้าจะซื้อมันด้วยราคาเพิ่มอีกสามเท่า รีบเอามันออกมาเร็วเข้า”เจียงจิ่นหนิง ทำท่าทางอวดร่ำอวดรวยยสีหน้าของเถ้าแก่กู่เริ่มเคร่งขรึมลง ช่างไม่รู้อะไรเสียแล้ว จากนั้นเขาก็ไม่สนใจเจียงจิ่นหนิง ปล่อยให้เขายืนด่าอยู่ข้างๆ คนเดียวหลังจากที่เจียงจิ่นหนิงสบถด่าอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกเหนื่อย จึงนั่งพักที่เก้าอี้“เถ้าแก่กู่ ข้ามาเอายาผิวห
ในชาติก่อนนางเข้าวังและเคยพบกับเซียวกุ้ยเฟย จำได้ว่านางกำนัลที่สั่งจับตัวเจียงจิ่นหนิงนั้นคือซีหยวน เป็นนางกำนัลข้างกายของเซียวกุ้ยเฟยนางไม่ได้คิดถึงเจียงจิ่นหนิงเลยสักนิด เขาคงหาเรื่องใส่ตัวเป็นแน่!ท่านหญิงหลิงโหรวให้ฝูตงไปซื้อโอสถก่อน จากนั้นให้องครักษ์ไปสืบเรื่องราวองครักษ์ไปสืบเรื่องมา และได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นต่อท่านหญิงหลิงโหรวเมื่อรู้ว่าคนที่โดนจับเป็นพี่ชายของเจียงหวานหว่าน นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“คนที่โดนจับตัวผู้นั้นเป็นพี่ชายของเจ้าหรือ?”ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง เจียงหวานหว่านไม่อยากยอมรับว่าเจียงจิ่นหนิงเป็นพี่ชายของนาง“ตามสายเลือดแล้ว เขาเป็นพี่ชายของหม่อมฉันเองเพคะ”ท่านหญิงหลิงโหรวฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของเจียงหวานหว่านก็รู้ว่าเจียงหวานหว่านไม่ชอบพี่ชายของนางท่าทางของเจียงจิ่นหนิงเมื่อครู่ นางเห็นหมดแล้ว เป็นลูกที่เกิดมาจากพ่อแม่ท้องเดียวกันแท้ๆ แต่เหตุใดถึงได้แตกต่างกันมากถึงเพียงนั้นพี่ชายของนางผลีผลามกระทำเรื่องที่ไม่สมควรทำ แย่งชิงของของเซียวกุ้ยเฟยท่านหญิงหลิงโหรวเห็นเจียงหวานหว่านเป็นสหายของตนเองไปแล้ว นางยินยอมช่วยเจียงหวาน
หลิ่วซู่รู้ว่าเรื่องที่นางบาดเจ็บนั้นไม่มีทางปกปิดเจียงหวานหว่านได้ นางจึงเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นตามความจริงหลังจากเจียงหวานหว่านตรวจบาดแผลของหลิ่วซื่อแล้ว นางโกรธจนอยากจะตีเจียงจิ่นหนิงให้ตาย“หว่านเจี่ยเออร์ จะโทษหนิงเกอเออร์ทั้งหมดไม่ได้ หากเขาเติบโตโดยมีข้าอยู่ข้างกาย เขาคงไม่ทำเรื่องวู่วามเช่นนี้”หลิ่วซู่กล่าวด้วยความรู้สึกผิดเจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความโมโห “เป็นเพราะท่านพ่อไม่อบรมสั่งสอน ท่านแม่ไม่ต้องรู้สึกผิด”แม้จะเป็นเช่นที่กล่าว ทว่าในใจหลิวซื่อยังรู้สึกผิดกับเจียงจิ่นหนิงอยู่ดีหลิ่วซู่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาเจียงหวานหว่านเห็นท่าทางหลิ่วซู่เช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ลูกชายเติบโตไม่ได้เกี่ยวข้องกับมารดา ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีพี่ห้าก็นิสัยเกเรก้าวร้าว หากไม่ใช่เพราะเขา ท่านแม่จะได้รับบาดเจ็บได้เช่นไร!”“แม่บาดเจ็บ ไม่เกี่ยวกับพี่ชายเจ้า เขาเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้”หลิ่วซู่แก้ตัวแทนเจียงจิ่นหนิงเจียงหวานหว่านแค่นเสียงหัวเราะ แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดหลิ่วซู่นึกถึงหงเหลียนขึ้นมาจึงกล่าวกับเจียงหวานหว่าน “ครั้งนี้หากไม่ได้หงเหลียนช่วยชีวิต แม่คงไ