Share

บทที่ 2

“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”

เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโห

เย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’

เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมา

เซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"

เพียะ เพียะ!

เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองที

ร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"

เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"

เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถ

เขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็ว

แต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัด

แต่หลังจากที่เย่ซิวฝังเข็มให้กับเขา การหายใจของเขาก็ค่อย ๆ สม่ำเสมอขึ้น

ที่ด้านนอกรถ บอดี้การ์ดสองคนมองฉากนี้ด้วยความรู้สึกประหลาดใจมาก

เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตัวเองไม่เป็นไรแล้ว บอดี้การ์ดทั้งสองจึงไม่ได้เข้าไปรบกวนเขา

ชายชราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนแรง "ขอบคุณน้องชายคนนี้มาก ทักษะทางการแพทย์ของเธอน่าทึ่งมากจริง ๆ"

เย่ซิวจับชีพจรให้กับเขาอีกครั้ง "เส้นลมปราณเสื่อมถอย เกิดจากการฝืนใช้พลังทะลวงระดับพลังยุทธแต่ล้มเหลว"

ดวงตาของชายชราเป็นประกาย "น้องชายมีสายตาเฉียบแหลมมากจริง ๆ หรือเธอเองก็เป็นยอดฝีมือที่ฝึกวรยุทธด้วยเหมือนกัน?"

เย่ซิวไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย

เมื่อนานมาแล้วอาจารย์เคยบอกเขาว่า หากไม่จำเป็นจริง ๆ ห้ามเผยความสำเร็จในการฝึกวรยุทธของตัวเองง่าย ๆ

ไม่อย่างนั้น จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

“คุณอดทนไว้ ผมจะช่วยทะลวงเส้นลมปราณที่เสื่อมถอยให้ ถึงตอนนั้นด้วยความสามารถของจอมยุทธ์ระดับสี่ของคุณ ปัญหาต่าง ๆ ในร่างกายของคุณจะหายไปเอง”

ม่านตาของชายชราหดตัวลงอย่างรุนแรง เขาหอบหายใจถี่ขึ้น "น้องชาย เธอ เธอ เธอ… เธอหมายความว่า เธอสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้เหรอ?"

จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง?

ชายชราเองก็มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเหมือนกัน

แต่ทว่าเนื่องจากความล้มเหลวจากการทะลวงระดับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาสูญเปล่า

ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเองจึงไม่สู้แต่ก่อนแล้ว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ติดต่อกับหมอที่มีชื่อเสียงไม่น้อย ทว่าทุกคนก็ล้วนแต่จนปัญญา

เย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อย

อาการของชายชราไม่นับว่าร้ายแรงนัก ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่ทักษะทางการแพทย์ไต่ไปเกือบถึงระดับราชาแห่งยาแล้วจะรักษาให้หายขาดไม่ได้

“ถ้าน้องชายสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเรียกร้องเงื่อนไขอะไร ก็เอ่ยปากมาได้เลย”

เขาตื่นเต้นมาก!

หลายปีมานี้ ตัวเองหมดหวังไปแล้ว

เขายอมแพ้ในการรักษาไปนานแล้ว แค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานอีกสักหน่อยเพื่อปูทางให้กับลูกชาย

ตอนนี้ เมื่อก็ได้ยินว่าตัวเองยังมีทางรอด จะไม่มีความสุขได้ยังไง?

เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายชราคนนี้ดูร่ำรวยมาก ทำไมเขาถึงคุมอารมณ์ไม่ได้ขนาดนี้?

ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้!

เขาดึงเข็มเงินออกมาจากร่างของชายชรา

หลังจากฆ่าเชื้อจนเสร็จ ก็เริ่มการฝังเข็มรอบใหม่

ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะเขาใช้ทักษะพิเศษอย่างวิชาวิญญาณสิบสามเข็ม!

ทันทีที่ทักษะฝังเข็มนี้ถูกใช้ออกไป มันก็จะเหมือนกับกำชัยเหนือภัยพิบัติทั้งมวล คิดอยากตายก็เป็นเรื่องยาก!

ลมหายใจของชายชราสะดุด

เขาพบว่าบนตัวของเย่ซิวในเวลานี้เปล่งออร่าที่ทำให้เขาตกใจอย่างมาก

ในชั่วพริบตา เข็มทั้งสิบสามเล่มก็ถูกฝังลงไป

ลมปราณอุ่นเคลื่อนผ่านร่างกายของเขา

เส้นลมปราณที่เคยเสียหายเหล่านั้นกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก

เดิมทีสีหน้าของชายชราซีดมาก

แต่เมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าเขาก็ค่อย ๆ ขึ้นสีแดงก่ำอย่างสุขภาพดี

ตู้ม!

กลิ่นอายอันทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา ราวกับหมาป่าที่กำลังหลับใหลถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

นอกประตูรถ ขาของบอดี้การ์ดทั้งสองคนสั่นจนแทบจะคุกเข่าลง

ในดวงตาของพวกเขา เผยให้เห็นถึงความสยดสยองและหวาดกลัวเด่นชัด

ภายในรถ เย่ซิวกลับไม่ได้รับผลกระทบจากออร่าของชายชราเลยแม้แต่น้อย

ก็แค่จอมยุทธ์ระดับสี่

จอมยุทธ์ถูกแบ่งออกเป็นขั้นหนึ่งถึงเก้า

ขั้นหนึ่งคือระดับต่ำสุดและขั้นเก้าคือระดับสูงสุด ก่อนบรรลุถึงขั้นหนึ่งจะยังไม่ถูกนับว่าเป็นจอมยุทธ์

ขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม คือจอมยุทธ์ระดับล่าง

ขั้นสี่ถึงขั้นหก คือจอมยุทธ์ระดับกลาง เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญ

ขั้นเจ็ดถึงขั้นเก้า คือจอมยุทธ์ระดับสูง หรือที่ผู้คนเรียกกันว่าปรมาจารย์!

และเย่ซิวก็เป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุด หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นปรมาจารย์นั่นเอง!

“กลับมาแล้ว ฟื้นฟูกลับมาแล้วจริง ๆ!” ชายชราสัมผัสพลังอันทรงพลังในร่างกายของเขา และร้องไห้ด้วยความดีใจ

ความรู้สึกถึงพลังที่ห่างหายไปนานนี้ เขาไม่ได้สัมผัสมันมาเป็นเวลานานมากแล้ว

“ผู้มีพระคุณ ฉันชื่อเซี่ยเจี๋ย ขอบคุณสำหรับบุญคุณที่ให้ชีวิตใหม่!”

พูดจบ เขาก็โค้งตัวให้เย่ซิว คำนับอย่างลึกซึ้ง

เย่ซิวรับคำขอบคุณอย่างเปิดเผย

“ผมไม่ได้รักษาให้คุณฟรี ๆ หรอกนะ” เย่ซิวกล่าว “ตามกฎสำนักแพทย์ของผม รักษาให้คนยากจนและลำบากจะคิดเงินเพียงแค่หนึ่งหยวนเท่านั้น”

“แต่หากรักษาให้คนรวย จะเรียกเก็บเงินสามพันหยวน และคุณยังต้องจ่ายอีกหนึ่งแสนหยวนเพื่อทำการกุศล"

เซี่ยเจี๋ยคิดว่าเย่ซิวจะเรียกร้องสักหลายล้านหรือหลายสิบล้าน

แม้ว่าเขาจะยอมจ่ายตามที่เขาขอมาได้ทุกสตางค์ก็ตามที

ชีวิตของเขามีค่ามากกว่าเงินจำนวนเล็กน้อยนั้น

แต่เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าเย่ซิวจะเรียกเงินเพียงสามพันหยวน ความประทับใจดี ๆ ที่มีต่อเด็กหนุ่มจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีในทันที

เป็นคนหนุ่มที่มีหลักการจริง ๆ!

“ฉันยังไม่ได้ถามชื่อของผู้มีพระคุณเลย”

“เย่ซิว”

“ที่แท้ก็คือผู้มีพระคุณเย่”

เมื่อทั้งสองคนลงจากรถ เซี่ยเจี๋ยก็หัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า "การได้พบกับผู้มีพระคุณในวันนี้ นับเป็นวาสนาที่ฉันสั่งสมมาหลายชาติภพจริง ๆ”

บอดี้การ์ดสองคนตกตะลึง

เซี่ยชิงชิงที่นั่งแหมะอยู่บนพื้นเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เซี่ยเจี๋ยที่หายใจรวยรินเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้หายดีแล้วอย่างนั้นเหรอ?

“คุณปู่ ไม่เป็นไรแล้วเหรอคะ?”

เซี่ยชิงชิงรีบลุกขึ้น วิ่งไปหยุดอยู่ข้าง ๆ เซี่ยเจี๋ยด้วยความยินดีปนประหลาดใจอย่างยิ่ง

เซี่ยเจี๋ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บภายในจะหายดีแล้ว แต่ระดับการบ่มเพาะของปู่ยังฟื้นกลับมาแล้วอีกด้วย"

“เยี่ยมมาก!” เซี่ยชิงชิงกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากนั้น เธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวและพูดอย่างดุร้ายว่า “คุณปู่คะ เขารังแกหนู ปู่ต้องจัดการมอบบทเรียนแก่เขาให้หนูนะ!"

ใบหน้าของเซี่ยเจี๋ยมืดครึ้มทันที "หลานกำลังพูดไร้สาระอะไร? เขาเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลเซี่ยของเรา รีบขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!"

เซี่ยชิงชิงมองไปที่เซี่ยเจี๋ยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "คุณปู่ คุณปู่บ้าไปแล้วเหรอคะ? หนูเป็นหลานสาวที่ปู่รักที่สุดนะ หนูถูกคนอื่นรังแก ปู่ไม่ช่วยหนูก็ไม่เป็นไร แต่ยังอยากให้หนูขอโทษไอ้คนเถื่อนตัวเหม็นนี่อีกเหรอ?"

เซี่ยเจี๋ยเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ชิงชิง ท่านนี้คือผู้มีพระคุณของเรา ถ้าไม่มีเขา ป่านนี้ปู่อาจไม่รอดแล้วก็ได้ เด็กดี เชื่อฟังที่ปู่พูด รีบขอโทษผู้มีพระคุณซะ"

“หนูไม่ขอโทษ!” ดวงตาของเซี่ยชิงชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเขารังแกหนู ทำไมหนูต้องขอโทษด้วย? ปู่จะช่วยหนูไหมคะ? ถ้าไม่ช่วย หนูจะโทรเรียกคนที่จีบหนูอยู่ให้มาฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!"

ในฐานะคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เธอไม่เคยได้รับความคับข้องใจแบบนี้มาก่อนเลย

เย่ซิวส่ายหน้า เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนแล้ว

แถมยังเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอีกต่างหาก

เซี่ยเจี๋ยโกรธมาก เขายกมือขึ้นเตรียมจะตบหน้าเธอ แต่ง้างอยู่นานก็ตัดใจลงมือไม่ลง

ท้ายที่สุด นี่คือหลานสาวที่เขารักมากที่สุด เขาทำใจทุบตีเธอไม่ได้

เซี่ยชิงชิงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา "ฉันจะโทรเรียกคนให้มาฆ่านายเดี๋ยวนี้แหละ ไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น!"

ตุ๊กตาดินเผายังมีเวลาที่ร้อนเป็นไฟ นับประสาอะไรกับเย่ซิวที่เป็นอันธพาลแท้ ๆ คนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนี้คำก็คนเถื่อนสองคำก็คนเถื่อน ทำให้เขาโมโหมากทีเดียว

เขาก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นแล้วฟาดลงบนหน้าของเซี่ยชิงชิงทันที

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status