Share

บทที่ 9

ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ

เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอก

วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว

จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมาย

นอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวาง

ในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ

"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง"

"เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ"

"โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"

ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่อง

ของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียว

เย่ซิวมาถึงแล้ว

เขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชา

ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันที

ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ

เขาไม่สนใจสายตาแปลก ๆ มากมายจากคนเหล่านั้น เย่ซิวเดินไปที่ประตูใหญ่

เขาถูกขวางอย่างรวดเร็ว

บอดี้การ์ดสวมชุดสูทและแว่นกันแดดเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม "คุณเป็นใคร?"

"คนที่จะมาอวยพรวันเกิดให้จ้าวจางยังไงล่ะ หลีกทางไปซะ"

รังสีของเย่ซิวแผ่ออกมาทั่วบริเวณ บอดี้การ์ดคนนี้รู้สึกกลัวขึ้นทันที

กว่าที่เขาจะเรียกสติกลับมาได้ เย่ซิวก็เดินผ่านเขาไปแล้ว

เมื่อมาถึงพ่อบ้าน เขาก็ยื่นของในมือให้อย่างไม่แยแส

พ่อบ้านหยิบมันขึ้นมาเปิดดูตามสัญชาตญาณ เผยให้เห็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง

"แขกมอบนาฬิกามาหนึ่งเรือน"

หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นการตอบสนองและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน "อะไรกัน? นี่จะยั่วโมโหกันเหรอไง?"

ในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็มาถึงห้องโถงด้านในแล้ว

ภายในห้องโถงเหล่าผู้นำด้านธุรกิจแขนงต่าง ๆ ของเจียงเฉิงล้วนนั่งอยู่ที่นี่

จ้าวจางอายุแปดสิบปี แต่เขายังคงดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย

นัยตาของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

เดิมทีภายในงานนั่นคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินจากด้านนอกว่ามีคนนำนาฬิกามามอบเป็นของขวัญให้เขา บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที

รอยยิ้มของจ้าวจางหายไป

จ้าวเฉียนนั่งอยู่ด้านข้างตบโต๊ะอย่างโกรธจัด "วันนี้ใครมันกล้าให้ของอัปมงคลแบบนี้!"

"ผมเอง!"

เย่ซิวเดินเข้ามาและมองจ้าวเฉียนด้วยแววตาคมกริบราวกับสายฟ้าฟาด "คุณกล้ามาก กล้ามาหลอกผม!"

"ไอ้เด็กสามหาว!" จ้าวเฉียนตะคอกอย่างเย็นชา “แกไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี้ คุกเข่าลง คำนับพ่อฉันเก้าครั้งแล้วไสหัวไปซะ!"

เย่ซิวเอามือไพล่หลัง "คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ผมมีสองสิ่งที่ต้องการ หนึ่งคือโอนเงินสองร้อยล้านหยวนให้ผมทันที และอย่างที่สองคือตระกูลจ้าวของคุณต้องคุกเข่าลงและขอโทษผมด้วย"

เย่ซิวคิดว่าการลงโทษนี้ไม่สาสมแล้วด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของอาจารย์ที่สอนเขาว่าผู้มีปัญหาไม่ควรใช้กำลังในการแก้ปัญหา เขาคงลงมือทำลายตระกูลจ้าวไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เสียเวลาจนถึงป่านนี้

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา แขกเหรื่อทุกคนในห้องต่างก็หัวเราะเสียงดัง

"เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน เขาทำฉันขำเกือบตายแล้ว"

"เขารู้ไหมว่าเขาพูดอะไรออกมา?"

"เด็กบ้านนอกนี้จะทำให้ตระกูลจ้าวคุกเข่าและขอโทษได้ยังไง?"

"มิหนำซ้ำเขายืนกรานที่จะทำแบบนี้อีกด้วย"

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม "ไอ้เด็กสารเลว กล้าข่มขู่ตระกูลจ้าวของฉันเหรอ? นายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยนะ ฉันไม่มีทางให้ค่านายหรอก!"

เย่ซิวรู้สึกขบขัน "ข่มขู่งั้นเหรอ? คุณนี่ไร้ยางอายกว่าที่ผมคิดเสียอีก ในตอนที่อาจารย์ของผมช่วยจ้าวเฉียน คุณให้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์แก่เขา เมื่อวานผมขายหุ้นให้คุณ แต่สุดท้ายคุณก็อายัดเงินไว้ ช่างหน้าด้านจริง ๆ!"

เย่ซิวคิดกับตัวเองว่าเป็นเพราะเขาขาดประสบการณ์ทางสังคม เรื่องราวจึงเป็นเช่นนี้

"ไร้สาระ!" จ้าวเฟิงโกรธจัด "ตระกูลจ้าวของฉันปราศจากมลทิน กล้าดียังไงมาใส่ร้ายพวกเรา ใครก็ได้ไล่เขาออกไปที!"

"เดี๋ยวก่อน" จ้าวจางพูดขึ้นและมองตรงไปที่เย่ซิว "พ่อหนุ่ม วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องอัปมงคลขึ้นในวันนี้"

"เอาล่ะ ฉันจะให้เงินนายหนึ่งแสนหยวน แล้วออกไปเดี๋ยวนี้"

จ้าวเฟิงเข้าใจเรื่องราวในทันที เขาหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋า เขียนจำนวนเงินหนึ่งแสนหยวนด้วยความงุนงงและเดินไปหาเย่ซิว

"ฉันเคยเห็นคนแบบนายมาเยอะแล้ว นายแค่ต้องการเงินไม่ใช่หรือ? รับไปสิ หนึ่งแสนหยวนคงพอให้นายใช้ได้อีกนาน"

เช็คในมือของเขาถูกยกขึ้นต่อหน้าเย่ซิว จากนั้น จู่ ๆ เขาก็ปล่อยเช็คลงกับพื้น

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยการถากถาง "รับเช็คแล้วออกไปจากที่นี่ซะ ไอ้บ้านนอก!"

แขกเหรื่อต่างพากันหัวเราะเสียงดัง บรรดาชนชั้นสูงจากแวดวงต่าง ๆ มองตรงไปที่เย่ซิวด้วยความเย้ยหยันบนใบหน้าของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูตัวตลก

เย่ซิวไม่แม้แต่จะปรายตามองเช็คที่ตกลงบนพื้นด้วย "ผมเลือกเส้นทางของผมเองได้ ตอนนี้ผมขอประกาศว่าตระกูลจ้าวได้ล่มสลายไปแล้ว"

คำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนโง่เขลา

จะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายอย่างนั้นเหรอ?

ตอนนี้ตระกูลจ้าวอยู่ในจุดสูงสุดและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง

การที่เด็กสารเลวอย่างเขาหมายจะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายไร้สาระพอ ๆ กับคนที่หมายจะไขว่คว้าดวงจันทร์บนท้องฟ้า

ใบหน้าของจ้าวจางเข้มขึ้นเล็กน้อย "หนุ่มน้อย ตระกูลจ้าวของฉันเป็นตระกูลที่มีเมตตา ฉันให้เงินไปแล้วนายยังต้องการอะไรอีก? นายอย่าได้โลภเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นได้"

คำพูดของเขาเป็นการข่มขู่

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอีกต่อไป เขามองไปรอบ ๆ "วันนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของฉันกับตระกูลจ้าว เพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ พวกคุณทุกคนควรออกไปจะดีที่สุด"

"กล้ามาก!" ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าชั่วร้ายยืนขึ้นก่อนตะโกนใส่เย่ซิว "แกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม? ถึงได้กล้ามาขู่พวกเราแบบนี้!"

หญิงสาวสวยอวบอ้วนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "คุณจ้าวมีจิตใจดีและไม่ต้องการเอาเรื่องนาย เพราะงั้นอย่ามัวมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เลย"

ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนได้แสดงความคิดเห็นของตนกันเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับความชื่นชมจากตระกูลจ้าว และไม่มีใครอยากพลาดเหตุการณฺที่เกิดขึ้น

ในไม่ช้าพวกเขาก็รีบเรียกบอดี้การ์ดจำนวนร้อยกว่าคนเข้ามา

แต่ละคนมีกล้ามเนื้อปูดโปนและสายตาที่ดุร้าย

จ้าวเฟิงกล่าวอย่างเสแสร้ง "แม้ว่านายจะเป็นฝ่ายมาที่บ้านของฉันเพื่อรีดไถเงินก่อน แต่ตระกูลจ้าวของฉันก็มีเมตตา ตอนนี้ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง ออกไปพร้อมกับเงินนั่น และจบเรื่องนี้ลงซะ"

เพียะ!

เย่ซิวตบหน้าเขาทันที "ไร้สาระจริง ๆ คุณมันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง"

เขาออกแรงเเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ร่างของจ้าวเฟิงหมุนเคว้งกลางอากาศก่อนจะดิ่งลงสู่พื้น

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมฉึ่ง และดวงตาของเขาเบิกกว้าง ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด

การตบของเย่ซิวแฝงไปด้วยปราณทมิฬที่รุนแรง

ตอนนี้อาจยังไม่ปรากฏอะไรให้เห็น แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วันหากไม่ได้จอมยุทธ์ระดับเจ็ดมาช่วยจัดการ เขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย

การตบนี้ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบเป็นเป่าสาก

จ้าวเฉียนส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง "สารเลว แกกล้าทำร้ายลูกชายของฉันเหรอ? พวกแกมัวยืนทำอะไรอยู่? ฆ่าเขาสิ!"

หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งไปหาจ้าวเฟิงที่หมดสติทันที

บอดี้การ์ดจำนวนมากเมื่อได้รับคำสั่ง ก็เหวี่ยงแท่งเหล็กเข้าหาศีรษะของเย่ซิวอย่างดุเดือด

ใบหน้าของเย่ซิวเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้เพลิดเพลินกับการสังหารเสียแล้ว

กระแสลมปราณอันทรงพลังหมุนวนอยู่ภายในร่างกายของเขา และเมื่อมันปะทุขึ้น ก็จะทำให้เกิดแรงกระทบอย่างรุนแรงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"หยุดนะ!"

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังมาจากด้านนอก!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status