Share

บทที่ 8

อาจเป็นเพราะไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงลืมเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้

เย่ซิวถึงกับคอแห้ง เขาละสายตาไปมองอย่างอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก

แต่ในขณะเดียวกันเขากลับลุกขึ้นนั่งสมาธิและเริ่มฝึกพระสูตรราชาแห่งยา

เมื่อหกเดือนที่แล้วเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ระดับเก้าและเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบพันปี

ตามที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ ระดับที่สูงกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือเป็นคนละโลกกันอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าเย่ซิวจะฝึกฝนมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้้นได้

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมาและเริ่มทำอาหาร

ไม่นานนัก กลิ่นหอมก็โชยออกมา

เย่ซิวหยุดฝึกฝนและเดินไปที่ห้องครัว

จึงได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำอาหารอย่างจริงจัง

ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมาก

หลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีและน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัย

ปกติเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชีวิต

"พี่เย่ ทำไมพี่มาที่นี่ได้ล่ะ ห้องครัวมีเต็มควันเต็มไปหมด พี่ไปรอข้างนอกเถอะ"

เย่ซิวส่ายหน้า "ไม่เป็นไร ตอนนี้เธอไม่ได้เรียนหนังสือแล้วเหรอ?"

สีหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นมืดลง "ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเจียงเฉิงได้แล้ว แต่..."

ถึงแม้เธอไม่พูดต่อแต่เย่ซิวก็รู้เหตุผล

เย่ซิวแอบคิดในใจว่าเมื่อเขาได้รับเงินสองร้อยล้านหยวนของเขา เขาจะสามารถนำเงินบางส่วนไปชำระค่าเล่าเรียนให้กับหลิ่วเมิ่งอิ๋นได้

ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ควรค่าที่จะได้รับการศึกษาที่ดี

หลิ่วมู่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก เขายังไม่สามารถทานอาหารที่มันเยิ้มได้

หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงป้อนโจ๊กเนื้อไม่ติดมันให้เขา

ท่ามกลางมื้ออาหารเย็น หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปิดเบียร์สองกระป๋องและแบ่งให้เย่ซิว

"พี่เย่ ฉันนับถือพี่ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อ"

หลังจากพูดจบเธอก็หยิบเบียร์ขึ้นมา แล้วเงยหน้าเทเบียร์เข้าปาก

เย่ซิวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มเบียร์ไม่เป็น

ก่อนที่เย่ซิวจะทันห้ามเธอได้ เธอก็ดื่มไปแล้วครึ่งกระป๋อง

เธอเรออย่างหนัก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาอดเอ็นดูเธอไม่ได้

"ถ้าดื่มไม่เป็นก็อย่าดื่ม"

"ไม่เป็นไร วันนี้ฉันมีความสุขมาก" หลิ่วเมิ่งอิ๋นคีบอาหารจากจานให้เย่ซิว "ลองหอยนางรมพวกนี้ดูสิ"

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารแสนอร่อยจากฝีมือของหลิ่วเมิ่งอิ๋น

เย่ซิวพยักหน้าขณะรับประทานอาหาร "ฝีมือทำอาหารของเธอน่าทึ่งมาก ต่อไปใครได้แต่งงานกับ เขาคนนั้นคงรับได้พรที่ยิ่งใหญ่จากสวรรค์แน่"

ดวงตาของหลิ่วเมิ่งอิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ภายในใจจึงรู้สึกเขินอาย เธอมองไปที่เย่ซิวและกระซิบ "พี่ชาย พี่... มีแฟนหรือยัง?"

เย่ซิวส่ายหน้า "ฉันไม่มีหรอก"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกเบิกบานใจเป็นที่สุด

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เมา

เย่ซิวเรียกเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีทีท่าตอบกลับ เขาจึงอุ้มเธอเข้าห้องนอน

ในตอนนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ ที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เธอหลับตาแน่น ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย

ผิวของเธอมีสีขาวราวกับหิมะ นุ่มนิ่มราวกับเยลลี่น่าลิ้มลอง

ระลอกคลื่นก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเย่ซิว เลือดในกายสูบฉีดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เขาค่อย ๆ วางหลิ่วเมิ่งอิ๋นลงบนเตียง คลุมผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอกาสเอาเปรียบเธอได้ แต่เขาก็ทำไม่ลง

ท้ายที่สุดเขาก็งีบหลับไปในห้องนั่งเล่น

เขาตื่นขึ้นในเวลาหกโมงเช้า

สิ่งแรกที่ทำคือการเปิดโทรศัพท์รุ่นเก่าของตัวเอง เพื่อตรวจดูว่าเงินเข้าบัญชีแล้วหรือยัง

"ยังอีกเหรอ?" เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เงินถูกโอนตั้งแต่บ่ายวานนี้ รออีกสักหน่อยแล้วกัน"

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เขาก็ฝังเข็มให้หลิ่วมู่อีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่วิชาวิญญาณสิบสามเข็มแต่เป็นเพียงการฝังเข็มง่าย ๆ เพื่อการพักฟื้นเท่านั้น

"ขอบคุณมาก ผู้มีพระคุณ" หลิ่วมู่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เขารู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด

เย่ซิวโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ "คุณลุงไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก การรักษาคนเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว"

หลิ่วมู่มองไปยังเย่ซิว ยิ่งมองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น

"พ่อคะ พี่เย่"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นผลักประตูเข้าไปและเอ่ยเรียกเสียงสดใส

หญิงสาวรู้สึกเขินอาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศสุก เธอไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเย่ซิว

เมื่อคืนเธอเมาจริง ๆ ทั้งยังตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองด้วย

เห็นได้ชัดว่าเป็นเย่ซิวที่อุ้มเธอเข้ามา

เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอเขินอายมากขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย

หลิ่วมู่หัวเราะ "ลูกสาวของพ่อตื่นแล้ว รีบไปทำอาหารเถอะ"

"อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ"

ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ เห็นได้ชัดว่าอาการของหลิ่วมู่กำลังฟื้นตัวได้อย่างดีมาก ใบหน้าของเขามีเลือดฝาดไม่ซีดเซียวเหมือนก่อนแล้ว

สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกขอบคุณเย่ซิวมากยิ่งขึ้น

หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่ซิวได้เขียนสูตรเสริมอาหารให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น

"กินอาหารตามนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนก็จะหายเป็นปกติแล้ว"

หลังจากพูดจบเขาเอ่ยว่า "ผมควรไปได้แล้ว"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกกระวนกระวายใจ "พี่เย่ คุณจะไปไหน?"

"ไปมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง" เย่ซิวลูบหัวเธอ "อาการของพ่อเธอไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องไปเรียนเสียที ส่วนเรื่องค่าเรียนฉันให้เธอยืมก่อน แล้วเธอค่อยจ่ายคืนในภายหลัง"

เขาไม่ได้บอกว่าจะให้เธอไปเฉย ๆ

ผู้หญิงคนนี้อาจดูเหมือนอ่อนแอ แต่ศักดิ์ศรีในตนเองของเธอนับว่าแข็งแกร่งมาก

หลิ่วเมิ่งอิ๋น กัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย "ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้?"

เย่ซิวพูดติดตลก "เพราะฉันอยากหลอกให้เธอไปทำหน้าที่ภรรยาให้ฉันไงล่ะ"

ใบหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา "ก็เอาสิ"

"อะไรนะ?" คำพูดนั้นเบาเกินไป เย่ซิวจึงได้ยินไม่ชัดเจนนัก

"ไม่ ไม่มีอะไร…" หลิ่วเมิ่งอิ๋นส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"เอาล่ะ ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อย"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรีบยื่นโทรศัพท์ให้เย่ซิวอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น เย่ซิวก็จากไป

หลิ่วเมิ่งอิ๋น มองตามแผ่นหลังของเย่ซิวด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

เย่ซิวเดินมาถึงที่ป้ายรถเมล์และมองหาเส้นทางไปยังมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง

วันนี้ดูเหมือนบนถนนรถจะหนาแน่นเป็นพิเศษ การจราจรจึงติดขัดกว่าปกติ

เย่ซิวหันหลังให้กับถนน เขากำลังดูเส้นทางเดินรถเมล์อยู่

เอี๊ยด!

รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเบรกอย่างกะทันหัน จนยางเสียดสีกับพื้นถนนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น

กระจกรถถูกเลื่อนลงมา ชายคนหนึ่งสูบบุหรี่พลางเอ่ยว่า "วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ นายน่าจะมาฉลองวันเกิดกับคุณปู่ของฉันนะ"

คิ้วของเย่ซิวกระตุกเล็กน้อยขณะที่เขามองดูเส้นทางรถเมล์

เขาจำเจ้าของเสียงได้ นี้คือเสียงของจ้าวเฟิง

ภายในรถหรู มีเสียงส่งเสน่ห์ดังขึ้น "ครั้งนี้ นายน้อยเตรียมของขวัญอะไรให้คุณปู่เหรอ?"

จ้าวเฟิงหัวเราะ "ฉันจะบอกเอาไว้เลยนะ เมื่อวานมีคนโง่ขายหุ้นห้าเปอร์เซ็นของเขาให้พ่อของฉัน

หุ้นมีมูลค่าถึงสองร้อยล้านหยวนเชียวนะ แต่หลังจากโอนเงิน ฉันก็โทรไปยกเลิกกับธนาคาร อ้อ! เมื่อวานได้เงินสองร้อยล้านหยวนมาฟรี ๆ พวกเราไปร้านขายโบราณวัตถุกันดีกว่า คราวนี้จะซื้อโบราณวัตถุราคาหลายสิบล้านให้ปู่ก็แล้วกัน เขาจะได้มีความสุข!"

เย่ซิวหันกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย และรถสปอร์ตคันนั้นก็แล่นออกไป

เมื่อรถสปอร์ตหายไปจากสายตา ใบหน้าของเย่ซิวก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นเยือก

"เยี่ยมเลย ขนาดฉันยังใช้ชีวิตมีแบบแผน แต่นายกลับใช้ชีวิตอย่างประมาทเสียจริง!"

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซี่ยเจี๋ย

เขาจำเป็นต้องรู้ว่าปู่ของจ้าวเฟิงฉลองวันเกิดที่ใด

หลังจากขอที่อยู่มาแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต เลือกซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่งหลังจากบรรจุลงกล่องของขวัญแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองทันที

ในอีกด้านหนึ่งเซี่ยเจี๋ยวางสายโทรศัพท์และพูดอย่างครุ่นคิดไปว่า "ผู้มีพระคุณของฉันไปแสดงความยินดีกับจ้าว จางเหอในวันเกิดของเขาด้วย งั้นฉันก็ต้องไปที่นั่นเหมือนกัน!"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status