บททั้งหมดของ บุตรสาวขาโหดกลับมาหลังตายอนาถ: บทที่ 1 - บทที่ 10
210
บทที่ 1
แคว้นตงหลิง ฤดูเหมันต์อันหนาวเหน็บปีเฉียนหยวนที่สามสิบเจ็ดภายในห้องลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้คนกลัวจนตัวสั่นสะท้านเห็นเพียงว่าบนเตียงหินของห้องลับมีหญิงสาวที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือดคนหนึ่งนอนอยู่บนใบหน้าของนางมีรอยแผลกรีดคาดกันเป็นเส้นๆ ดูอัปลักษณ์น่าสะพรึงกลัวมือเท้าถูกตะปูเหล็กหนาตอกไว้ที่สี่มุมของเตียงหิน บาดแผลมีเลือดเปรอะเปื้อน บนเตียงก็เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงเข้มที่แห้งกรังท้องของนางกลับนูนสูง เห็นได้ชัดว่าท้องใกล้คลอดแล้วสตรีในอาภรหรูถือกริชเล่มหนึ่งไว้ในมือ แย้มยิ้มขณะเดินเข้าใกล้นางทีละก้าวๆ“เจียงอวิ้น! กรรมจะตามสนองเจ้า เจ้าจะไม่ได้ตายดี!”“เหอะๆ ข้าจะตายดีหรือไม่นั้นไม่รู้ แต่เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีแน่!”พอพูดถึงคำสุดท้ายออกมา เสียงนางก็ดังก้องขณะชูกริชในมือขึ้น แทงเข้าไปในเบ้าตาของผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ลังเล“อ้า...” เสียงกรีดร้องที่แสนเจ็บปวดดังไปทั้งห้องศิลาโลหิตสดกระเซ็นไปทั่วทั้งตัวของนางแต่นางกลับไม่คิดแยแส ดวงตาจ้องมองสภาพอนาถของสตรีผู้นั้น ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มแห่งความปีติสุข“เจียงหวานหว่าน แต่เดิมเจ้ากับมารดาแพศยาของเจ้าไม่ควรกลั
Read More
บทที่ 2
ฤดูหนาวเดือนสิบสอง หิมะร่วงโรยปลิวพริ้วรถม้าคันหนึ่งวิ่งไปตามเส้นทางบนภูเขาที่ทุรกันดารอย่างช้าๆรถม้าที่ทั้งเก่าและทรุดโทรมไม่อาจต้านแรงลมหนาวได้ เย็นจนคล้ายกับจะแช่แข็งกระดูกคนได้เจียงหวานหว่านฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด นางไม่ได้ตายไปแล้วเหรอทำไมถึงยังเจ็บมากขนาดนี้อีกนางพยายามที่จะลืมตาขึ้น ในขณะที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็คล้ายกับได้เห็นหลิ่วซู่แม่ของนาง"ท่านแม่..."น้ำเสียงที่แหบพร่าแฝงไว้ด้วยความสั่นเครือ คล้ายกับกำลังยืนยันอะไรบางอย่างหลิ่วซู่คว้ามือนางไว้อย่างตื่นเต้นพร้อมกับพูดว่า "หวานหว่าน เยี่ยมไปเลย ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักที""ท่านแม่..."เมื่อได้สัมผัสความรู้สึกห่วงใยอันแสนอบอุ่นจากแม่อีกครั้ง เจียงหวานหว่านก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ จนน้ำตาเกือบจะไหลรินออกมาหลิ่วซู่ตกใจ "หวานหว่านอย่าร้อง ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว เดี๋ยวเจ้าก็จะได้เจอพ่อกับพวกพี่ชายแล้วนะ"เมื่อเจียงหวานหว่านใด้ยินที่นางพูด ก็นิ่งอึ้งไป "ไปเมืองหลวงหรือ"แววตาของหลิ่วซู่หม่นแสงลงนิดหนึ่ง แล้วจึงถอนหายใจออกมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน สามีได้พาแม่สามีและลูกๆ ที่อายุยังน้อยห้าคนมาที่
Read More
บทที่ 3
สิบวันต่อมารถม้าที่สภาพทรุดโทรมหยุดจอดอยู่หน้าประตูของจวนเจียงเจียงหวานหว่านให้สือหลิ่วไปเคาะประตู อีกทั้งยังแจ้งฐานะของพวกนางด้วยเมื่อเด็กรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปยกใหญ่หลังจากที่มองพวกนางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว "ปึง" เสียงปิดประตูดัง หันกลับวิ่งไปรายงานที่เรือนกลางทันทีเฉาหยูเฟิ่งกำลังถือช้อนชิมรังนกหิมะชั้นดีอยู่เมื่อได้ยินที่สาวใช้บอก ช้อนในมือก็ร่วงลงในชามทันที ทำให้เกิดเสียงแตกดังลั่นทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ นางส่งคนไปฆ่าแม่ลูกคู่นี้แล้วนี่นาคนยังไม่ตาย แถมยังปล่อยให้พวกนางวิ่งแจ่นมาจนถึงเมืองหลวงได้ในใจของเฉาหยูเฟิ่งรู้สึกเดือดปุดๆ จนแทบจะกัดฟันเงินจนแตกได้"นายหญิง คราวนี้จะทำยังไงดีเจ้าคะ""หึ! อะไรทำยังไง ก็เป็นแค่พวกคนยากจน ออกไปพบพร้อมกับข้าก็พอ!"เมื่อพูดจบ นางก็ลุกขึ้นเดินอย่างองอาจไปที่ประตูใหญ่พร้อมกับสาวใช้ทันทีประตูใหญ่ของจวนเจียงค่อยๆ เปิดออก เฉาหยูเฟิ่งเดินนำสาวใช้ออกมาร่างที่สวมใส่ชุดหรูหราราคาแพง ยืนอยู่ตรงหน้าคู่แม่ลูกหลิ่วซู่ด้วยความดูถูก จ้องไปที่พวกนางด้วยสายตาเย็นเยียบ"เป็นพวกเจ้าเองเหรอที่แอบอ้างตัวว่าเป็นนายหญิงกับบุตร
Read More
บทที่ 4
"หนิงเกอเออร์..."หลิ่วซู่มองไปที่ลูกชายที่อยู่ใกล้แค่คืบอย่างเหม่อลอย ร้องเรียกชื่อของเขาออกมาเจียงจิ่นหนิงชะงักไปครู่หนึ่งจ้องมองไปที่ผู้หญิงสูงวัยที่สวมใส่เสื้อผ้าโทรมๆ จนดูน่าอนาถเขาขมวดคิ้วมุ่น "เจ้าเป็นใคร บังอาจมาเรียกชื่อของข้า"ชัดเจน เขาจำหน้าตาของแม่ตัวเองไม่ได้แล้วหลิ่วซู่โซเซถอยหลังไปสองก้าว ถึงจะค่อยถูกสือหลิ่วช่วยประคองตัวเอาไว้ในใจก็อดที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจไม่ได้ น้ำตาเริ่มไหลลงมาอย่างช้าๆเจียงหวานหว่านที่เห็นว่าเขาทำร้ายแม่แบบนี้ ก็อดกลั้นความโกรธในใจต่อไปไม่ไหวแล้วแต่แล้วยังไม่ทันรอให้นางได้มีปฏิกริยาตอบสนองอะไร เฉาหยูเฟิ่งก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาก่อน"หนิงเกอเออร์ พวกมันสองคนแม่ลูกเป็นพวกหลอกลวง แอบอ้างว่าตัวเองเป็นแม่และน้องสาวของเจ้า เจ้ารีบมาช่วยแม่เร็วเข้า!"เสียงร้องของเฉาหยูเฟิ่งทำให้เจียงจิ่นหนิงได้สติกลับมามองไปที่บาดแผลบนใบหน้าของเฉาหยูเฟิ่ง ในใจของเขาก็คุกรุ่นขึ้นมา"ปล่อยแม่ของข้านะ!""เจียงจิ่นหนิง เจ้าเอาโจรมาเป็นแม่ ไม่สมควรจะเป็นคน!"พูดไป นางก็ใช้เท้าเหยียบลงไปแรงๆ อีกครั้งเฉาหยูเฟิ่งร้องโหยหวนเป็นหมูโดนเชือดออกมาเจียงจิ่นหน
Read More
บทที่ 5
เจียงหวานหว่านส่งเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง แล้วหยิบเอาหนังสือสมรสที่หลิ่วซู่พกติดตัวไว้ตลอดออกมา"หนังสือสมรสอยู่นี่ เจียงป๋อเหนียน รู้กฎหมายแต่ยังทำผิด"หนังสือสมรสตรงหน้า เป็นเหมือนหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนาเจียงป๋อเหนียนรู้สึกเหมือนพังทลาย ริมฝีปากสั่นน้อยๆ"ปลอมแปลงหนังสือสมรส นักต้มตุ๋นนี่มีชั้นเชิงไม่เบา ใครก็ได้ ไปเอาหนังสือสมรสมาให้ข้า!"เจียงป๋อเหนียนหรี่ตาลง ภรรยาเอกของเขาจะเป็นผู้หญิงบ้านนอกไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะกันพอดีในจังหวะที่พวกคนใช้กำลังจะกรูกันเข้ามานั่นเองน้ำเสียงทุ้มหนามีเสน่ห์ก็ดังขึ้นมาก่อน"ฮูหยินเจียง มีเรื่องอันใดกันถึงได้คึกคักเพียงนี้"ตึก ตึก เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้าชั้นดีสีขาวราวหิมะเข้ามาอย่างองอาจรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีทองแดง เครื่องหน้าคมเข้มชัดเจนลึกล้ำดวงตาเรียวยาวรูปดอกท้อภายใต้คิ้วคมดุจกระบี่ มองทุกคนอย่างดูมีอำนาจชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่บังเอิญบุกเข้ามา ทำให้ร่างกายของเจียงหวานหว่านแข็งทื่อ ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นเมื่อเจียงป๋อเหนียนเห็นเป็นเขา ก็ใจกระตุก"คารวะอ๋องซี แค่ชาวบ้านก่อความวุ่นวาย เดี๋ยวข
Read More
บทที่ 6
สีหน้าของเจียงป๋อเหนียนดูไม่ได้ สองมือกำหมัดแน่นกำลังทหารครึ่งหนึ่งของแคว้นตงหลิงอยู่ในมือของหรงซีเขาไม่กล้าจะผิดใจกับหรงซีท่าทีของหรงซีในตอนนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจะช่วยหลิ่วซู่แม่ลูก เขาไม่อาจเอาอนาคตของตัวเองไปเสี่ยงได้หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเจียงป๋อเหนียนก็กัดฟันยอมรับ "ใช่ นางหลิ่วเป็นภรรยาเอกของข้าน้อยเองขอรับ""อ๋องซี ข้าน้อยแก่แล้วสายตาไม่ดี ไม่ได้พบฮูหยินมาหลายปี หน้าตาฮูหยินก็เปลี่ยนไป ก็เลยจำไม่ได้ในตอนแรก อีกทั้งยังเคยได้รับจดหมายบอกว่าฮูหยินกับลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดในวันนี้ได้"หรงซีมองไปที่เจียงหวานหว่าน "แม่นางเจียง ใต้เท้าเจียงบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าคิดว่ายังไง"เจียงป๋อเหนียนมองไปทางหลิ่วซู่ สายตาเหมือนมีความหมาย "ซู่เหนียง พวกลูกๆ ต่างก็คิดถึงเจ้ามาก เจ้ากลับมาได้ พวกเขาจะต้องดีใจกันมากแน่"เขากำลังเตือนหลิ่วซู่ว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ให้คิดถึงอนาคตของพวกลูกชายด้วยเจียงหวานหว่านมองไปที่เจียงป๋อเหนียนอย่างดูถูก รังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวคนแข็งแกร่งหลิ่วซู่ยังคงกัดริมฝีปากล่างอยู่อย่างนั้น ส่า
Read More
บทที่ 7
เจียงหวานหว่านจึงสั่งให้แม่เฒ่างานหยาบไปเอาอาหารมาแม่เฒ่างานหยาบรับคำสั่ง เอาอาหารมาวางไว้แล้วก็ออกไปกับข้าวสองอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่างชามที่ใช้ใส่ข้าว ขอบชามแตกเป็นรู ข้าวที่ให้มาก็เก่าสีออกเหลืองนิดๆ แล้ว แถมยังมีทรายเม็ดเล็กๆ ปะปนมาด้วยปลานึ่ง ดูเหมือนจะไม่เลว แต่กลับมีกลิ่นฉุนคลุ้งขึ้นจมูก แค่ได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียนแล้วหมูผัดซีอิ๊ว ดูไปแล้วก็ไม่มีเนื้อแดงเลยสักนิด เป็นมันหมูล้วนๆสือหลิ่วเบ้ปาก หยิบช้อนมาลองตักน้ำแกงที่ดูเหมือนปกติขึ้นมาชิมคำหนึ่งคิ้วขมวดแน่น หน้าตาเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้วินาทีต่อไปก็อาเจียนออกมา"คุณหนูคะ เมื่อครู่เหมือนข้าได้กินเยี่ยวเข้าไปเลยเจ้าค่ะ!"พูดจบก็บ้วนน้ำล้างปากไปหลายครั้งเจียงหวานหว่านสีหน้าแย่มาก บอกให้สือหลิ่วไปเรียกแม่นมหวังมาสือหลิ่วไปแล้วก่อนจะกลับมาอย่างรวดเร็ว"คุณหนูคะ แม่นมหวังบอกว่าตอนนี้นางต้องดูแลฮูหยินและคุณชายที่บาดเจ็บ ไม่สามารถมาได้ หากมีเรื่องอะไร รอให้นางเสร็จธุระก่อนค่อยว่ากันเจ้าค่ะ"หึ วางอำนาจเหรอ ไม่มีทางหรอกเจียงหวานหว่านให้หลิ่วซู่รอก่อน สั่งให้สือหลิ่วถืออาหารตามนางมา เพื่อไปหานางหวังนางหวังเป
Read More
บทที่ 8
แม่นมหวังถูกกรอกอาหารจนเต็มปาก ใบหน้าแดงก่ำ กลิ่นรสที่อยู่ในปากทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนคิดอยากจะตะโกนร้องออกไป แต่ก็ร้องไม่ออก จึงได้แค่ส่งเสียงครวญครางอย่างน่าสงสารเซียงเออร์ที่แอบดูอยู่เห็นแล้วว่าแม่นมหวังถูกตบ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม จึงหมุนตัววิ่งกลับไปในเรือน"ฮูหยิน แย่แล้ว แม่นมหวังถูกตบเจ้าค่ะ""ใคร ใครกล้าตบแม่นมหวัง ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน!"เฉาหยูเฟิ่งโมโหจัดเซียงเออร์หอบหายใจแรง เม้มปากก่อนตอบว่า "เจียงหวานหว่านเจ้าค่ะ!"เฉาหยูเฟิ่งรีบพูด "นังแพศยาสมควรตายนัก! ไปจับตัวนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!""เจ้าค่ะ"เซียงเออร์ตะโกนเรียกสาวใช้ในเรือน แล้ววิ่งออกไปด้วยท่าทีขึงขังเฉาหยูเฟิ่งกัดฟันกรอด กำหมัดตีไปบนผ้านวมอย่างแรง แม่นมหวังเป็นแม่นมของนางตอนนี้พวกเจียงหวานหว่านเข้ามาอยู่ในจวน ตกอยู่ในกำมือของนางแล้วรอให้แผลนางหายดีก่อน จะไม่ยอมให้นังแพศยาสองคนนั่นอยู่อย่างมีความสุขแน่เมื่อเซียงเออร์พาคนออกมา เจียงหวานหว่านก็พาสือหลิ่วกลับไปตั้งนานแล้วพวกสาวใช้ต่างรีบช่วยกันประคองแม่นมหวังเข้าไปข้างในเจียงหวานหว่านไม่ได้พาสือหลิ่วกลับไปเลย แต่อ้อมไปทางห้องครัวแม่เฒ่าที่ด
Read More
บทที่ 9
แม่เฒ่าอู๋กรอกตา ขนาดฮูหยินยังกล้าตี นางเป็นแค่คนใช้ ไม่หาเรื่องจะดีกว่าถุยน้ำลายลงพื้นทีหนึ่งอย่างแค้นใจ ก่อนจะโบกมือ"แยกย้ายๆ ไปทำงานไป"ถือซะว่านางซวยไป นังแพศยา ลงมือรุนแรงจริงเชียวเจียงหวานหว่านกับสือหลิ่วถืออาหารที่ทั้งหอมยั่วใจและหน้าตาน่ากินกลับไปหลิ่วซู่กำลังยืนรอพวกนางอยู่ที่หน้าประตูอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นพวกนางกลับมา นางถึงถอนหายใจอย่างโล่งอก"หวานเจี่ยเออร์" อย่าไปต่อกรกับพวกเขาโต้งๆ แบบนั้น แม่เป็นห่วงเจ้าเจียงหวานหว่านคล้องแขนของหลิ่วซู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปในเรือนด้วยกันอาหารอร่อยมาก ทั้งสามคนกินกันจนพุงกาง รู้สึกพอใจอย่างที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ หลิ่วซู่ก็เอาเงินทั้งหมดออกมา เหลือแค่มัดเดียวแล้วถอนหายใจยาว ถ้าไม่มีเงิน แล้วต่อไปพวกนางแม่ลูกจะอยู่กันยังไง"ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล เรื่องเงินให้เป็นหน้าที่ข้าเอง"หลิ่วซู่อ้าปากคล้ายกับว่าจะพูดอะไร เจียงหวานหว่านก็เร่งให้นางรีบเข้าไปพักผ่อนประตูเรือนถูกเคาะเสียงดัง สือหลิ่วเดินออกไปดู เพิ่งจะเปิดประตูออกสาวใช้กับแม่เฒ่ากลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาสือหลิ่วไม่อาจกันไว้ได้ จึงวิ่งไปพลางตะโกนไปพลาง "คุณหนู มีคนบุ
Read More
บทที่ 10
เจียงหวานหว่านนั่งลงไปบนเก้าอี้ ยกกาน้ำชาเพื่อรินชาจอกหนึ่งให้ตัวเองดื่ม"ชารสชาติไม่เลว"เฉาหยูเฟิ่งกัดฟันพูด "อย่าคิดนะว่าได้เข้ามาอยู่ในจวนเจียงแล้ว ทุกอย่างจะราบรื่น ข้าต่างหากที่เป็นเจียงฮูหยิน!"เจียงหวานหว่านเลิกคิ้ว"อ่อ หรือเจ้าคิดว่าท่านพ่อจะยอมสละอนาคตขุนนางเพื่อเจ้ากัน!"เฉาหยูเฟิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ใจหายวาบ นายท่านให้ความสำคัญกับอำนาจและตำแหน่งของเขาเป็นที่สุด ไม่มีทางยอมเสียสละเพื่อใครแน่เจียงหวานหว่านหลุบตามองต่ำ บีบไปที่หัวคิ้วตัวเอง "แย่งครอบครัวของคนอื่น ผิดครรลองครองธรรม!""เจ้าต้องการอะไรกันแน่"เจียงหวานหว่านยกมุมปากขึ้น "เงินไง ดูแลจวนเจียงมาตั้งนานหลายปี ตักตวงผลประโยชน์ไปไม่รู้แล้วตั้งเท่าไร สมควรคายออกมาบ้างแล้ว""บังอาจ! พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า!"เจียงหวานหว่านใช้ฝาแก้วชาเขี่ยใบชาในถ้วยเล่น "หอหยางชุน ปีหนึ่งมีกำไรตั้งสองหมื่นสองเหลียง แต่เจ้าบอกกับท่านพ่อว่าปีหนึ่งได้กำไรเพียงแค่สามพันเหลียง!"เมื่อเฉาหยูเฟิ่งได้ยินที่เจียงหวานหว่านพูด สีหน้าก็ซีดเผือด"พูดจาเหลวไหล โกหกทั้งนั้น"นังแพศยาน้อยนี่รู้ได้ยังไงว่าหอหยางชุนเป็นกิจการของจวนเจียงนะ อี
Read More
ก่อนหน้า
123456
...
21
DMCA.com Protection Status