บททั้งหมดของ มเหสีร้อยเล่ห์ของท่านผู้สำเร็จราชการแทน: บทที่ 111 - บทที่ 120
375
บทที่ 111
มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองไปที่มู่เจินจู ฮูหยินใหญ่เองก็มองไปที่นางอย่างตกใจมู่เจินจูถึงกับหน้าแดงขึ้นมาและรีบเอ่ย : "ข้า ข้าแค่ได้ยินมาน่ะ...""มู่เจินจู เจ้าคิดอยากให้ท่านแม่ของข้าตายใช่ไหม พอป้าสะใภ้รองได้ขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่แล้ว เจ้าก็จะได้กลายเป็นลูกสาวของคุณหญิงใหญ่แห่งจวนแม่ทัพมู่สินะ?"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้มู่เจินจูตกใจจนต้องลงไปคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับร้องไห้ขึ้นมา"พี่หญิงใหญ่ ข้าก็แค่ถามไปงั้นเจ้าคะ อย่าคิดมากเลยเจ้าคะ ท่านป้าดีกับข้าขนาดนี้ ข้าจะคิดอัปมงคลเช่นนั้นได้อย่างไร""ทางที่ดีเจ้าอย่าได้แม้แต่จะคิด ยิ่งคิดชั่วมากเท่าไหร่ เวรกรรมมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น! ไสหัวไป! อย่ามาอยู่ที่นี่ให้ขวางตาอีก" มู่จิ่วซีไล่นางอย่างกับไล่แมลงวันมู่เจินจูถึงกับร้องไห้และรีบเดินจากไปทันที ฮูหยินใหญ่มองมู่จิ่วซีที่โมโหและก็ได้แต่ถอนหายใจ"ท่านแม่ ท่านเองก็เห็นแล้ว นี่ขนาดท่านยังไม่เป็นอะไรไป นางก็คิดเรื่องพวกนี้แล้ว คิดบ้าอะไรก็ไม่รู้" มู่จิ่วซีมองอย่างดูถูกนี่ถ้าป้าสะใภ้รองเรียกมู่เจินจูมาถาม งั้นนางเองก็คงจะดูถูกลู่เวยหย่ามากเกินไป คงจะเป็นนางสมองพิการมู่เจินจูมาถามเองมากกว่า"เจ้าก็
Read More
บทที่ 112
ด้านหลังของใต้เท้าฉีเลขาธิการแห่งกระทรวงราชทัณฑ์ก็มีคุณหนูสามของตระกูลฉีที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไป นางมีนามว่าฉีหงเย่และก็ยังมีแม่หม้ายฉีเล่อฉี่ที่เป็นน้องสาวของเขาสองฝ่ายเมื่อเจอหน้ากัน แน่นอนว่ามู่เทียนซิงและฉีหู่ซานก็ทักทายกันอย่างเป็นกันเอง เหล่าหญิงสาวของจวนมู่ก็ย่อตัวเคารพทักทาย"มู่จิ่วซี คราวนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากที่ให้ข้าชนะได้เงินเดิมพัน" ฉีเล่อฉี่พอเห็นมู่จิ่วซีก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นในดวงตา จนเขาพูดเหน็บแนมจิกกัดออกมาทันที"ฉีเล่อฉี่ นี่ท่านวางเงินพนันแทงว่าข้าแพ้ไปเท่าไหร่ล่ะ?" มู่จิ่วซียิ้มออกมาอย่างสบายใจ"100,000 ตำลึง! เดี๋ยวพอข้าออกจากวังไปก็ได้แล้ว 200,000 ตำลึง! ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ" ฉีเล่อฉี่ราวกับได้ระบายความแค้นออกมา"อย่าเพิ่งขอบคุณข้าเร็วไปนัก ข้าเกรงว่าเดี๋ยวอีกสักพักพวกเจ้าคงจะต้องร้องไห้มากกว่า" มู่จิ่วซีหันไปมองคุณหนูสามของตระกูลฉีที่อยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำฉีหงเย่คือลูกสาวฮูหยินใหญ่ฉี นางเป็นลูกสาวของคุณหญิงใหญ่แห่งจวนฉีตั้งแต่เล็กนางได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี หน้าตาอยู่ในระดับดี เป็นคนดูเงียมครึมและดูห่างเหิน ฉินหมากอักษรภาพวาดล้วนแตกฉานทุก
Read More
บทที่ 113
มู่จิ่วซีเหมือนยังอยากจะพูดอะไรขึ้นมาอีก แต่นางกลับถูกมู่เทียนซิงส่งเสียงตวาด นางจึงได้แต่มององค์หญิงเหวินซิงด้วยตาปริบๆ และทำตัวเชื่อฟังขึ้นมาทันทีองค์หญิงเหวินซิงแต่ก่อนรังเกียจมู่จิ่วซีมาก แต่ตอนนี้ได้นางพบว่าผู้หญิงคนนี้ก็พอจะเข้ากับนางได้ความคิดของมู่จิ่วซีตอนนี้เรียบง่ายและเถรตรง นางคิดว่าถ้านางไม่กอดขาขององค์หญิง นางก็โง่แล้วไหม? ต่อให้เป็นองค์หญิงที่น่าสังเวช แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงที่มีอำนาจมากว่าคนธรรมดาอยู่ดีมีเพื่อนมากย่อมมีหนทางมาก องค์หญิงเหวินซิงก็แค่เจ้าชู้มากไปหน่อยก็เท่านั้น อันที่จริงเดิมทีนิสัยนางก็ไม่เลว อีกอย่างการเจ้าชู้ในต่างโลกแบบนี้ที่ซึ่งมีหอนางโลมให้ประกอบอาชีพได้อย่างถูกกฎหมาย พอเป็นแบบนี้ยังจะไปตัดสินอะไรคนอื่นได้อีกพูดให้ชัดก็คือแค่รสนิยมความชอบส่วนตัวก็เท่านั้น มู่จิ่วซีราชินีแห่งราตรีคนนี้เปิดกว้างอย่างมากกับเรื่องพวกนี้เมื่อมาถึงพระราชอุทยาน ทุกคนก็ถึงได้รู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่ไม่ใช่น้อยๆ นอกจากทหารรักษาพระองค์ บ่าวรับใช้ ข้ารับใช้พวกนี้แล้ว จักรพรรดิองค์น้อยและพระพันปีหลวงก็อยู่ด้วย อีกทั้งยังมีมหาราชครูอีกสองท่านที่น่านับถือและเหล่าองคมนตรีที่ไม่
Read More
บทที่ 114
นางสารเลวคนนี้คงจะล่อลวงท่านอ๋องหกอยู่แน่ ท่านอ๋องหกถึงได้หลงนางขนาดนั้นพระพันปีหลวงหลังจากส่งเสียงกระแอมไอออกมา เสียงของผู้คนที่พูดคุยทักทายก็หยุดลง จากนั้นก็ทยอยนั่งลงตรงที่นั่งที่ได้เตรียมไว้อย่างดีล่วงหน้าเบื้องหน้าของมู่จิ่วซีมีโต๊ะกลมอยู่ประมาน 10 ตัวได้ บนโต๊ะนั้นล้วนมีน้ำชาและขนมของหวาน นี่มันงานเลี้ยงอาหารหรือว่ามาชมการแสดงลิงกายกรรมกันแน่ท่านแม่ของนางเองได้ไปหาพระพันปีหลวง มู่จิ่วซีมองทั้งสองคนคุยกันอย่างอารมณ์ดี แต่ว่านางมองไปมองมาแล้วกลับไม่เจอคนของจวนอัครมหาเสนาบดี นั่นเลยทำให้นางถึงกับขมวดคิ้วเนื่องจากนางบอกให้ไป๋ชิงให้มาดูนางแข่งขัน แต่ทำไมนางถึงยังไม่มา?ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีก็ไม่มา มีบางอย่างผิดปกติแล้วมู่จิ่วซีโน้มตัวเข้าใกล้มู่เจินจูและกล่าวเสียงเบา : "น้องหญิงรอง ช่วยข้าไปถามที่จวนอัครมหาเสนาบดีดีว่าทำไมถึงไม่มีใครมา คุณหนูใหญ่ไป๋ชิงเดิมทีบอกว่าจะมา นี่มันแปลกทะแม่งๆ เรื่องนี้เจ้าพอช่วยทำให้ข้าได้ไหม?"มู่เจินจูไม่คาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะใช้มอบหมายให้นางทำงานให้ นางดีใจขึ้นมาในทันทีและพยักหน้า ราวกับว่านางได้โอกาสที่จะแสดงฝีมือ : "ข้าจะแอบไปถามให้ตอนนี้เลย"
Read More
บทที่ 115
ท่านอ๋องหกโม่หยวนชิงยิ้มเหมือนคนโง่ขึ้นมาทันที มือของเขายังโบกให้กับมู่จิ่วซี ปากของเขาก็ขมุบขมิบพูดกับโม่จุน : "เจ้าดูสิ นางเองก็ชอบข้า""หยวนชิง เจ้ามาหาข้าที!" พระมเหสีเลี่ยวโกรธจนใบหน้ารูปงามของนางถึงกับบูดบึ้งโม่หยวนชิงถึงกับคอหดและรีบไปหลบด้านหลังโม่จุน สภาพท่าทีหวาดกลัวหดจนตัวเล็กลงของเขาทำให้ผู้คนอดหัวเราะไม่ได้โม่จุนที่ขวางอยู่ข้างหน้าเขาก็แผ่ซ่านบรรยากาศที่เย็นเยือกรอบตัวอย่างรุนแรงมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเย็นชามากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับใบหน้าโลงผุของเขาเอง คนรอบๆ ต่างถอยออกมาช่วงหนึ่งอย่างไม่รู้ตัวพระมเหสีเลี่ยวก็ไม่กล้าจะเรียกอะไรมาก เพราะนางคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนคงโกรธขึ้นมาส่วนสถานที่แข่งขันที่อยู่ตรงกลาง ใบหน้าที่หยิ่งทระนงของฉีหงเย่ตอนนี้ได้เย็นชาไปจนถึงไขกระดูก สายตาที่นางมองไปที่มู่จิ่วซีทั้งรังเกียจยและคมกริบ"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าคิดได้รึยังว่าตะแข่งอะไร?" ฉีหงเย่เริ่มหมดความอดทน แต่นางก็ยังต้องเสแสร้งเป็นกุลสตรีที่งดงาม ดังนั้นน้ำเสียงคำพูดเลยยังคงต้องออ่อนโยน"แข่งวาดมโนคติไง ก็อยากวาดอะไรก็วาด ใครก็ได้ไปเอาอุปกรณ์วาดภาพและสีวัสดุมาให้ที" มู่จิ่วซี
Read More
บทที่ 116
สายตาของทุกคนก็หันไปมองที่มู่จิ่วซี เหมือนกับว่าทุกคนได้ลืมไปแล้วว่าฉีหงเย่ได้จับพู่กันวาดแล้วในใจของทุกคนต่างล้วนเต็มไปด้วยคำว่าทำไม แต่ทุกคนก็ล้วนไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมา เพราะบรรยากาศรอบตัวของท่านผู้สำเร็จราชการแทนเกรงขามมากจริงๆมีเพียงพระพันปีหลวง จักรพรรดิองค์น้อยและฮูหยินใหญ่เท่านั้นที่สามารถกล้าจะเอ่ยคำพูดออกมาได้ เพียงแต่ฮูหยินใหญ่กลับมีสีหน้ากล้ำกลื้นจนพูดไม่ออกก็เท่านั้น"ทุกคนถอยห่างออกไปหน่อย ถ้าถูกสีข้ากระเซ็นใส่เดี๋ยวเสื้อผ้าจะเลอะหมด" มู่จิ่วซียังคงยิ้มให้กับทุกคน จากนั้นนางก็เอาไม้ถูพื้นที่จุ่มลงในสีที่อยู่ในถังไม้ออกมา จนไม้ถูพื้นชุ่มไปด้วยสีขาวส่วนคนที่อยู่ใกล้ก็ถอยห่างออกไปไกลเพิ่มอีกระยะหนึ่ง จากนั้นมู่จิ่วซีก็โบกตวัดไม้ถูกพื้นนั้นและก็เริ่มวาดลงบนผ้าผืนยาวนั้นทุกคนต่างล้วนมีสีหน้าดำทะมึน มุมปากของพวกเขาต่างก็ยิ้มแหยงขึ้นมา มหาราชครูสองคนก็มองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัวนี่มันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่วาดอย่างส่งเดชทุกคนไม่กล้าที่จะพูดแสดงความเห็นอะไร ส่วนมู่จิ่วซีก็ยังตั้งใจวาดต่อไป จากนั้นผ้าผืนดำขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ ปรากฎวงกลมหนึ่งขึ้นมานอกจากวงกลมสีขาวที่วาดบนผ้าผ
Read More
บทที่ 117
พระมเหสีเลี่ยวเมื่อเห็นลูกชายตัวเองถูกลงมือจนสลบไป นางก็รีบเดินเข้าไปหาทันที"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน หยวนชิงเขาไม่รู้ประสา เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย" ทุกคนต่างรู้ถึงความเย็นชาไร้อารมณ์ของโม่จุน ขาของท่านอ๋องสามที่ขาดก็เพราะเขาเองที่เป็นคนตัด ขนาดนั่นเป็นถึงเสด็จพี่สามของเขายังรวมไปถึงตอนปราบปรามที่ทั้งเมืองย้อมไปด้วยเลือดสด ได้ยินมาว่าตอนนั้นโม่จุนสังหารผู้คนด้วยดวงตาที่แดงฉานราวกับเลือดของคน ซึ่งคนพวกนั้นที่ถูกสังหารเป็นพวกก่อกบฎ"พระมเหสี น้องหกไม่เป็นไรมาก เขาแค่ส่งเสียงเอะอะมากไปเท่านั้น" โม่จุนกล่าวอย่างราบเรียบพระมเหสีเลี่ยวได้แต่ยิ้มที่มุมปากและกลับไปที่นั่งประทับของนางเอง ในใจนางก็คิดว่านางไม่ได้อยากให้ลูกชายนางมาตั้งแต่แรก ไม่คาดคิดว่าเขาจะแอบออกจากจวนมาตั้งแต่เช้าขอให้โม่จุนมาเขามาตอนนี้เป็นยังไงล่ะ กลับยั่วยุจนโม่จุนโมโหขึ้นมา แต่อันที่จริงก็เป็นเรื่องดี นางเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกชายไปเจอมู่จิ่วซีคนนั้นอีกแล้วส่วนการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป สองด้านซ้ายขวาของผ้าผืนดำยังคงดำสนิท มีเพียงแค่ระยะห่างสองเมตรจากตรงกลางของผ้าที่มีรูปสีเหลี่ยมต่างๆ ที่มู่จิ่วซีวาดไว้ราวกับช่องตารา
Read More
บทที่ 118
"คุณหนูใหญ่มู่ คุณหนูสามของตระกูลฉีใกล้จะวาดเสร็จแล้ว" มีบางคนเรียกมู่จิ่วซีขึ้นมามู่จิ่วซีก็เดินเข้าไปดุแล้วพูดออกมา : "ไม่เลวเลยจริงๆ แต่ว่าแย่กว่าข้าอยู่หน่อยนึง"ทุกคนพอเห็นท่าทีมั่นใจอันน่าเหลือเชื่อของนางก็ล้วนต่างตกตะลึงคุณหนูใหญ่มู่คนนี้คงไม่ใช่ว่าแยกแยะไม่ออกหรอกใช่ไหมว่ารูปไหนดีไม่ดี? ดังนั้นต่อให้นางวาดออกมาเป็นขี้กองหนึ่ง นางเองก็คงจะคิดว่าตัวเองวาดเก่งเป็นอันดับหนึ่งงั้นสินะ?ฉีหงเย่ก็หันไปมองนางพร้อมกับสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ราวกับว่านางมองคนปัญญาอ่อนอย่างใดอย่างนั้น"มหาราชครูทั้งสอง จับตาดูให้ดีๆ ล่ะ" มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะ จากนั้นก็นางกเดินไปที่ผ้าผืนวาดของตนเองแล้วค่อยหยิบแปรงขึ้นมาครั้งนี้นางไม่ได้หยิบไม้ถูพื้น นางเพียงแค่ย่อตัวลง จากนั้นนางก็วาดเส้นโค้งต่อเนื่องสามเส้นบนผ้าผืนสี่เหลี่ยมขาวดำที่นางวาดจากนั้นภาพอันน่าอัศจรรรย์ก็เกิดขึ้นทุกคนต่างล้วนเห็นหลุมดำมืดสนิทปรากฎขึ้นบนพื้น อีกทั้งหลุมที่เห็นก็เหมือนจะสามารถเดินลึกลงไปได้ ซึ่งเป็นหลุมที่ไม่เห็นก้นบึ้งประเภทนั้นส่วนภาพสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบๆกลับให้ความรู้สึกที่ปรากฎในสายตาอย่างน่าอัศจรรย์ พวกมันล้วนให้
Read More
บทที่ 119
มหาราชครูทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็ันไปมองภาพวาดดอกโบตั๋นของฉีหงเย่สวยหยาดฟ้ามาดินเหมือนกับดอกไม้จริงๆ อย่างมากมู่จิ่วซีมองไปที่ภาพของฉีหงเย่ก็ยังต้องชื่นชม แต่ว่าเมื่อเทียบกับความสมจริงของภาพวาดมโนคติ มู่จิ่วซีก็กระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างร้ายกาจนางเองก็ไม่รู้ว่านางทำแบบนี้ถือว่าโกงหรือเปล่า นางแค่ว่าตอนนี้มีบางคนยื่นขาของตัวเองออกไปเพื่อลองดูว่าหลุมดำนั้นจริงหรือปลอมท่าทางหวาดกลัวนั้นน่าตลกอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็สามารถบอกได้ว่าภาพ 3 มิตินี้สามารถล้มล้างความคิดภาพมโนคติที่มีอยู่ก่อนเดิมของเขาได้"คุณหนูใหญ่มู่คงใช้ช่องโหว่สินะ เพราะถ้าเป็นความสามารของเจ้าจริงๆ เจ้าไม่มีทางเทียบหงเย่ได้เลย!" จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้นมามู่จิ่วซีหันไปดู แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ฉีเล่อฉี่จะเป็นใครไปได้อีกตอนนี้ใบหน้าของฉีเล่อฉี่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม เพราะว่าถ้าหากนางแพ้ก็เท่ากับเงินของนางทั้งหมดล้วนเท่ากับน้ำพริกที่ตำละลายลงแม่น้ำ"คุณหญิงฉี ถ้าเจ้าบอกว่าข้าใช้ช่องโหว่ งั้นเจ้าก็ให้คุณหนูสามตระกุลฉีลองใช้ช่องโหว่ให้ข้าดูหน่อย หรือเจ้าจะใช้ช่องโหว่ทำให้ข้าดูก็ได้นะ?" ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำให้ฉีเล่อฉ
Read More
บทที่ 120
"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คือว่า มันไม่อาจจะสามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้จริงๆ ขอรับ" มหาราชครูท่านหนึ่งก็ร้องไหคร่ำครวญพร้อมกับกล่าวด้วยใบหน้าอันแก่ชราของเขา"ใช่แล้วพะยะค่ะ ข้าน้อยเองก็ไม่เคยเห็นวิธีวาดของคุณหนูใหญ่มู่เช่นนี้มาก่อน ยากที่จะเปรียบเทียบได้จริงๆ ขอรับ" มหาราชครูอีกคนก็กล่าวออกมาโม่จุนส่งเสียงไม่พอใจออกมาแล้วก็หันไปมองมู่จิ่วซีพร้อมกับกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ ถ้าหากเจ้าอยากให้ทุกคนยอมรับ ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะต้องแข่งอะไรอย่างิ่นสักอย่างแล้ว? ยกตัวอย่างเช่นเขียนอักษร?"ประโยคนี้ของโม่จุนอีกนิดเดียวก็ทำให้มู่จิ่วซีต้องหัวเราะออกมาได้แล้ว ผู้ชายคนนี้ต้องการช่วยนางโกงอีกแล้ว"ในเมื่อท่านผู้สำเร็จราชการแทนพูดมาขนาดนี้แล้ว งั้นแบบนี้แล้วกัน ไม่ต้องแข่งอย่างอืานหรอก แข่งไปเดี๋ยวทุกคนก็หาว่าข้าอาศัยช่องโหว่การแข่งอีก ข้าวาดดอกโบตั๋นก้ได้ แบบนี้มหาราชครูทั้งสองก็คงจะตัดสินได้แล้วสินะ?""ใช่ ใช่แล้วล่ะ" มหาราชครูรีบกล่าวออกมา"ซีเอ๋อร์ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเจ้า!" มู่เทียนซิงก็รีบกล่าวออกมาทำไมกระบี่หยกมังกรเขียวที่เขารู้สึกว่าได้มาอยู่ในมือแล้วถึงได้บินหายออกไปอีก อันที่จริงต่
Read More
ก่อนหน้า
1
...
1011121314
...
38
DMCA.com Protection Status