บททั้งหมดของ มเหสีร้อยเล่ห์ของท่านผู้สำเร็จราชการแทน: บทที่ 91 - บทที่ 100
369
บทที่ 91
ชั่วขณะนั้น ตรงหน้าประตูร้านก็เงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงกา ดวงตาทั้งสองข้างของผู้คนจ้องมองมู่จิ่วซีซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวรอบตัวอย่างชัดเจน"มู่จิ่วซี!" คุณหญิงฉีจู่ๆ ก็เบ้ปากและหัวเราะเยาะออกมา "ทำไม ก็แค่นายโลมคนเดียว เจ้าถึงกับจะลงมือกับข้าเลยเหรอไง?"มู่จิ่วซีมองอู๋ถง อู๋ถงทั้งตัวอยู่ในสภาพเวทนา ทรงผมกระเซอะกระเซิง ใยหน้ามีรอยแดงบวม แต่เขาก็ยังคงหันมาส่ายหน้าให้กับมู่จิ่วซี"คุณหนู นมวัวที่ใช่้ทำชานมเพิ่งหมดไป พวกเราเลยขอให้คุณหญิงฉีรอสักหน่อย แต่นาง..."เยี่ยนเอ๋อร์ร้องไห้ขึ้นมาในฉับพลัน"พอตอนคนอื่นซื้อก็ยังมี ต่อพอถึงตอนข้าซื้อ เจ้ามาบอกว่านมไม่มีแล้ว นี่เจ้าอคติกับข้าใช่ปะ ไอhสารเลว รนหาที่ตาย!" คุณหญิงฉีพุ่งตัวเข้าไปง้างมือจะตบเยี่ยนจึอู๋ถงทันใดนั้นก็กระโจนตัวมาขวางอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนเอ๋อร์ เขากลับกลายเป็นฝ่ายถูกตบไปฉาดหนึ่งแทน"คุณหญิงฉี ไม่ใช่ว่าถึงตอนท่านซื้อแล้วไม่มี ลูกค้าก่อนหน้าท่านหลายคนก็ไม่ได้ซื้อเหมือนกัน แต่พวกเขาบอกว่ารอได้" อู๋ถงกุมไปที่ใบหน้าของตนเองพร้อมกับอธิบาย"เจ้ายังกล้าเถียงอีกรึ!" คุณหญิงฉีง้างมือสองข้างรุมตบอู๋ถงอย่างไม่ยั้งมือแส้ข
Read More
บทที่ 92
"แยกย้ายไปได้แล้ว เรื่องวันนี้ข้ามู่จิ่วซีกล้าทำกล้ารับ แต่ข้าก็ไม่ได้อนุญาตให้เขาเอาไปพูดจามั่วซั่ว ใส่สีตีไข่ได้ ถ้าหากศาลต้าหลี่ เจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาลมาถามก็ให้พูดไปตามความจริง ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม?" มู่จิ่วซีพูดกับผู้คนที่มามุงดูผู้คนตรงนั้นก็ต่างทยอยพยักหน้า ไม่นานก็แยกย้ายกันออกไป พริบตาหน้าร้านชานมก็เปลี่ยนเป็นเงียบเหงาคุณหญิงฉียังคงหมอบคลายอยู่ตรงนัั้นไม่ขยับไปไหน แม่นมคนหนึ่งก็ตะโกนร้องเรียง ส่วนแม่นมอีกคนก็หายไปไหนไม่รู้ตั้งนานแล้ว นางคงจะไปตามใครสักคนให้มาช่วยแน่"คุณหนูใหญ่ เดี๋ยวเรากลับไปบอกนายท่านสักหน่อยเถอะขอรับ" เย่ฮานกล่าวออกมาอย่างกังวลใจมู่จิ่วซีก็ไปนั่งในร้านขนมพร้อมกับดื่มชาที่ลู่เอ๋อร์เอามาให้และก็กล่าว : "คราวนี้พ่อข้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก ข้าจะรีบเข้าไปในวัง เจ้าไปบอกโม่จุนให้เข้าไปเจอข้าในวังที""ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ?" เย่ฮานก็คิดว่าพวกเขาเพิ่งแยกกันได้ไปไม่นานเท่าไหร่เองมู่จิ่วซีก็เหลือบสายตาหันไปมองเขา : "ใช่ เขารู้เรื่องของอู๋ถง อย่างน้อยเขาก็ทำให้พระพันปีหลวงเชื่อได้ว่าข้าไม่ได้ซื้อนายโลมกลับมาเอามาทำมิดีมิร้าย แล้วก็บอกเขาด้วย คราวนี้ถ้าช
Read More
บทที่ 93
โม่จุนยืดตัวตรงขึ้นมาและหันไปทูลกล่าวกับพระพันปีหลวง : "พระพันปีหลวง เรื่องราวค่อนข้างจะซับซ้อน ดังนั้นจำเป็นต้องเล่าตั้งแต่เรื่องก่อนหน้านี้พะยะค่ะ""เล่ามา!" พระพันปีหลวงทรงกุมไปที่ขมับและตรัสออกมาโม่จุนก็เริ่มเล่าตั้งแต่เรื่องที่มู่จิ่วซีแย่งไถ่ตัวอู๋ถงมาจากองค์หญิงเหวินซิงและฉีเล่อฉี่ที่หอนางโลมอย่างละเอียดพระพันปีหลวงพอได้ฟัง พระพักตร์ที่งดงามของนางก็เริ่มบึ้งตึงพร้อมกับทอดพระเนตรหันมองไปที่มู่จิ่วซีเป็นครั้งคราวพอเห็นนางนั่งคุกเข่าบนพื้นตัวตรง ท่าทางราวกับต่อให้เป็นที่รักหรือที่ชังก็ไม่ได้ใส่ใจ ก็ทำให้ความโกรธในใจของพระพันปีหลวงหายไปได้บางส่วนสาวน้อยคนนี้เหมือนจะโตขึ้นหน่อยแล้ว รู้จักหัดให้โม่จุนมาพูดเรื่องนี้ให้โม่จุนเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดจนปากแทบแห้ง ในใจเขาก็ครุกรุ่นเดือดดาล เขาเป็นถึงท่านผู้สำเร็จราชการแทน นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาเป็นเจ้าหน้าที่พูดแก้ต่างให้กับมู่จิ่วซี นางก็ช่างหน้าหนาซะเหลือเกินแต่เมื่อพอนึกถึงสิ่งที่เย่ฮานบอก เขาก็ได้แต่ต้องอดทน"พระพันปีหลวง เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้พะยะค่ะ ดังนั้นข้าน้อยถึงได้บอกว่าเรื่องนี้ช่าวบังเอิญเสียจริงๆ"
Read More
บทที่ 94
"ใต้เท้าฉี มีสำนวนหนึ่งกล่าวไว้ว่ากบในกะลา กบที่พูดนี่ก็คือเจ้านั่นแหละ!" มู่จิ่วซีก็รีบเถียงกลับไป"เจ้า!" ฉีหู่ซานโกรธจนหน้าแดงเข้ม "มู่จิ่วซี ถ้าเจ้าไม่มีท่านพ่อที่รักโปรดปราณเจ้ากับพระพันปีหลวงคอยคุ้มครองเจ้าละก็ เจ้ามันก็ไม่ได้มีอะไรดี! ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง!""พอได้แล้ว" พระพันปีหลวงตรัสขึ้นมาอย่างโทสะฉีหู่ซานถึงกับคอหดลงไปทันที เขาเองก็โกรธมากเหมือนกันโม่จุนก็หรี่ตาลงหันไปเพ่งมองฉีหู่ซาน จนทำให้ฉีหู่ซานใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในใจของฉีหู่ซานก็แอบกร่นด่ามู่จิ่วซี นางคนนี้ช่างมีความสามารถทำให้คนโกรธจนเป็นบ้าได้จริงๆ"พระพันปีหลวง ท่านเองก็ได้ยินแล้ว ใต้เท้าฉีสบประมาทข้าขนาดนี้ ข้าไม่ยอม! กุลสตรีหมายเลขหนึ่งเหรอ? ดีเลย! งั้นข้าขอท้าแข่งกับคุณหนูสามของท่านใต้เท้าฉีสักครั้งก็แล้วกัน ถ้าหากข้ามู่จิ่วซีคนนี้แพ้ ข้าจะยอมคุกเข่าหน้าจวนฉีกล่าวขอโทษ ให้คนทั้งพระนครได้หัวเราะเยาะข้า!"มู่จิ่วซีโกรธมากจนเถียงคอเป็นเอ็น บนขมับหน้าผากก็ีเส้นเลือดปูดขึ้นมา ราวกับว่าตอนนี้นางได้ขาดสติสัมปชัญญะไปแล้ว"มู่จิ่วซี นี่เจ้าพูดเองนะ!" ฉีหู่ซานไม่คาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะโกรธจนเอาตัวเองตกไปอยู่ในหลุมพล
Read More
บทที่ 95
ร่างเงาสูงใหญ่ด้านนอกก็เดินอาดๆ เข้ามาพร้อมกับไฟความโกรธที่ลุกโชน ทำให้บรรยากาศร้อนอ้าวขึ้นมาในทันทีผู้ที่มาเยือนก็คือท่านพ่อของมู่จิ่วซี แม่ทัพใหญ่มู่เทียนซิงตอนที่เขาได้ทราบข่าวจากลู่เอ๋อร์ก็กำลังอยู่ที่ห้องของฮูหยินใหญ่ เขาขณะที่เพิ่งพูดว่าซีเอ๋อร์โตขึ้นแล้วบ้าง มีเหตุมีผลแล้วบ้าง พอฟังลู่เอ๋อร์พูดจบก็เหมือนกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ผ่าใส่เขาจนอีกนิดเกือบจะกรอบนอกนุ่มในเขารีบปลอบฮูหยินใหญ่ที่ตกใจจนสีหน้าซีดเผือด เขารีบเดินทางมาที่วังในทันทีแต่ว่าระหว่างทางเขาก็ได้สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านขนมในวันนี้จนเสียเวลานิดหน่อยพอเขาเข้ามาถึงก็ได้ยินฉีหู่ซานต้องการสิงโตหยกคู่นั้นของเขาเข้าพอดี สิงโตหยกคู่นั้นเป็นของพระราชทานที่จักรพรรดิองค์ก่อนพระราชทานให้ เป็นหยกเขียวที่โปร่งใส ขนาดเขาเองยังชอบและหวงแหนอย่างมาก เขาจะยอมหยิบออกมาเดิมพันได้อย่างไรฉีหู่ซานเองก็เป็นคนที่ชอบหยก เขาชอบเก็บรวบรวมเครื่องหยกต่างๆ เขาจ้องหมายตาสิงโตหยกคู่นั้นของมู่เทียนซิงมาหลายปีแล้ว"มู่เทียนซิง ลูกสาวเจ้าทำเรื่องามหน้าเอาไว้ เจ้ายังกล้าคิดมาขวางอีกรึ!" ฉีหู่ซานตะคอกด้วยความโมโหออกมาทันทีมู่เทียนซิงพอเข้
Read More
บทที่ 96
มู่เทียนซิงเกาหัวพร้อมกับยิ้มกล่าว : "พระพันปีหลวงทรงอย่าพิโรธเลยพะยะค่ะ ข้าน้อยบังอาจไปแล้ว โปรดพระพันปีหลวงทรงลงพระอาญา""เอาล่ะ โม่จุน เจ้าอธิบายเหตุการณ์อีกรอบ สรุปจะเดิมพันหรือไม่?" พระพันปีหลวงทรงหันมองไปที่โม่จุนมุมปากของโม่จุนก็กระตุกขึ้นมา เขาได้แต่ต้องเล่าอธิบายเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้ง หลังจากอธิบายเสร็จก็กล่าวเพิ่มมาอีกประโยคหนึ่ง : "คุณหนูใหญ่มู่เป็นฝ่ายที่ต้องการจะเดิมพัน""ท่านพ่อ เดิมพันเถอะ พวกเราชนะแน่นอน ท่านลองคิดดูสิว่าข้าลูกสาวของมู่เทียนซิงจะไปแพ้ได้อย่างไร?" เหตุผลของมู่จิ่วซีช่างฟังดูยิ่งใหญ่และน่าตกใจอย่างยิ่งใบหน้าวัยชราของมู่เทียนซิงถึงกับต้องตะลึงตาโตอ้าปากค้าง"ซีเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอาชนะคุณหนูสามตระกูลฉีได้งั้นรึ?" มู่เทียนซิงก็คิดในใจว่านางไม่ใช่มู่เจินจูลูกสาวคนรอง มู่เจินจูถูกลู่เวยหย่าฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทั้งฉิน หมาก อักษรและภาพวาดล้วนมีฝีมือไม่เลว แต่ตอนนี้มู่จิ่วซีกลับบอกว่าสามารถเอาชนะได้?"ใช่แล้ว ทำไมข้าถึงจะเอาชนะไม่ได้?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างใส่ซื่อบริสุทธิ์ "งั้นพวกเรามาแข่งวาดภาพกัน ข้าถนัดวาดเป็นที่สุด!""วาดภาพ!" โม่จุนอีกนิ
Read More
บทที่ 97
มู่จิ่วซีก็หันไปมองมู่เทียนซิง พอเห็นเส้นเลือดในแววตาที่อ่อนล้าคู่นั้นของเขา ในใจของนางก็ปวดร้าวในทันทีเขาเองรู้แก่ใจว่ามู่จิ่วซีที่เป็นเจ้าของร่างเดิมไม่มีทางชนะได้ แต่เขาก็ยังเป็นพ่อที่รักษาหน้าของลูกสาว อีกอย่างทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มู่จิ่วซีเจ้าของร่างเดิมได้เปลี่ยนนิสัย"ท่านพ่อ ข้าให้สัญญา ถ้าหากข้าแพ้ ข้าจะยอมไม่ออกจากจวนหนึ่งปีเต็ม ข้าจะอยู่บ้านร่ำเรียนฉิน หมาก อักษระและภาพวาดให้ชำนาญ ลูกสาคนนี้จะแต่งชุดแดงและหาคนที่ดีเหมาะสมแต่งออกเหย้าเรือน ลูกสาวคนนี้จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจอีก" มู่จิ่วซีกุมไปที่มือท่านพ่อของนางและกล่าวอย่างตั้งใจ"จริงหรือ?" มู่เทียนซิงไม่คาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะยอมสัญญาได้ง่ายขนาดนี้ ทันใดนั้นดวงตาอันแก่ชราของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาซีเอ๋อร์ของเขารู้เรื่องรู้ราวขึ้นจริงๆ แล้วสินะ"เอาล่ะ พวกเจ้าพ่อลูกเลิกเว้อวอนกันได้ล่ะ ทำอย่างกับจะแยกตายจากกันไปอย่างใดอย่างนั้น ก็แค่เดิมพันครั้งเดียวเองไม่ใช่รึ? พระพันปีหลวง ท่านผู้สำเร็จราชการแทน พวกท่านต้องตัดสินอย่างยุติธรรมด้วยล่ะ" ฉีหู่ซานขืนมองไม่ไหวอีกต่อไปพระพันปีหลวงก็ตรัสขึ้นมา : "ใต้เท้าฉี ข้าและท่านผู้สำเร็จราชการ
Read More
บทที่ 98
ตอนที่มู่จิ่วซีออกมาจากพระราชวัง นางก็มอบคลานอยู่ในรถม้า ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ลงมือโบยไปห้าทีอย่างไม่ได้ยั้งมือ ก้นของนางตอนนี้ปวดแสบร้อนไปหมดส่วนแม่ทัพใหญ่มู่แถบเรียกได้ว่าทุกข์ใจ แต่ก็เหมือนกับเป็นการปลอบใจเช่นกัน"ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าต้องชนะแน่นอน ลูกสาวคนนี้จะชนะและคว้าเอากระบี่หยกมังกรเขียวเล่มนั้นมาให้ท่านให้ได้ เดือนหน้าบังเอิญวันเกิดท่านพอดีเลยด้วย ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดของท่านพ่อก็แล้วกัน" มู่จิ่วซีมองไปยังใบหน้าท่านพ่อของนางที่กำลังกลุ้มใจขมขื่นอยู่ขณะนี้พร้อมกับยิ้มกล่าว"ยัยหนู เจ้ายังจะยิ้มออกอีก ต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ให้มันแล้วๆ ไปเถอะ พอพูดขึ้นมา พระพันปีหลวงและท่านผู้สำเร็จราชการแทนต่างก็ล้วนกำลังช่วยเจ้าอยู่ เพราะถึงอย่างไรคุณหญิงฉีก็เป็นถึงคุณหญิงตราตั้งระดับสอง นางถูกเจ้าตีจนแทบปางตาย เจ้านี่มันช่างกล้าดีจริงๆ" มู่เทียนซิงยังคงรู้สึกกลัวหวาดผวาอยู่ (คุณหญิงตราตั้ง เป็นพระยศที่จักรพรรดิได้พระราชทานให้คุณหญิงของขุนนาง)มู่จิ่วซียิ้มพร้อมกับกล่าว : "อันที่จริงคราวนี้โม่จุนได้ช่วยข้าไว้ เขาจงใจพูดถึงคุณหนูสามของตระกูลฉีเพื่อให้ข้าได้ท้าเดิ
Read More
บทที่ 99
พอดวงอาทิตย์ขึ้น แสงอาทิตย์สีแดงก็ได้สาดส่องไปยังพระราชวังอันวิจิตรและงดงาม จนสะท้อนเกิดเป็นแสงทองเหลืองอร่าม เผยให้เห็นถึงความงดงามของสิ่งปลูกสร้างภายในวังฉือลู่ ไป๋ชิงที่สวมใส่ชุดสีขาวเรียบๆ ก็ยืนอยู่ที่หน้าโถงพระโรงอย่างวิตกกังวล ส่วนมู่จิ่วซีซึ่งสวมชุดกระโปรงบานในแบบของพระราชวังก็นั่งอยู่ใต้ชายคา นางอาศัยช่วงที่พระพันปีหลวงยังไม่เสด็จมาถึงฝึกวรยุทธกระบวนท่าของเฟิงเหยียนหยูเฟยมู่จิ่วซีเมื่อวานได้รับเฟิงเหยียนหยูเฟยส่วนที่สองซึ่งฮั้วอวิ๋นเทียนได้ให้เถ้าแก่ร่างท้วมเอามาให้ โดยเงื่อนไขคือให้นางไปเยี่ยมเยียนพบคุณหนูอาจื่อเป็นระยะๆ ให้ที เพื่อให้แน่ใจว่านางยังไม่ตายมู่จิ่วซีก็เผยยิ้มมุมปาก นางรู้สึกว่าฮั้วอวิ๋นเทียนก็พอจะเข้ากับนางได้ดี คุ้มแล้วที่จะมีเพื่อนแบบนี้นางตอนนี้ฝึกฝนเฟิงเหยียนหยูเฟยถึงระดับสี่แล้ว หากนางฝึกฝนจนแตกฉากในส่วนแรก นางก็จะสามารถเปิดผนึกสองเส้นลมปราณด้วยตนเองได้ พอเรียนส่วนที่สองก็ยิ่งใช้เวลาได้น้อยกว่าแต่ได้ผลมากกว่าพอจนถึงช่วงฝึกฝนส่วนที่สามเมื่อไหร่ นางก็มั่นใจว่าพละกำลังของนางคงจะแพ้อย่างไม่น่าเวทนานักเมื่อต้องสู้กัลยอดฝีมืออย่างโม่จุนและฮั้วอวิ๋นเทียน
Read More
บทที่ 100
มู่จิ่วซีคิดถึงพิษเงาหอมนิโลบลขึ้นมา ถ้าหากคุณหญิงใหญ่ของอัครมหาเสนาบดีถูกจ้วงชิงเหมยวางยาพิษเงาหอมนิโลบล งั้นจ้วงชิงเหมยคนนี้ก็คือไส้ศึกของแคว้นเป่ยจิ้น งั้นจะปล่อยให้นางขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่ได้อย่างไร?หากไส้ศึกได้กลายเป็นคุณหญิงตราตั้งระดับหนึ่งขึ้นมา งั้นหลังจากนี้คงไม่ตบหน้าราชวงศ์อย่างเปิดเผยเลยหรอกเหรอ?พระพันปีหลวงก็ทรงแย้มสรวลให้กับท่าทีขึงขังของมู่จิ่วซี"เอาล่ะ เอาล่ะ เลิกคิดเรื่องของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเตือนเขาเอง แม่หนูไป๋ ไม่มีใครจะแย่งฐานะคุณหนูใหญ่ของจวนตระกูลไป๋ของเจ้าไปได้ เจ้าวางใจเถอะ แต่ว่าท่านแม่ของเจ้าก็ไม่อยู่แล้ว งั้นหลังจากนี้เจ้าได้วางแผนไว้บางรึเปล่า?"ไป๋ชิงเมื่อได้ยินน้ำเสียงโอบอ้อมอารีย์ของพระพันปีหลวง นางก็รีบคุกเข่าและกล่าวขอร้องขึ้นมา : "หม่อมฉันหวังว่าพระพันปีหลวงจะทรงพระอนุญาตให้หม่อมฉันไว้ทุกข์ท่านแม่เป็นเวลาสามปีเจ้าคะ""สามีปี!" มู่จิ่วซีตกใจจนอุทานออกมาพร้อมกับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูก "ไป๋ชิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?"ไป๋ชิงหันไปมองมู่จิ่วซีครู่หนึ่งพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเผือด : "พ่อข้าและป้าสะใภ้รองต้องการให้ข้าแต่งกับ
Read More
ก่อนหน้า
1
...
89101112
...
37
DMCA.com Protection Status