บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 41 - บทที่ 50
100
บทที่ 41
หลินซวงเอ๋อร์กลับไปที่ห้องพักของนางเพื่อเก็บข้าวของและออกไป ซึ่งนางก็บังเอิญหันไปเห็นเยี่ยเป่ยเฉิง ที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาจากเรือนอวิ๋นซวนในตอนเช้าเห็นยังสวมเสื้อผ้าสีเขียวเข้ม แต่แค่พริบตาก็เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีขาวพระจันทร์ไปแล้ว ซึ่งเนื้อผ้าที่ใช้ก็เป็นวัสดุที่นางเพิ่งจะชี้ไปอย่างส่งๆ เมื่อสักครู่นี้เองเยี่ยเป่ยเฉิงมีรูปร่างหน้าตาดี ผมสีดำขลับ ทั้งยังมีคิ้วที่เย็นชาสะดุดตา ในวันธรรมดาเขามักจะสวมเสื้อผ้าสีเข้ม ซึ่งมันทำให้ผู้คนแทบไม่อยากล่วงเกินเขายิ่งขึ้นไปอีกแต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีอ่อนแล้ว นอกจากจะทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความเย็นชา ท่าทีที่ดูขุ่นเคืองบนร่างกายของเขาก็ยังลดลงไปมากอีกด้วยหมอกยามเช้าจางหายไปพร้อมกับแสงยามเช้าก็ส่องลงมา เขาสวมชุดคลุมสีขาวนวล คิ้วเข้มงดงามราวกับถูกวาดขึ้น เขายืนตัวตรงใต้แสงแดดสีทองที่ถูกสาดส่องขึ้นในวันที่อากาศสดใสนี้เพียงแรกสบตาแต่เหมือนรู้จักเจ้ามานับหมื่นปี​ดวงตาของหลินซวงเอ๋อร์เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ จริงๆ แล้วเขาที่สวมเสื้อผ้าสีอ่อนนี้ก็ช่างดูดีเสียเหลือเกินเยี่ยเป่ยเฉิงสังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองมายังตนของห
Read More
บทที่ 42
“ ท่านอ๋อง ท่านอย่าตำหนิท่านป้าจ้าวเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะเรียนรู้กฎโดยเร็วที่สุดและจะไม่ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองใจอีกเจ้าค่ะ”สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆ อ่อนลงช่างมัน ครั้งนี้ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกนางก็เเล้วกัน อย่างไรเสียครั้งที่เเล้วก็เป็นเพราะเขาที่ไม่คิดให้รอบคอบ ตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น ท่านป้าจ้าวจะเป็นกังวลใจก็พอจะเข้าใจได้อยู่“โมโม่ลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ทำอะไรนางหรอก ข้าจะพานางกลับมาโดยไม่ให้มีส่วนใดชำรุดเด็กขาด”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจของท่านป้าจ้าวถึงได้ปล่อยวางความกังวลที่อยู่ในใจไปได้นางมองไปที่ใบหน้าอันไร้เดียงสาของหลินซวงเอ๋อร์ ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างลับๆ ใช้มือตบหลังมือของหลินซวงเอ๋อร์และพูดอย่างปลอบโยน "ซวงเอ๋ย ไม่เป็นไร ไปเถอะ จำไว้ล่ะว่าห้ามทำให้ท่านอ๋อง ไม่พอใจ โมโม่จะรออยู่ที่จวนโหวเพื่อรอเจ้ากลับมา”หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้ารับ "โมโม่ไม่ต้องกังวล ข้าไม่อาจทำให้ท่านอ๋องโกรธได้หรอก”เมื่อทั้งสองคนออกจากประตูจวน เสวียนอู่ก็ได้เตรียมรถม้าเอาไว้แล้วเยี่ยเป่ยเฉิงพานางไปดูที่สนามฝึกซึ่งเขาใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อฝึกทหารเป็นครั้งแรกในสนามฝึกมีทหารฝึกซ้อมท
Read More
บทที่ 43
หลินซวงเอ๋อร์อยากจะร้องไห้ออกมาเเต่มันไม่มีน้ำตาเยี่ยเป่ยเฉิงพานางเดินไปยังสถานที่ใช้ในการเลี้ยงเสือโดยเฉพาะกำแพงที่นี่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษด้วยอิฐอย่างดี กำแพงสูงถึงสองจั้ง ทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์เดินมาถึงที่ด้านนอกกำแพง นางก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากทางด้านในหลินซวงเอ๋อร์กลัวเสียจนน้ำตาไหลออกมา นางไม่อาจหยุดรั้งชายเสื้อของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ริมฝีปากบางก็ยังคงกล่าวอ้อนวอนออกมา " ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่เข้าไปด้านในได้หรือไม่เจ้าคะ?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ "มาที่นี่โดยเฉพาะ แล้วเหตุใดถึงไม่อยากเข้าไปมองสิ่งที่อย฿ู่ด้านในสักหน่อยล่ะ?"เสือตัวใหญ่คือลูกเสือที่เขารับมาเลี้ยงจากในสนามรบเมื่อสามปีที่ก่อนจำได้ว่าตอนที่รับมันมา ขนาดของมันใหญ่กว่ามือแค่นิดหน่อย ท่าทางของมันที่นอนอยู่ในมือของเขาเพื่อรอป้อนอาหารนั้นน่ารักเป้นอย่างมากเพื่อให้มันมีชีวิตรอด เยี่ยเป่ยเฉิงใช้ความคิดของตนเป็นอย่างมาก ตอนยังเป็นทารกก็ย่อมต้องการดื่มนม เช่นนั้นเขาจึงไปบ้านชาวนาทุกวันเพื่อขอนมวัวหรือไม่ก็นมแพะเพื่อให้มันดื่ม หลังจากหย่านมมันก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการกินเนื้อ เยี่ยเป่ยเฉิงจึงพามันออกล่าในทุกๆ วันตอนที่มัน
Read More
บทที่ 44
เยี่ยเป่ยเฉิงยกริมฝีปากขึ้นแล้วเผยยิ้ม "ถ้าเจ้าไม่ลองลูบมัน มันก็จะไม่ออกไปง่ายๆ หรอกนะ"ได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าใจของนางจะเป็รคนรักตัวกลัวตาย แต่หลินซวงเอ๋อร์ก็ยังคงเอื้อมมือออกไปอย่างกล้าหาญและลูบที่ส่วนหัวของเสือตัวใหญ่อย่างหวาดกลัวไม่ต้องพูดเลยว่าสัมผัสที่มือนั้นรู้สึกดีเสียจริง ขนดกอ่อนนุ่ม ทั้งยังเต็มไม้เต็มมือมากเดิมทีหลินซวงเอ๋อร์เพียงแค่ต้องการสัมผัสเบาๆ แต่ใครก็ไม่คาดคิดว่าเสือตัวใหญ่จะนอนลงบนพื้นโดยเผยให้เห็นท้องสีขาว ขาทั้งสี่ของมันชี้ขึ้นไปในอากาศ สีหน้าของมันแสดงให้เห็นถึงความเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมากหลินซวงเอ๋อร์มองไปยังเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยความสงสัยเหตุใดมันถึงทำเช่นนี้กัน?หรือว่ามันกำลังแกล้งอย่างนั้นเหรอ?เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะอย่างโง่เขลาออกมา อดูเหมือนเขาเองก็แทบจะคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเสือตัวใหญ่นี้จะชอบหลินซวงเอ๋อร์มากถึงเพียงนี้เขากล่าว "เจ้าเสือยักษ์ดูเหมือนจะชอบเจ้ามากเลยนะ มันเปิดพุงของตัวเองให้เห็นก็เพราะเชื่อใจเจ้า มันอยากให้เจ้าลูบมันให้มากกว่านี้อีสักหน่อย"“ยังต้องลูบอีกงั่้นเหรอเจ้าคะ?” หลินซวงเอ๋อร์เผยยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทว่าหลังจากทำมันไปแล้วครั้งหน
Read More
บทที่ 45
มือของเยี่ยเป่ยเฉิงนั้นใหญ่มาก มือของหลินซวงเอ๋อร์ทั้งนุ่มและเล็ก เมื่อฝ่ามือกว้างโอบมือของนางไว้แน่น หลินซวงเอ๋อร์ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งตรงมาจากฝ่ามือของเขาฝ่ามือของเขาอบอุ่น แม้จะร้อนไปสักหน่อย เเต่ก็ยังเทียบกับก็เทียบกับคนเย็นชาเช่นเขาไม่ได้ทว่าหลินซวงเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงการรับมือได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นสถานะที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองหรือเหตุผลอื่น ๆ นางก็มักจะรู้สึกเสมอว่าพฤติกรรมของเยี่ยเป่ยเฉิงนั้นดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลสักเท่าใดนักหลินซวงเอ๋อร์พยายามขัดขืน แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้เมื่อสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ขัดขืนของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือเท่านั้น แต่ยังกระชับมือของเขาให้แน่นขึ้นอีกด้วย“ถ้าเจ้าขัดขืนอีกครั้ง ข้าไม่อาจรับรองได้หรอกนะว่าในครั้งต่อไปจัดมีเรื่องบ้าบออะไรเกิดขึ้นกับเจ้าได้อีกหรือไม่”น้ำเสียงของเขาดูสงบ แต่ทุกคำพูดที่เอื้อนเอ่ยกลับแฝงท่าทีข่มขู่เอาไว้มันเกินขอบเขตจนไร้เหตุผลเสียจริงหลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อว่าในใจทว่านางก็ไม่อาจต้านทานท่าทางไร้ขอบเขตของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ เช่นนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายกระทำต
Read More
บทที่ 46
ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็หยิบตะเกียบขึ้นคีบอาหาร หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าเมื่อเขาเริ่มกิน มันก็จะถึงเวลาที่นางจะใช้ตะเกียบได้แล้วใครมันจะไปคิดว่าอาหารที่เยี่ยเป่ยเฉิงคีบมันจะไปอยู่ในชามของนางโดยตรงหลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยความประหลาดใจ ท่าทางของนางก็ดูตกตะลึงเล็กน้อย“ยังอยากกินอะไรอีกหรือไม่?” เยี่ยเป่ยเฉิงถามนางเมื่อครู่เขาเห็นนางเอาแต่จ้องมองรากบัวสามรสโดยไม่วางตา เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ได้ทันทีว่านางคงอยากกินมันมาก เขาจึงคีบขึ้นมาสองสามชิ้นใส่ชามของอีกฝ่ายหลินซวงเอ๋อร์หยิบตะเกียบของตนขึ้นมา คีบรากบัวสามรสในชามเพื่อลิ้มลองรสชาติของมันเมื่อเข้าไปในปากก็สัมผัสได้ถึงรสเปรี้ยวหวาน นุ่มเหนียวถูกปาก หลินซวงเอ๋อร์หรี่ตาลงด้วยสีหน้าที่พึงพอใจไม่นานรากบัวในชามก็ถูกจัดการไปจนหมด นางเงยหน้าขึ้นอาหารจานอื่นบนโต๊ะ จู่ๆ นางก็อยากจะกินหมูสับปรุงรสต้มน้ำแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่มันอยู่ไกลเกินไปจนนางคีบไม่ถึงความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง หลินซวงเอ๋อร์ได้แต่มองแล้วกลืนน้ำลายของตนลงคอไปใครจะไปคิดว่าวินาทีต่อมา ราวกับว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะสามารถอ่านความคิดของนางได้ เขาคีบหมูสับปรุงรสต้มน้ำแดงใส่ชามให้
Read More
บทที่ 47
เยี่ยเป่ยเฉิงมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงของเขาก็ยังแสดงถึงความไม่พอใจ "ใครรินเหล้าให้นาง"ทุกคนต่างพากันมองหน้ากันมีปกป้องจากเยี่ยเป่ยเฉิง ใครมันจะกล้ารินเหล้าให้แก่นางได้กัน?รองแม่ทัพมองดูแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้าของหลินซวงเอ๋อร์จึงตระหนักได้ในทันที จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "พวกเราไม่กล้าเทเหล้าให้เขาหรอก เด็กหนุ่มคนนี้หยิบจอกผิดและน่าจะดื่มเหล้าท่านอ๋องไปขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงมองไปที่จอกเหล้าที่อยู่ตรงหน้าเขา เหล้าที่ถูกเติมเอาไว้จนเต็มตอนนี้มันกลับว่างเปล่า นางดื่มมันเข้าไปจนไม่เหลือทิ้งเอาไว้สักหยดแม้แต่ชายชาตรีที่ไม่ได้มีทักษะในการดื่มหากดื่มเหล้าบุตรสาวเข้าไปก็ยังทนไม่ได้ แล้วคนเช่นนางมันจะไปเหลืออะไรทุกคนหัวเราะเสียงดัง ที่แท้มันก็เป็นความเข้าใจผิดกันก็เท่านั้นเองรองนายพลหวังขุ่ยมองดูจานถั่วที่เหลือแต่เศษบนโต๊ะ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างติดตลกว่า "เจ้าหนุ่มนั่นกินถั่วจนหมดจานแล้ว กระหายก็คงหยิบเหล้าไปดื่ม ไม่ก็คงเผลอดื่มมันเข้าไปอึกใหญ่เอง”ทุกคนพากันระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิงเวียนและไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เสียงดังที่อยู่รอบตั
Read More
บทที่ 48
หากไม่มีสายรัดตัว ร่างกายของหญิงสาวก็นุ่มนวลลง เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา ซึ่งมันก็รู้สึกเบาหวิวราวกับผ้าฝ้ายมือของเยี่ยเป่ยเฉิงจับไปที่เอวของนางโดยไม่รู้ตัว ช่วงเอวที่อ่อนนุ่มโดยปราศจากสายรัด มันทำให้เขาต้องกลั้นหายใจเอาไว้นางช่างอ่อนนุ่มเสียจริง......นางนอนหลับอย่างสงบเงียบ เยี่ยเป่ยเฉิงอดไม่ได้ที่จะลดสายตาลงมองนางอย่างระมัดระวังแก้มของหลินซวงเอ๋อร์สีแดงระเรื่อจากอาการเมา ราวกับก้อนเมฆสีแดงสองก้อนที่กำลังล่องลอย ขนตาของนางหนาและเป็นแพยาว จมูกเล็กแต่สูงโด่ง ริมฝีปากของนางก็ยังดูชุ่มชื้นเป็นสีชมพู......ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา ยิ่งมองก็ยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองด้วยความหลงไหล คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงอะไร ถึงได้เผยอริมฝีปากเเละพ่นลมหายใจออกมาอย่างรวดเร็วท่าทางไม่ได้ตั้งใจนี้มันดึงดูดผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องไปยังริมฝีปากของหลินซวงเอ๋อร์ ทว่าจู่ๆ เขาก็สะดุ้งขึ้นมาทันทีความคิดสกปรกผุดขึ้นมาอีกครั้งแล้วในพื้นที่อันมืดมิดนี้ กลิ่นอันหอมหวานของเหล้าผสมผสานกับกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนของหญิงสาวเยี่ยเป่ยเฉิงค่
Read More
บทที่ 49
บรรยากาศภายในรถม้ายิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆไฟราคะในดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะพวบพุ่งออกมาตอนนี้จู่ๆ รถม้าก็หยุดลงพร้อมกับเสียงร้องของเสวียนอู่ที่ร้องตะโกนว่า "ถึงแล้วขอรับ ท่านอ๋อง"การเคลื่อนไหวของเยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไป ทว่าครู่หนึ่งก็กลับมาเป็นปกติหลินซวงเอ๋อร์เมื่อหรี่ตาลงมองชุดที่ไม่เรียบร้อยดี จู่ๆ มันก็ทำให้เขาก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาใยถึงทนไม่ได้ขึ้นมา หรือว่าเขาได้ทำเรื่องที่เลวร้ายกับนางไปอย่างนั้นเหรอ!เยี่ยเป่ยเฉิงพบว่า เมื่ออยู่ต่อนหน้าหลินซวงเอ๋อร์เขามักจะควบคุมตัวเองไๆม่ได้ เรื่องสมาธิ หรือแม้แต่การบำเพ็ญฝีกตนก็ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้นหลินซวงเอ๋อร์หลังจากที่ได้จัดการกับชุดเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงก็เอาสายรัดเอวกลับไปรัดให้นางอีกครั้งด้วยท่าทีระมัดระวังเขาจัดการชุดของตนให้เข้าที่ ปรับความปรารถนาที่อยู่ในแววตาของตนให้เป็นปกติ จากนั้นก็เปิดม่านออกด้วยสีหน้าราวกับไม่แยแสต่อสิ่งใดท่านป้าจ้าวและตงเหมยไม่รู้ว่ารออยู่ที่หน้าจวนโหวมานานสักเพียงใดแล้ว เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ในอ้อมแขนลงมาจากรถม้า ทั้งสองคนก็รีบปรี่ตรงเข้าไปทันทีตงเหมยมองหล
Read More
บทที่ 50
ให้ตายเถอะ ในที่สุดข้าก็นอนหลับดีๆ เสียที แต่เผลอหลับไปเสียหน่อยจนลืมเรื่องการรับใช้เจ้านายไปเสียเลยนางเร่งรีบเข้าไปในห้องของเยี่ยเป่ยเฉิงพร้อมกับอ่างน้ำอุ่นอย่าง แต่หลินซวงเอ๋อร์ก็พบว่าเยี่ยเป่ยเฉิงได้จัดการตัวเองเสร็จ กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือเพื่่ออ่านตำราอย่างตั้งใจหลินซวงเอ๋อร์หายใจหอบยืนตัวสั่นขณะที่เดินไปหาเยี่ยเป่ยเฉิง นางคุกเข่าลงและพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเทา " ท่านอ๋อง......ข้าน้อยนอนหลับเพลินไปเสียหน่อย ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วยเจ้าค่ะ"เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับตำรา เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ "ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ"หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาอย่างลับๆ ซึ่งนางก็ได้ค้นพบว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีกว่าปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอาความผิดของนางมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อยผ่านเรื่องราวทั้งหมดนั้นมา หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าตนนั้นมีโชคเป็นอย่างมาก“เช่นนั้นข้าน้อยก็ต้องขอตัวก่อน หากท่านอ๋องมีเรื่องอันใดก็เรียกหาข้าน้อยได้เลยเจ้าค่ะ” หลินซวงเอ๋อร์กำลังจะออกไป แต่จู่ๆ เยี่ยเป่ยเฉิงก็เปิดปากพูดออกมาอีกครั้ง“อย่าเพิ่งไป มาช่วยฝนหมึกให้ข้าหน่อย”หลิ
Read More
ก่อนหน้า
1
...
34567
...
10
DMCA.com Protection Status