Share

บทที่ 13

ร่างกายของเขาอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง และลมหายใจร้อน ๆ ของเขาก็รินรดอยู่ข้างหูของหญิงสาว

เขาไปดื่มมางั้นเหรอ?

เวินหนี่เรียกเขา “เย่หนานโจว”

แต่เย่หนานโจวกอดเอวของเธอไว้และฝังหน้าไว้บนผมของเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าขยับ ฉันขอกอดเธออีกหน่อย”

คราวนี้เวินหนี่หยุดเคลื่อนไหว

ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดื่มเยอะขนาดนี้

เวินหนี่นอนอยู่บนผ้าห่มเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอแทบจะแข็งทื่อ ได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะลุก

แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกเลย เอาแต่สูดดมเธออย่างตะกละตะกลาม

นี่เขาคงจะไม่คิดว่าเธอคือลู่ม่านเซิงอีกแล้วหรอกใช่ไหม

เวินหนี่เรียกเขาอีกครั้ง “เย่หนานโจว…”

“เวินหนี่ ฉันอยากจะนอนแบบนี้อีกสักพัก”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เงียบลงอีกครั้ง

การที่เขาเรียกชื่อเธอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่น

เธอไม่ค่อยได้เห็นเขาในสภาพนี้ และมันก็ทำให้เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูก

แต่เธอก็ยังใจอ่อนกลัวว่าเขาจะหลับไปทั้งแบบนี้ และกลัวว่าเขาจะเป็นหวัด

เธอผลักเขาเบา ๆ “อย่านอนแบบนี้เลยค่ะ ไปอาบน้ำ ไม่ก็ห่มผ้าห่ม…”

เย่หนานโจวพลิกตัว ยกมือขึ้นก่อนจะรวบตัวเวินหนี่เข้ามาในอ้อมแขน เขากอดเธอไว้แน่น ปลายจมูกของเวินหนี่เต็มไปด้วยกลิ่นไวน์ และกลิ่นอันสดชื่นจากร่างกายของชายหนุ่ม

เธอทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ พลางจ้องมองเขา

เขาไม่ได้หลับตา แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำราวกับว่าเขาไม่ค่อยพอใจ

แล้วทำไมเธอจะต้องมาคาดเดาว่าพอใจหรือไม่พอใจด้วย เธอคิดมากเกินไปแล้ว เธอไม่ได้อยากที่จะใส่ใจเขามากเกินไปเสียหน่อย

เย่หนานโจวยกมือขึ้นลูบหน้าผากของร่างเล็ก

ฝ่ามืออบอุ่นนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลก เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย เย่หนานโจวชะงัก ก่อนจะถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “เจ็บเหรอ?”

เวินหนี่รู้สึกแสบจมูก อาจเป็นเพราะเธอเสียใจมามาก จึงทนไม่ได้กับความเป็นห่วงของเขา “ถามทำไมคะ?”

น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความคับแค้นใจ

เย่หนานโจวตบหลังเธอเบา ๆ ราวกับกำลังปลอบใจเธอ “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปสถานที่ที่อันตรายแบบนั้นอีกแล้ว”

นี่เขากำลังเป็นห่วงเธออย่างนั้นเหรอ?

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะบอกว่า การแต่งงานของพวกเขาเป็นเพียงข้อตกลง และบอกเธอว่าอย่าคิดไปไกล

เวินหนี่อดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาหลับตาลง แต่มือของเขายังคงปลอบเธอต่อไป

ตอนนั้นเองที่เวินหนี่ก็รู้สึกว่าเขาเป็นของเธอ

มีเพียงเวลาที่เขาเมาเท่านั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองถึงจะใกล้ชิดกันมากขึ้นเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป

เวินหนี่ยกมือขึ้น ต้องการสัมผัสใบหน้าของเขาและเข้าใกล้เขามากขึ้น แต่มือของเธอก็หยุดอยู่กลางอากาศ สุดท้ายสติสัมปชัญญะก็ลบล้างปรารถนาของเธอ

เพราะเธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เขาคือเย่หนานโจว และเธอเองก็คือเวินหนี่

เธอลดมือลงอีกครั้ง

เธอแนบหน้ากับอกของเขา รู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจและลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขา คงจะหลับไปแล้วสินะ

จากนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยความวางใจ “เย่หนานโจว หากคนที่คุณรักคือฉันก็คงจะดี แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ฉันก็มีความสุขมาก”

ที่จริงแล้วเธอเป็นคนพอใจอะไรง่ายมาก

แต่สำหรับเธอแล้ว ช่างเกินเอื้อมเกินไป

สุดท้ายเวินหนี่ก็หลับตาลง และหวังว่าเวลาจะหยุดลงที่ตรงนี้ ไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก

แต่ท้ายที่สุดก็ต้องตื่นจากฝัน

เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น พื้นที่ข้าง ๆ ก็เย็นแล้ว เย่หนานโจวออกไปตั้งแต่เช้า

เวินหนี่ลุกขึ้นและพบข้อความขนาดใหญ่ที่วางอยู่ข้างเตียงว่า ฉันไปบริษัท เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านไป อย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ

และมีบัตรเครดิตวางอยู่ข้าง ๆ

เวินหนี่หยิบมันขึ้นมาและนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาซื้อของให้ลู่ม่านเซิงไปห้าล้านบาท

เขาคิดจะชดเชยเธอด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ?

เธอไม่รู้ว่าเย่หนานโจวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขารักลู่ม่านเซิง แต่กลับไม่ยอมหย่ากับเธอ แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร

เธอใช้ความกล้าหาญทั้งหมดเพื่อขอหย่า และมีชีวิตใหม่

เย่หนานโจวไม่มีทางรู้ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักเขา และทำไมเธอถึงยอมอยู่เคียงข้างเขามานานถึงเจ็ดปี

ช่วงเวลาในวัยเยาว์ที่สวยงามของเธอต่างก็ใช้ไปกับเขาทั้งหมด

เมื่อคิดว่าต้องจากไป เธอเองก็รู้สึกเศร้าใจมาก

เธอใช้ความกล้าหาญทั้งหมด และสุดท้ายก็ต้องล่าถอยโดยไม่เหลืออะไรเลย

มนุษย์เอ๋ย จงมีสติและอย่ายอมเสี่ยงทุกเพียงเพื่อผู้ชาย เพราะการตกหลุมรักเพียงฝ่ายเดียวสุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องน่าขัน

เวินหนี่หยิบบัตรเครดิตขึ้นมาก่อนจะใส่ไว้ในลิ้นชักโดยไม่ได้หยิบมันออกมาอีก

ถังเยาส่งข้อความหาเธอ บอกว่านิทรรศการภาพวาดของเธอจะเริ่มจัดในวันนี้ และอยากให้เธอช่วยไปสนับสนุน

ถึงใบขอหย่าที่ถังเยาร่างให้เธอจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เห็นอย่างนี้เธอก็ทำงานหนัก และเป็นถึงจิตรกร รวมถึงแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงด้วย

เธอไปร่วมงานและถือโอกาสพักผ่อนจิตใจ

เธอนำช่อดอกไม้มาด้วย ถังเยากำลังต้อนรับแขก แต่เมื่อเห็นเวินหนี่เธอก็ผละตัวออกมาทันที และรีบเดินเข้าไปหาเวินหนี่ “ไงที่รัก”

เธอกอดเวินหนี่ทันที

เวินหนี่กอดตอบและแสดงความยินดี “ยินดีด้วยนะ”

“ยินดีอะไรกัน นี่มันเรื่องปกติอยู่แล้ว” ถังเยารับดอกไม้จากเธอแล้วพูดต่อว่า “แค่เธอมาฉันก็ดีใจมากแล้ว ปกติเธอก็ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ค่อยได้มาชมนิทรรศการศิลปะของฉันเลยนี่”

เวินหนี่มีสีหน้าขอโทษเล็กน้อย “ฉันไม่คิดให้ดีเอง”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนะ ฉันเองก็เข้าใจเธอดี”

เธอยุ่งกับงานมากจริง ๆ บางครั้งเมื่อมีเวลาว่างถึงจะได้นัดทานข้าวกับถังเยา

และดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยได้เข้าร่วมกิจกรรมงานของถังเยามาก่อนเลยจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรก

ถังเยาถามขึ้นอีกครั้ง “เรื่องหย่าไปถึงไหนแล้วล่ะ?”

เวินหนี่คิดถึงใบขอจดทะเบียนหย่า “พูดถึงเรื่องนี้ เธออยากให้ฉันหย่า หรืออยากให้ฉันถูกตีกันแน่?”

“นี่เธอถูกตีงั้นเหรอ? เย่หนานโจวเป็นคนใช้ความรุนแรงในครอบครัวเหรอ ไปคิดบัญชีกับเขากันเถอะ!”

“เธอจงใจสินะ” เวินหนีกล่าว “ใบขอหย่านั่นคนฉลาดยังไม่ยอมเซ็นเลย แล้วเย่หนานโจวจะเซ็นได้ยังไง”

ถังเยาเม้มริมฝีปาก “ฉันอยากยืนหยัดเพื่อเธอต่างหาก การแต่งงานครั้งนี้เขาไม่สูญเสียอะไร แถมยังอยากไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น ๆ อีก แต่เธอสูญเสียชีวิตวัยเยาว์ไปหลายปี ถึงจะหย่าก็ต้องได้อะไรจากเขามาบ้าง! ถ้าเขายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเขาก็จะไม่ยอมให้เธอลำบากในเรื่องเงินทองหรอก”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เวินหนี่ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “วันนี้ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า เธออยากให้ฉันมาชมผลงานของเธอไม่ใช่หรือไง พูดเรื่องดี ๆ กันเถอะ ฉันแยกแยะได้”

“ก็ได้ ตามใจเธอแล้วกัน” ถังเยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเอง”

คำพูดของเธอทำให้เวินหนี่รู้สึกอบอุ่น เธอยิ้มและพยักหน้าเบา ๆ

วันนี้มีผู้สื่อข่าวมาให้ความสนใจกับนิทรรศการศิลปะของถังเยาด้วย ถังเยาต้องให้สัมภาษณ์ และไม่สามารถอยู่กับเธอได้ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเดินเล่นคนเดียว

ทันใดนั้นเธอก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาพร้อมกับอีกหลายคน

“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณลู่”

ลู่ม่านเซิงยิ้มอย่างสุภาพต่อผู้รับผิดชอบบริษัทของถังเยา “ฉันมาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเธอ และชื่นชมภาพวาดของคุณถังน่ะค่ะ”

“นี่เป็นเกียรติของเยาเยา เธอกำลังให้สัมภาษณ์ รบกวนคุณรอสักครู่นะคะ”

เวินหนี่มองไปที่ลู่ม่านเซิง พลางไล่สายตาขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว และพบว่ามีรอยแผลเล็ก ๆ บนแขนของเธอที่ถูกรองพื้นปกคลุมอยู่

ถ้าจำไม่ผิดลู่ม่านเซิงไปโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ เธอคิดว่าจะเป็นแผลใหญ่กว่านี้เสียอีก

ท่าทางตื่นตระหนกของเธอที่ได้รับการปกป้องจากเย่หนานโจว ทันใดนั้นเวินหนี่ก็รู้สึกว่าเธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกไป ลู่ม่านเซิงก็สังเกตเห็นเธอ จึงขัดจังหวะการสนทนากับคนอื่น ๆ แล้วร้องเรียกเธอทันที “เวินหนี่”

เวินหนี่เงยหน้าขึ้น เห็นเธอกำลังเดินเข้ามา “พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?”

เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไรเลย และลู่ม่านเซิงก็พูดต่ออย่างอ่อนโยน “ทำไมพี่ไม่ไปทำงานล่ะคะ พี่หนานโจอนุญาตให้พี่มาชมนิทรรศการศิลปะแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”

“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของฉัน” เวินหนี่ตอบเธอนิ่ง ๆ

ลู่ม่านเซิงพูดขึ้น “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ในงานแบบนี้ แถมพี่ยังอยู่คนเดียวด้วย”

ลู่ม่านเซิงจงใจเตือนเธอว่าเธออยู่คนเดียว ซึ่งหมายถึงไม่ว่าเธอจะทำอะไรเย่หนานโจวก็จะไม่อยู่เคียงข้างเธอ

ก็จริง ลู่ม่านเซิงมีความมั่นใจมาก เพราะท้ายที่สุดเย่หนานโจวไม่เคยไปไหนเป็นเพื่อนเธอเลย

ทันใดนั้นก็มีอีกคนเดินเข้ามา “ม่านเซิง วันนี้คุณสวยมาก ชุดนี้สวยจริง ๆ คุณซื้อมาจากไหนเหรอคะ?”

ลู่ม่านเซิงหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ดูดีไหมคะ แฟนของฉันเป็นคนเลือกมันเอง”

“เอ่อ เหมือนว่าฉันจะเคยเห็นในนิตยสาร ราคาเป็นล้านเลยใช่ไหมคะเนี่ย?”

ลู่ม่านเซิงตอบอย่างเขินอาย “ใช่ค่ะ”

“แฟนคุณดีกับคุณมากจริง ๆ แค่เสื้อผ้าก็ยังซื้อให้คุณเป็นล้าน ปกติแล้วเขาคงจะให้เงินคุณใช้ไม่น้อยเลยสินะคะ”

ลู่ม่านเซิงเหลือบมองเวินหนี่ “แน่นอนค่ะ แฟนของฉันเขารักฉันมาก และแน่นอนว่าเขายินดีจ่ายเงินให้ฉันค่ะ”

สิ่งนี้เตือนให้เวินหนี่รู้ว่า เงินห้าล้านบาทที่เย่หนานโจวใช้ไปกับลู่ม่านเซิงก็คือชุดสีขาวแวววาวบนตัวเธอนั่นเอง

ทันใดนั้นมันก็ดูแจ่มชัดขึ้นมา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status