Share

บทที่ 0006

หมู่บ้านตงเหออยู่ในทำเลที่แร้นแค้น บ้านแต่ละหลังปลูกกันอย่างตามมีตามเกิด ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองส่องสว่างไปทั่ว สะท้อนเห็นเงาของเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก ทำให้เกิดความรู้สึกอ้างว้าง บ้านบางหลังเริ่มมีควันพวยพุ่งออกมา เป็นสัญญาณว่าได้ก่อเตาทำอาหารแล้ว

“ถูกไล่ออกก็ช่างเถอะ ยังไงที่บ้านก็ยังมีบ่อเลี้ยงปลา ที่นาก็พอให้เพาะปลูก ช่วงนี้ก็อาศัยสองชั่งครึ่งไปก่อนแล้วกัน!” เนี่ยฉางเกินเดินนำหน้า ลากกระเป๋าเดินทางของเนี่ยเฟย เดินไปก็บ่นไป ลูกชายน่าจะผิดหวังอยู่ไม่น้อย เขาคิดว่าคงต้องปลอบใจหน่อย

ความหมายของสองชั่งครึ่งก็คือจอบ ก่อนหน้านี้ช่างตีเหล็กได้กำหนดการส่งมอบจอบให้แก่ชาวบ้านในตำบลก่างเฉียว น้ำหนักของจอบจะอยู่ที่สองชั่งครึ่ง ไม่มากไม่น้อย

“จริงสิ ได้ยินว่าเจียงกั่วก็กลับมาแล้ว ป่านนี้คงจะอยู่บ้าน!” เนี่ยฉางเกินจู่ๆ นึกถึงเพื่อนรักในวัยเด็กของเนี่ยเฟยจึงได้เอ่ยขึ้นมา

“หา? เขากลับมาแล้วหรือ?” เนี่ยเฟยได้ยินชื่อเจียงกั่วก็หยุดเดินทันที ทางกลับบ้านบังเอิญต้องผ่านบ้านของเจียงกั่วก่อน เนี่ยเฟยรู้สึกอยากจะเดินอ้อมทาง

“ก็ใช่น่ะสิ! เด็กคนนี้มันช่างเก่งนัก” พูดถึงเจียงกั่ว เนี่ยฉางเกินอดไม่ได้ที่จะชมเชย “พอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ได้งานโรงพิมพ์ในอำเภอ แล้วเป็นไงล่ะ ฝึกงานแค่เดือนเดียวก็ได้รับการบรรจุ เลยกลับมาบอกข่าวดีให้ที่บ้านได้รู้ เห็นว่าพรุ่งนี้อาเจียงจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ลูกสาวด้วย! เฮ้อ ถ้าบ้านเรามีลูกหลานที่เก่งแบบนี้สักคนก็คงดี”

“อ้อ!” เนี่ยเฟยก็พลอยยินดีไปด้วย พอเงยหน้าขึ้น บ้านเจียงกั่วก็เห็นอยู่ข้างหน้าแล้ว เนี่ยเฟยเห็นเจียงกั่วถือแอ๊ปเปิ้ลอยู่ในมือลูกหนึ่ง เดินจากชั้นสองของบ้านลงมา

“ยายคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งสวย อีกหน่อยไม่รู้ว่าใครโชคดีได้อึ๊บเขาก่อน” เนี่ยเฟยแอบคิดในใจ ทำทีก้มหน้าลง เดินตามหลังเนี่ยฉางเกินเหมือนไม่รู้ไม่ชี้

“ลุงฉางเกินคะ!” เจียงกั่วทักทายเนี่ยฉางเกินเสียงหวาน พร้อมปรายตามองดู ก็เห็นเนี่ยเฟยซึ่งก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหลังเนี่ยฉางเกิน “อ้าว เนี่ยเฟย ที่ก้มหน้าเพื่อจะเหยียบมดบนพื้นให้ตายหมดเหรอ?หรือว่าเจอฉันแล้วละอายใจไม่กล้าสู้หน้ากันแน่?”

“เชอะ!” เนี่ยเฟยได้ยินเจียงกั่วมาจิกกัดตนก็รีบเงยหน้าตอบทันที “เธอไม่ใช่นางฟ้านางฟ้าสักหน่อย ทำไมฉันต้องไม่กล้าสู้หน้าด้วย”

พูดจบ เนี่ยเฟยก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้าเจียงกั่ว ผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลายจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว สองคนก็แทบไม่ได้เจอหน้าอีก แม้แต่ปิดเทอมใหญ่ก็ไปทำงานอยู่ต่างเมือง ปลายปีเคยกลับมาหนหนึ่ง และหลายปีนี้นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหล่อนอยู่ในชุดหน้าร้อน

เสื้อยืดแขนสั้นรัดรูปเผยให้เห็นเนินเนื้อสองก้อนที่หน้าอกถูกยกชันขึ้น จนแม้แต่ลายของเสื้อชั้นในก็ยังนูนออกมา ผมยาวถูกรวบขึ้นให้เป็นจุกอยู่บนหัว

หน้าตาก็ยังเหมือนแต่ก่อน ดูจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดู กางเกงยีนส์ขาสั้นที่ใส่ก็หุ้มสะโพกพอดี จนดูกลมกลึง ขาเรียวยาวขาวผ่องก็เดินไปเดินมาอยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟย

มองต่ำลงไปอีก ก็เห็นเท้าเล็ก ๆ ที่ใส่รองเท้าแตะสีดำ เล็บตัดเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน

“ดูอะไรยะ?” เจียงกั่วเห็นสายตากรุ้มกริ่มของเนี่ยเฟยจ้องมองตนตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าก็ให้บึ้งตึง เพราะสองคนนี้เป็นอริมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว

ตำบลก่างเฉี่ยวไม่มีชั้นมัธยมปลาย ทั้งคู่จึงต้องไปเรียนในอำเภอ และบังเอิญอยู่ห้องเดียวกันอีก เนี่ยเฟยสมัยเรียนเป็นเด็กเกเร ชอบมั่วสุมกับนักเรียนชายที่ไม่รักเรียนอยู่เสมอ

มีครั้งหนึ่ง พวกนักเรียนชายเล่นดื่มเหล้าทายมือกัน ใครแพ้ต้องไปแอบดูที่ห้องน้ำหญิง ปรากฏว่าเนี่ยเฟยโชคร้าย และที่ซ้ำร้ายยิ่งกว่าก็คือ เขาต้องไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่ช่องระบายลมของห้องน้ำหญิง

ผลปรากฏว่าพอปีนขึ้นไปก็ป๊ะเข้ากับเจียงกั่วซึ่งกำลังดึงเปิดเสื้อขึ้น เพื่อเตรียมจะถอดกางเกงลงไป

เนี่ยเฟยแอบดูจนตาค้าง รอจนเจียงกั่วลุกขึ้นใส่กางเกงเรียบร้อย เงยหน้าขึ้นมา ก็สบสายตาเข้ากับคนที่แอบมองทางช่องระบายลมอย่างจัง!

“ไอ้คนหน้าด้านเนี่ยเฟย!” นี่คือคำพูดของเจียงกั่วขณะออกจากห้องน้ำในตอนนั้น เสียงดังจนทำให้เนี่ยเฟยตกใจจนเกือบพลัดตกไปในบ่อเขรอะที่อยู่ด้างข้าง สุดท้ายก็ล้มลุกคลุกคลานปีนกำแพงหนีออกจากโรงเรียนไป แถมยังโดดเรียนช่วงบ่ายอีก

และตั้งแต่นั้นมา เนี่ยเฟยจึงกลายเป็นคู่ปรับของเจียงกั่วไปโดยปริยาย เพราะไม่มีหลักฐาน เจียงกั่วจะไปฟ้องอาจารย์ก็ไม่ได้ แต่เธอเป็นหัวหน้าชั้นอีกทั้งยังเป็นตัวแทนอาจารย์ในบางชั่วโมง เรื่องที่เนี่ยเฟยแอบลอกการบ้านคนอื่น อีกทั้งหนีเรียนชั่วโมงไหนจึงถูกนำไปฟ้องอาจารย์และเนี่ยฉางเกินจนกลายเป็นปกติวิสัย

ที่สำคัญเธอเป็นเด็กเรียนเก่ง บางครั้งแม้จะกุเรื่องไร้สาระไปร้องเรียนเขา ทั้งอาจารย์และเนี่ยฉางเกินก็พากันเชื่อเป็นตุเป็นตะ ด้วยเหตุนี้ เนี่ยเฟยจึงถูกเรียกให้ผู้ปกครองมาพบบ่อยอีกทั้งถูกพ่อตำหนินับครั้งไม่ถ้วน

“ผู้หญิงกับคนถ่อยช่างเลี้ยงลำบากนัก!” นี่คือสัจธรรมที่เนี่ยเฟยเรียนรู้จากเจียงกั่ว บาดแผลที่เธอกระทำต่อเนี่ยเฟยจนวันนี้ยังประทับอยู่ในใจของเขา

หลังจบชั้นมัธยมปลาย เจียงกั่วสอบเข้าคณะสื่อสารมวลชน เนี่ยเฟยเป็นเด็กเรียนไม่เก่งอยู่แล้ว สุดท้ายได้แค่เรียนต่อสายวิชาชีพในวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอำเภอ พอให้ได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษากะเค้าบ้าง

“เมื่อวานเห็นลุงฉางเฉินบอกว่าเธอไปทำงานอยู่ในเทศบาลเหรอ?” เจียงกั่วเบิกตาโตมองดูเนี่ยเฟย “งั้นก็ทำให้ดีล่ะ! เผื่ออีกหน่อยอาฉางเกินกับน้าหลิวฮุ่ยจะได้พึ่งพาอาศัยบ้าง”

“เชอะ! ตัวเองได้ดีก็นึกว่าวิเศษนักเหรอ ยังกล้ามาสอนฉันอีก” เนี่ยเฟยแบะปากเถียง “ข้อนี้แน่นอนอยู่แล้ว! อีกหน่อยฉันจะซื้อบ้านใหญ่ให้พ่อแม่ไปอยู่ในเมือง จะได้เลิกทำงานสักที! แล้วแต่งงานกับเธอให้มีลูกซักโหลหนึ่ง พ่อแม่ฉันจะได้เลี้ยงหลานให้มีความสุขไง!”

“ไอ้คนปากไม่มีหูรูด!” เจียงกั่วได้ยินคำพูดของเนี่ยเฟย สีหน้าเปลี่ยนจนบูดบึ้งทันควัน

“เจ้าลูกคนนี้!” เนี่ยฉางเกินถลึงตาใส่เนี่ยเฟยพร้อมพูดยิ้มๆ “ที่ถูกไล่ออกก็เพราะปากที่พูดพล่อย ๆ นี่แหละ! หนูกั่ว หมอนี่มันชอบกวนประสาท หนูอย่าถือสาเลยนะ”

พูดจบ เนี่ยฉางเกินก็หัวเราะแล้วเดินหน้าไป เนี่ยเฟยทำตาประหลับประเหลือกใส่เจียงกั๋ว คิดอยากจะเถียงต่อ แต่มาคิดอีกที ตนก็เพิ่งถูกไล่ออกมาเพราะไปเถียงซูจิ่งหัวเข้าไม่ใช่เหรอ? จึงได้แต่เดินตามเนี่ยฉางเกินไป

“เดี๋ยว!” เจียงกั่วกลอกตาเล็กน้อย พร้อมกับเรียกเขา “พรุ่งนี้บ้านฉันมีงานเลี้ยง นายก็มาด้วยนะ มีเพื่อนเก่าที่โรงเรียนมาตั้งหลายคน!”

“ถึงเวลาค่อยดูว่าว่างหรือเปล่า!” เนี่ยเฟยตอบอย่างหงุดหงิด พรุ่งนี้มางานเลี้ยง มิเท่ากับให้มารับกรรมหรอกเหรอ!

“อย่าลืมแต่งตัวดี ๆ ด้วยล่ะ!” เจียงกั่วสั่งเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะแล้วเดินเข้าบ้านไปพลางกัดแอ๊ปเปิ้ลไปด้วย

“สันดาน!” เนี่ยเฟยพูดสบถ จากนั้นหันหลังเดินตามเนี่ยฉางเกินไป

“แกอย่าไปอิจฉาความได้ดีของคนอื่นเลย!” เนี่ยฉางเกินรู้ดีว่าลูกชายคิดยังไง เป็นผู้ชายซะเปล่ากลับถูกผู้หญิงรังแก ที่อื่นเป็นยังไงเขาไม่รู้ อย่างน้อยอยู่ตำบลก่างเฉียวนี่คือความอัปยศอดสู “แน่จริงแกก็เอาดีหน่อย ตั้งใจทำมาหากิน แล้วแต่งงานกับนังหนูนี่ซะ ทีนี้ก็จะได้กู้หน้ากลับคืน”

“ได้ พ่อ อีกหน่อยผมจะให้เจียงกั่วมาเป็นสะใภ้ของพ่อให้ได้!” เนี่ยเฟยเอาจอบที่พาดไหล่ปักลงพื้น พูดด้วยความเจ็บใจ แต่พอเอ่ยถึงคำว่าสะใภ้ ในความคิดเนี่ยเฟยก็ปรากฏเงาของอีกคนหนึ่งออกมา

คนที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวพร้อมกับผมยาวปลิวไสวนั่น ก็คือซูหลีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานแค่ช่วงสั้น ๆ ตอนบ่ายตนเพิ่งจะบอกเธอว่าอนาคตถ้าได้ดีจะกลับไปสู่ขอ แล้วทีนี้จะแต่งกับใครดีล่ะ?

“ฝันไปเถอะ!” เนี่ยฉางเกินบ่นออกมาหนึ่งคำ “กว่าแกจะได้ดี ฉันคงลงหลุมไปแล้วมั้ง ไป ป่านนี้แม่แกคงทำอาหารเสร็จแล้ว”

“พ่ออย่าดูถูกสิ!” เนี่ยเฟยรีบตอบ “ไม่แน่อีกหน่อยกั่วจื่ออาจเป็นฝ่ายขอให้ผมแต่งงานด้วยก็ได้!”

“ลองคิดดูว่าเมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้บ้าง!” แววตาเนี่ยฉางเกินเต็มไปด้วยความเจ็บใจที่ลูกชายไม่เอาไหน “ถ้าแกไม่ได้กลับไปทำงานเทศบาลอีก ดูซิว่าจะกล้าเรียกฟ่านชุนฮวาว่าย่าต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านหรือเปล่า และฉันก็จะกลายเป็นลูกเขาไปด้วย!”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status