Share

บทที่ 0005

“จริงสิ แล้วของล่ะ?” หม่าเสี่ยนเยี่ยนหอบหนัก ขณะเริ่มจะเคลิบเคลิ้มกลับรู้สึกถึงความผิดปกติ คล้ายกับขาดอะไรไปซักอย่าง

“ของเหรอ? ของอะไรกัน?” เนี่ยเฟยพูดยิ้ม ๆ สีหน้าชะงัก วันนี้เขาแทบไม่ได้คิดอะไรเลย นอกจากรูปร่างของหม่าเสี่ยวเยี่ยนเท่านั้น

“ไม่มีของแล้วยังจะมาทำบ้าอะไร?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนเห็นเนี่ยเฟยไม่มีกระทั่งสิ่งของพื้นฐานในการทำกิจกรรมบนเตียง ทำเอาอารมณ์ที่กำลังจะเคลิ้มจู่ ๆ ก็หงุดหงิดทันควัน “ถ้าฉันท้องแล้วเธอจะรับผิดชอบไหม?”

“แล้วคุณไม่มีเหรอ?” เนี่ยเฟยก็เริ่มเซ็งเหมือนกัน ตอนนี้ทุกอย่างพร้อม ขาดก็แต่ของสำคัญอย่างเดียว มันน่าเขกกระบาลตัวเองนักเชียว

“ถ้าฉันมีแล้วจะถามเธอทำไม?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนถลึงตาใส่เนี่ยเฟย “นึกว่าฉันเอามาเป่าลูกโป่งเล่นหรือไง? ถึงได้พกติดตัวไว้น่ะ”

“ถ้าอย่างงั้น วันหลังเราค่อยนัดเวลาใหม่แล้วกัน” เนี่ยเฟยถูกหม่าเสี่ยวเยี่ยนตะคอกจนรู้สึกเกรงใจ คิด ๆ ดูก็ถูก เรื่องนี้ตนน่าจะคิดให้รอบคอบก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าคราวหน้าหม่าเสี่ยวเยี่ยนจะยอมออกมาอีกหรือเปล่า

“คราวหน้าอย่าลืมพกล่ะ!” หม่าเสี่ยวเยี่ยนมองดูส่วนล่างของเนี่ยเฟย พูดจากใจจริง เธอก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน เจ้าของสิ่งนี้ดูจะแข็งแรงบึกบึนอยู่มาก เทียบกับเผิงเจิ้งเซิ่งซึ่งต้องใช้ยาช่วยคงจะเหนือกว่าเยอะ ยังไงก็ต้องหาโอกาสมาลองอีกสักครั้ง

ทั้งคู่ต่างใส่เสื้อผ้า จัดวางข้าวของให้กลับคืนสภาพเดิม เนี่ยเฟยได้แต่มองดูหม่าเสี่ยวเยี่ยนขับรถออกไปอย่างผิดหวัง

รุ่งขึ้นไปทำงาน หม่าเสี่ยวเยี่ยนแอบมองเนี่ยเฟยอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะร่างกายส่วนล่าง แต่จ้องมองไม่ทันไรก็ถูกเรียกให้ไปประชุมอีก ที่ ๆ แร้นแค้นอย่างก่างเฉียว ทำเอาแต่ละหน่วยงานในท้องที่ได้แต่ใช้การประชุมเพื่อแสดงว่าพวกตนยังทำงานอยู่บ้าง

ฉะนั้นต่อให้เป็นงานทำความสะอาด ก็ต้องเรียกประชุมจัดแจงโน่นนี่ แต่หลังจากประชุมเสร็จแล้ว หม่าเสี่ยวเยี่ยนก็เดินเข้าห้องทำงานด้วยสีหน้าข้องใจ และเรียกให้เนี่ยเฟยเข้าไปพบด้วย

“เธอไปมีเรื่องกับซูจิ่งหัวเข้เหรอ?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนเรียกให้เนี่ยเฟยไปคุยในห้องประชุมด้านข้างอีกห้องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ในห้องก็ว่างเปล่าอยู่ “จริง ๆ การประชุมวันนี้ฝ่ายอำนวยการเป็นคนจัดขึ้น บอกว่าเพื่อสนอนโยบายกระชับโปร่งใสในการบริหารงาน ซูจิ่งหัวเลยเสนอให้เลิกจ้างลูกจ้างชั่วคราวทั้งหมดในทุกหน่วยงานของเทศบาล”

“แมร่งเอ๊ย มันจงใจตัดหนทางชัด ๆ!” เนี่ยเฟยได้ยินเข้าก็รีบสบถออกมา “เมื่อวานผมทะเลาะกับเขานิดหน่อย เขาประกาศว่าวันนี้จะเอาผมออกให้ได้ ทำไม? คุณเลยปล่อยให้เขาแกล้งผม โดยไม่พูดอะไรสักคำงั้นเหรอ” เนี่ยเฟยใช้สายตากรุ้มกริ่มมองดูหม่าเสี่ยวเยี่ยน พูดก็พูด ผู้หญิงคนนี้คงไม่อยากให้เราลาออกหรอกมั้ง?

“ใครบอกว่าฉันไม่ได้พูด?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนหน้าตึงขึ้น เธอก็กลัวว่าเกิดหมอนี่บ้าขึ้นมา อาจเปิดโปงเรื่องงามหน้าระหว่างเธอกับเผิงเจิ้งเซิ่ง จนทำให้เสียหายไปใหญ่โต

“เธอก็รู้ คุณเผิงไม่ค่อยกินเส้นกับกำนันกัวสักเท่าไหร่ แม้แต่เขาก็คัดค้าน แต่จะทำไงได้? นโยบายกระชับโปร่งใสมาจากทางอำเภอ อีกอย่าง กำนันกัวก็อาศัยบารมีซูจิ่งหัวที่อยู่ในตัวเมือง คอยกดหัวเลขาเผิงเอาไว้ ทางเราคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์” หม่าเสี่ยวเยี่ยนพยายามจะอธิบาย

“เอาเถอะ ผมเชื่อคุณ!” เนี่ยเฟยเห็นเธอพูดเป็นงานเป็นการ ท่าทางไม่เหมือนคนโกหก

“เอาเถอะ ๆ!” หม่าเสี่ยวเยี่ยนปรายตามองดูเนี่ยเฟยด้วยความหงุดหงิด เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร “แค่อยากได้ตัวฉันใช่ไหมล่ะ? ผู้ชายหาดีไม่ได้สักคน แก่ก็เจ้าเล่ห์ หนุ่มก็กระล่อน! ไว้เสร็จงานช่วงนี้ก่อนเดี๋ยวจะให้กินหนำใจ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เสร็จแล้วเธอต้องลบคลิปทั้งหมดทิ้งไป!”

“แหะ ๆ!” เนี่ยเฟยพอใจคำพูดของหม่าเสี่ยวเยี่ยน ที่บอกว่าแก่ก็เจ้าเล่ห์ หนุ่มก็กระล่อน คนแก่นั่นคงหมายถึงเผิงเจิ้งเซิ่งละมั้ง

“แล้วหมู่นี้คุณยุ่งเรื่องอะไรบ้างล่ะ?”

“ก็เรื่องที่ประชุมในวันนี้น่ะสิ!” หม่าเสี่ยวเยี่ยนเห็นเนี่ยเฟยถามมา เลยตอบให้รู้แล้วรู้รอด ไม่อยากให้เขาสงสัยอีก

“ตำบลอื่นที่ขึ้นกับอำเภอนี้ก็กำลังจะใช้นโยบายกระชับและโปร่งใส จะรวมงานของเทศบาลไปเข้ากับฝ่ายบริหารของหน่วยปกครองท้องถิ่น เมื่อก่อนอาจมีหัวหน้าฝ่ายสองคน แต่เดี๋ยวนี้จะลดเหลือหนึ่ง คุณเผิงจะยอมยกตำแหน่งสำคัญของตัวเองไปให้คนอื่นเชียวได้ยังไงล่ะ?”

“จะหาจุดอ่อนเพื่อเล่นงานซูจิ่งหัวใช่ไหม?” เนี่ยเฟยฟังปุ๊บก็รู้ว่าหม่าเสี่ยวเยี่ยนต้องการอะไร สายตากลอกกลิ้งเล็กน้อย เกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นในสมอง

ตอนนี้ทุกท้องที่ต่างกำลังดำเนินนโยบายรวมสองเป็นหนึ่ง เพราะหน่วยงานหลายแห่งมีการทำงานที่ซ้ำซ้อน การเบิกจ่ายก็ต้องไปสองทาง เมื่อควบรวมกันแล้ว หน่วยงานที่ซ้ำก็ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว การเบิกจ่ายก็ไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยให้ประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น

“ผมจะวางแผนให้คุณเอง!” เนี่ยเฟยกลอกตา มีแผนอย่างหนึ่งขึ้นในใจ

“เธอจะมีแผนอะไรได้?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนพิจารณาเนี่ยเฟยเหมือนไม่เชื่อ ในใจคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว จะไปล้วงความลับอะไรของซูจิ่งหัวได้

“เบี้ยขั้นต่ำและเงินประกันของหมู่บ้านเค่าซานถูกคนแอบกั๊กไว้เดือนครึ่งแล้ว แถมมีคนไปที่นั่นกินหมูเห็ดเป็ดไก่ของชาวบ้าน ถึงขนาดเอากลับบ้านก็ยังใส่ในรถไม่พอ!” เนี่ยเฟยพูดง่าย ๆ แค่นี้ พร้อมมองหน้าหม่าเสี่ยวเยี่ยน

“เธอพูดจริงเหรอ?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนได้ยินเข้า หน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างปิดไม่มิด รีบถามเสียงต่ำ จริง ๆ นังคนนี้ก็ฉลาดอยู่ไม่น้อย ข่าวนี้สำหรับเธอ ถือเป็นอาวุธที่จะเล่นงานซูจิ่งหัวได้อย่างชะงัดนัก!

“อยากรู้ก็ไปถามชาวบ้านที่หมู่บ้านเค่าซานเองสิ?” เนี่ยเฟยยิ้มเล็กน้อย เรื่องนี้รับประกันว่าเป็นฝีมือซูจิ่งหัวแน่นอน ด้วยคำพูดของชาวบ้านที่ว่าแม้แต่รถยังไม่พอขน

ทั่วทั้งเทศบาลนอกจากเผิงเจิ้งเซิ่งและกำนันกัวผิงอันซึ่งต่างมีรถประจำตำแหน่งคือโฟล์คสวาเกน ซานตาน่าคนละคันแล้ว มีเพียงซูจิ่งหัวเท่านั้นที่มีรถยนต์ยี่ห้อนี้ และปกติก็จะหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน นอกจากกัวผิงอันแล้วคนอื่นจะไม่ให้ยืมเด็ดขาด ไปทำงานที่ชนบทก็จะขับรถไปด้วยตัวเอง

และซูจิ่นหัวก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎร บวกกับเมื่อคืนจางเป่าหลินยังด่าเละอยู่ว่ฝ่ายทะเบียนราษฎรเพิ่งเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ยกชุดแถมเฟอร์นิเจอร์ใหม่ในห้องทำงานอีก แสดงว่าซูจิ่งหัวไม่เพียงยักยอกเงินไปซื้อของใช้ในสำนักงาน ยังไปหลอกกินของฟรีจากชาวบ้านด้วย

“ดีมาก! เนี่ยเฟย ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง รอให้เรื่องนี้เคลียร์เสร็จเรียบร้อย ฉันจะรายงานให้คุณเผิงได้รู้ แล้วเธอก็จะได้ทำงานที่เทศบาลเหมือนเดิม!” สีหน้าหม่าเสี่ยวเยี่ยนกลายเป็นดีใจมาก เพราะเรื่องกั๊กเงินชาวบ้านไว้จะให้เป็นเรื่องใหญ่หรือเล็กก็ได้

ถ้าตนวางแผนดี ๆ แล้วไปบอกให้กัวผิงอันได้รู้ ว่าซูจิ่งหัวก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เข้า ดูซิยังมีหน้ามาแย่งตำแหน่งหัวหน้างานกับตนอีกหรือเปล่า? คิดพลาง หม่าเสี่ยวเยี่ยนก็รีบวิ่งแจ้นออกจากห้อง ตรงไปห้องทำงานของเผิงเจิ้งเซิ่งทันที

“ไอ้เฮงซวย ถึงฉันโดนเด้งก็ต้องวางยาแกให้หนำใจก่อน” เนี่ยเฟยแอบคิดในใจ จนกระทั่งช่วงบ่ายก่อนเลิกงานหนึ่งชั่วโมง จึงมีประกาศยกเลิกการจ้างงานลูกจ้างชั่วคราวของเนี่ยเฟยออกมา เจ้าตัวจึงรีบไปห้องบัญชีสะสางเรื่องค่าจ้าง

เลิกงานแล้วกลับมาเก็บของเดินออกไป อยู่กับทุกคนในสำนักงานมานาน นอกจากซูหลีคนเดียวที่ไปส่งเนี่ยเฟยถึงหน้าประตูใหญ่แล้ว คนอื่นแทบไม่อยากพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ

“คุณมีเบอร์โทรของฉันอยู่ ว่าง ๆ โทรมาคุยได้นะ!” ซูหลีรู้สึกใจหายเล็ก ๆ พร้อมพูดกับเนี่ยเฟย “ที่จริงคุณไปทำงานข้างนอกอาจจะดีกว่าอยู่นี่ก็ได้ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาดมาก”

“ก็อาจจะใช่นะ!” เนี่ยเฟยยิ้มอย่างไม่แคร์ใคร “ขอให้สมพรปากเถอะ ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ผมจะกลับมาแต่งงานกับคุณดีไหม?” เมื่อถูกไล่ออกแล้ว เนี่ยเฟยกลับรู้สึกว่าตนใจกล้ามากขึ้น กล้าที่จะพูดเล่นกับซูหลี ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะพูดไม่ออกแน่นอน

“รอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยว่าเถอะ!” ซูหลีเอามือไพล่หลังพร้อมส่ายเอวและพูดยิ้ม ๆ ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ตอบรับ “แล้วค่อยโทรคุย ฉันเข้าไปก่อนนะ!”

เนี่ยเฟยมองตามหลังซูหลีไปยิ้ม ๆ แต่แล้วสีหน้าก็ค่อย ๆ ขรึมลง ซูจิ่งหัวขับรถโฟล์คมาจอดที่หน้าเนี่ยเฟย

“ไอ้ควายบ้านนอก กลับไปอยู่บ้านของแกเถอะ!” ซูจิ่งหัวมองด้วยสีหน้าเหยียดหยามอยู่ในรถ “ริอ่านมาเล่นกับฉัน ไม่รู้จักส่องกระจกดูเงาตัวเองซะบ้าง! ถุย!” พูดจบ ซูจิ่งหัวก็ถ่มน้ำลายใส่ข้างนอกแล้วเหยียบคันเร่งออกรถไปทันที

“ไอ้เวรเอ๊ย! ทำให้ฉันตกงานภายในวันเดียว!” เนี่ยเฟยลากกระเป๋าเดินทางอยู่ตามทางเดิน “สักวันหนึ่ง ฉันจะกลับมาอีก คอยดูเอาไว้ ฉันสาบาน!”

“ต๊าย นั่นมันเนี่ยเฟยไม่ใช่เหรอ?” เพิ่งเดินเข้าหมู่บ้าน แม่บ้านหลายคนถือชามข้าวกำลังกินบ้างคุยบ้างอยู่ใต้ต้นหวายซู่ ฟ่านชุนฮวาเมียเลขาหมู่บ้านรีบพูดเสียงเล็กเสียงน้อย “ลากกระเป๋ากลับมา อะไรกันนี่? ถูกเทศบาลไล่ออกหรือไงจ๊ะ?”

“น้าฟ่าน?” เนี่ยเฟยเหลือบตามองดูฟ่านชุนฮวา พร้อมทักทายเหมือนไม่สู้เต็มใจเท่าไหร่ แอบคิดในใจว่ายายปากมากพวกนี้จ้องจะหาเรื่องนินทาอีกแล้ว สามีหล่อนเป็นเลขาประจำหมู่บ้าน ถือว่าเป็นใหญ่เป็นโตไม่น้อย เจ้าหล่อนเลยอาศัยบารมีผัว คอยวางก้ามกับคนอื่นไปด้วย

ที่ผ่านมาเพราะเนี่ยเฟยได้งานในเทศบาล ฟ่านชุนฮวาจึงเห็นพ่อของเนี่ยเฟยคือเนี่ยฉางเกินวัน ๆ เชิดหน้าชูคอ คอยฟังคนอื่นพูดยกยอลูกชายของตน ฟ่านชุนฮวาจึงให้อิจฉานัก ตอนนี้เมื่อเห็นเนี่ยเฟยลากกระเป๋ากลับมาบ้าน ทั้งที่ไม่ใช่เทศกาลวันหยุดหรือตรุษจีน นั่นแสดงว่าโดนเฉดหัวมาจากที่ทำงานเป็นแน่!

“ตาเนี่ย รีบมาเร็วเข้า” ฟ่านชุนฮวาเหลือบสายตา ก็เห็นเนี่ยฉางเกินแบกจอบกลับมาจากในนา จึงรีบไปทักทาย “ ลูกชายเอ็งถูกเค้าไล่กลับมาแล้ว! รีบมาปลอบใจเร็ว จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่กลับมาอยู่บ้านทำไร่ไถนาไปตามประสา ดีกว่าไปทำงานที่อื่น เป็นทาสให้คนอื่นจิกหัวใช้!”

“เนี่ยเฟยแกถูกไล่ออกเหรอ?” เนี่ยฉางเกินมองหน้าลูกชายด้วยความตกใจ ทำไมถูกไล่ออกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้?

“ไม่เห็นหรือว่าหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ใบเล็กกลับมาด้วยน่ะไม่ใช่โดนไล่ออกจะเป็นไรไปได้?” ไม่รอให้เนี่ยเฟยเอ่ยปาก ฟ่านชุนฮวารีบสรุปตัดหน้าให้ก่อน

“ตาเนี่ย ตอนเนี่ยเฟยไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่เทศบาลน่ะ เอ็งอยู่ในหมู่บ้านเชิดหน้าไปถึงไหน ๆ เกือบจะไม่เห็นหัวใครด้วยซ้ำ ฉันก็เคยบอกแล้ว เป็นแค่ลูกจ้างจะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ เอ็งก็บอกว่าลูกชายจะได้ปรับตำแหน่งเลื่อนเป็นพนักงานประจำ! ทีนี้รู้หรือยังว่าฉันพูดไม่ผิด? ผัวฉันชั่วดียังไงก็พอมีตำแหน่งในหมู่บ้านบ้าง เรื่องในวงราชการน่ะ ฉันรู้ดีกว่าเยอะเลย!”

คำพูดของฟ่านชุนฮวาทำเอาเนี่ยเฟยหน้าแดง ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีไว้หน้ากันบ้างเลย

“น้าฟ่าน ก็แค่ถูกไล่ออก? ทำไมต้องพูดไม่น่าฟังแบบนี้ด้วย?” เนี่ยเฟยเห็นสีหน้าพ่ออึดอัด จึงได้พูดต่อ “คอยดูนะ อีกสักพักผมจะได้กลับไปอีก!”

“แกนึกว่าเทศบาลเป็นธุรกิจในครอบครัวหรือไงยะ? ถึงคิดจะไปก็ไป จะมาก็มาได้น่ะ!” ฟ่านชุนฮวาส่ายหน้าพร้อมทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ

“ถ้าไม่ได้กลับไปอีก ผมจะยอมเป็นหลานน้า เรียกน้าว่าย่าเลย!” เนี่ยเฟยถูกฟ่านชุนฮวายั่วยุจนถึงขั้นหลุดปากออกมา

“ก็เอาสิ เรามาพนันกัน ถ้าเธอได้กลับไปเทศบาลอีก ฉันจะเรียกเธอว่าพ่อ แต่ถ้ากลับไม่ได้ เธอต้องเรียกฉันว่าย่า! เราจะมาเรียกต่อหน้าชาวบ้านทุกคนนี่แหละ!” ฟ่านชุนฮวาพูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status