Share

บทที่ 0004

“ไอ้คนแซ่ซู ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!” แม้ว่าเนี่ยเฟยจะพยายามอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่อมาอยู่ในสำนักงานนี้ แต่ซูจิ่งหัวมาทำกับเขาขนาดนี้ เป็นพระยังมีตบะแตกบ้าง ประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเขา?

เขาออกแรงบิดเล็กน้อย และผลักมือของซูจิ่งหัวออกไป “ทำไม? จีบผู้หญิงไม่ได้ก็มาพาลคนอื่นงั้นเหรอ? เป็นลูกผู้ชายประสาอะไรวะ?”

“เชี่ยเอ๊ย! ยังกล้ามาเถียงอีกเหรอ?” ซูจิ่งหัวแทบตาขวาง

“แกแน่มาก! พรุ่งนี้! คอยดูพรุ่งนี้เถอะ! ฉันจะคอยดูสิว่ายังกล้ามาปากดีอีกไหม! คอยดูนะไอ้บ้านนอก ฉันจะให้แกระเห็จออกจากที่นี่ภายในวันพรุ่งนี้! กะอีแค่คนบ้านนอกที่มาเป็นลูกจ้างชั่วคราว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะแน่สักแค่ไหน”

ซูจิ่งหัวฝากคำพูดรุนแรงไว้ พร้อมจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินจากไป เหลือไว้เพียงเนี่ยเฟยซึ่งหน้าตาบูดบึ้งอยู่

แม้ว่าเมื่อกี้เขาจะดูเสียงแข็ง แต่ตอนนี้ในใจก็อดนึกเสียวไม่ได้ ไอ้หอกเอ๊ย ซูจิ่งหัวเป็นคนใจแคบแบบนี้ คงไม่คิดไล่เราออกจริง ๆ หรอกนะ?

ความกังวลของเนี่ยเฟยใช่ว่าไม่มีเหตุผล เพราะซูจิ่งหัวถือเป็นคนสนิทของกำนันกัวผิงอัน แถมยังใกล้ชิดกับผู้ใหญ่หลายคน ไม่งั้นอายุยังน้อยจะมีตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตั้งสองหน่วยงานได้ยังไง

แต่ตอนนี้เนี่ยเฟยได้หม่าเสี่ยวเยี่ยนมาเป็นกองหนุนอีกคน คิดว่าซูจิ่งหัวคงไม่มีปัญญาจะทำอะไรตนได้ละมั้ง? เมื่อนึกถึงตรงนี้ เนี่ยเฟยก็ค่อยเบาใจขึ้น หันมาก็เห็นคน ๆ หนึ่งวิ่งมาทางตน แถมยังโบกไม้โบกมืออีก

“พี่เฟย” คน ๆ นี้คิ้วหนาตาโต ดูแล้วไม่ค่อยเหมือนคนซื่อเท่าไหร่ เครื่องหน้าแทบจะกระจุกอยู่รวมกัน เห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก

เขาก็คือจางเป่าหลินแห่งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากไร้ อายุไล่เลี่ยกับเนี่ยเฟย เพิ่งถูกย้ายมาตำบลก่างเฉียวในปีนี้เหมือนกัน นิสัยไม่เป็นที่ยอมรับของใคร เพราะเป็นคนปากสว่าง “เมื่อกี้มีอะไรกับซูจิ่งหัวเหรอ? เหมือนจะใช้กำลังด้วย?”

“เปล่าหรอก ทะเลาะกันนิดหน่อยเพราะเรื่องเล็กน้อยน่ะ” เนี่ยเฟยไม่อยากให้เขารู้ว่าสาเหตุเกิดจากซูหลี ไม่งั้นด้วยความปากมากของเขาไม่นานก็จะรู้ไปทั่วสำนักงาน

เนี่ยเฟยมองหน้าจางเป่าหลิน รู้ดีว่าหมอนี่หากไม่มีธุระก็จะไม่มาถึงที่แน่นอน โดยเฉพาะมาถึงหอพักนี่ด้วยแล้ว “มาหาฉันทำไม?”

“บ่ายนี้ถ้าพี่ว่างไปหมู่บ้านเค่าซานกับฉันหน่อยสิ!” จางเป่าหลินนึกถึงเรื่องงานขึ้นมาได้ “หัวหน้าให้ฉันไปดูว่าเมล็ดพันธุ์ที่แจกจ่ายไปปลูกกันถึงไหนแล้ว เดี๋ยวตกเย็นเราไปร้านหยางชุนดื่มกันสักตั้ง ฉันเลี้ยงเอง!”

งานของศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากไร้ก็คือช่วยเหลือคนยากคนจน ทุกปีจะสนับสนุนให้ชนชั้นรากหญ้าปลูกผักผลไม้ ขยายไร่นาและแปลงผักต่างๆ แต่ถึงช่วยมาจนวันนี้ ตำบลก่างเฉียวก็ยังเป็นตำบลก่างเฉียว คนจนก็ยังจนเหมือนเดิม แทบไม่มีอะไรดีขึ้น จนเนี่ยเฟยคิดว่าถ้าตนได้ทำอะไรบ้าง ทุกอย่างจะไม่เป็นเหมือมเดิมอีก

“นายมีเงินเหรอ?” เนี่ยเฟยทำมือเหมือนนับเงิน หมอนี่เป็นคนกระเป๋าแฟ่บมาแต่ไหนแต่ไร เนี่ยเฟยได้เงินเดือนไม่มาก จึงไม่อยากไปกินล้างกินผลาญตามภัตตาคาร

“อย่าห่วงเลยพี่” พูดถึงเรื่องเงิน จางเป่าหลินก็หน้าบานตบกระเป๋ากางเกง “เมื่อวานฉันไม่ได้พัก โดนใช้ให้ไปดูหมู่บ้านอื่นมา บังเอิญเล่นไพ่แล้วโชคดี ได้มาตั้งสามร้อยแน่ะ!”

“งั้นก็เอาตามนี้” อ้อยเข้าปากช้างไม่กินก็โง่แล้ว นี่คือหลักการของเนี่ยเฟย ไหน ๆ เขาก็นัดกับหม่าเสี่ยวเยี่ยนไว้ตอนสองทุ่ม ตามหมอนี่ไปดื่มกินถึงทุ่มครึ่ง ค่อยบ๊ายบายก็ยังไม่สาย

เนี่ยเฟยหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา จากนั้นก็กลับไปออฟฟิศ ในเมื่อเคลียร์กับหม่าเสี่ยวเยี่ยนแล้ว ถึงตนไม่ไปศูนย์ทิ้งขยะ เธอก็ไม่กล้าว่าอะไรอยู่ดี

ถึงหกโมงเย็นเป็นเวลาเลิกงาน เนี่ยเฟยแกล้งพูดเปรย ๆ ในสำนักงานว่าจะตามจางเป่าหลินไปหมู่บ้านอื่น กว่าจะกลับมาก็หนึ่งทุ่มครึ่ง แต่จริง ๆ คือพูดให้หม่าเสี่ยวเยี่ยนฟัง เพราะกลัวเธอเห็นเขาไม่อยู่ ก็จะหายหน้าไปเช่นกัน

“สงเคราะห์ผู้ยากไร้ ยิ่งสงเคราะห์ยิ่งยากไร้!” ระหว่างทางไปหมู่บ้านเค่าซาน จางเป่าหลินเดินนำหน้าพร้อมพูดส่ายหัว

“ฉันว่านะ ใครมีใครจนก็ไม่ต้องไปช่วยหรอก! พี่ดูต้นไม้ที่ขึ้นจนรกพวกนี้สิ เทศบาลก็ทำทีแจกจ่ายต้นกล้า ชาวบ้านก็ทำทีปลูกไปตามเรื่อง แต่ไม่มีลู่ทางในการระบายผลผลิต แล้วปลูกเองกินเองหรือไง?” พูดจบ จางเป่าหลินก็มองไปยังต้นผลไม้เต็มป่าข้างหน้า

เนี่ยเฟยมองตามไป ก็เห็นตามเชิงเขาของหมู่บ้านเค่าซานมีต้นผลไม้ขึ้นเต็มไปหมด ทั้งต้นส้มเอย ต้นท้อเอย ต้นแอ๊ปเปิ้ลเอย หรือแม้แต่ลูกพลัมซึ่งกำลังออกผลในฤดูกาลนี้ ยังมีลูกโลควอทซึ่งเริ่มจะเน่าคาต้นอยู่รอมร่อ

“ผลไม้ตั้งเยอะขนาดนี้ ทำไมขายไม่ออกล่ะ?” เมื่อก่อนเนี่ยเฟยไม่เคยสังเกตของพวกนี้ เพราะบ้านเกิดเขา ถ้าทางราชการมาช่วยเหลือเป็นการแจกจ่ายพันธุ์ปลาให้ แต่ละหมู่บ้านนั้นได้รับความช่วยเหลือที่แตกต่างกันไป

“ขายเหรอ?” จางเป่าหลินหัวเราะ “ไปขายที่ไหนล่ะ เทศบาลร่วมมือกับศูนย์สงเคราะห์ฯ จัดงานแนะนำผลิตผลทางการเกษตรตั้งหลายรอบ เหอะ! แล้วเป็นไงพี่รู้ไหม แทบกลายเป็นตลาดค้าปลีกมากกว่า ผลไม้ส่งมาเป็นลัง ๆ แต่พวกลุง ๆ ป้า ๆ ในเมืองซื้อแค่ไม่กี่ชั่งแถมยังต่อราคาอีก จะขายได้เยอะสักแค่ไหนเชียว?”

“ทั่วทั้งตำบลก่างเฉียวรวมถึงอำเภอเมืองหงหยาเลยเข้าข่ายยากจนทั้งปีทั้งชาติ” จางเป่าหลินเอื้อมมือไปเด็ดลูกพลัมมาลูกหนึ่ง ทุกวันนี้การปลูกต้นพลัมคือปล่อยให้ขึ้นสะเปะสะปะไปทั่ว

เพราะไหนๆ ก็ขายไม่ออกอยู่แล้ว จางเป่าหลินเลยเด็ดมาลูกหนึ่ง เช็ดกับเสื้อผ้าแล้วใส่เข้าปาก พร้อมพูดงึมงำ “แต่งานสงเคราะห์จะหยุดก็ไม่ได้ กลายเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้”

“น่าเสียดายจริง ๆ” เนี่ยเฟยมองดูต้นพลัมที่เรียงรายไปทั้งป่า ผลที่ได้ก็ลูกใหญ่ ตนได้ลองชิมไปหลายลูก น้ำเยอะเนื้อก็หวาน ถือเป็นสายพันธุ์ที่ดีมาก

เนี่ยเฟยถึงขั้นคำนวณว่าถ้าสามารถขายผลไม้เหล่านี้ได้หมด จะได้เงินมาเท่าไหร่ เห็นทีว่าถ้ามีเวลาคงต้องทบทวนปัญหานี้หน่อยแล้ว ไม่แน่อีกหน่อยอาจเป็นลู่ทางทำเงินก็เป็นได้!

“แต่ที่ฉันมาวันนี้ ไม่ใช่เพื่อดูต้นไม้หรอกนะ” จางเป่าหลินกลอกตา สีหน้าเริ่มมีอาการกระลิ้มกระเหลี่ย “เรื่องอื่นยังพอว่า แต่ผู้หญิงในหมู่บ้านนี้น่ารักชะมัด แต่ละคนอกเป็นอกเอวเป็นเอว ตรงกลางจุ๋มจิ๋ม หากได้จิ้มสักหน่อย ความรู้สึกคงจะ...จุ๊ ๆ ๆ???”

“อกเป็นอกเอวเป็นเอวตรงกลางจุ๋มจิ๋ม” เนี่ยฟยนึกทวนถึงประโยคนี้ ทันใดนั้นร่างของหม่าเสี่ยวเยี่ยนก็ปรากฏขึ้นในสมอง ยังมีท่าท่างลีลาของเธออีก คิดแค่นี้เจ้าน้องชายก็ตั้งท่าจะออกรบแล้ว เนี่ยเฟยนึกเพลินอยู่ ไม่นานก็เดินถึงหมู่บ้านเค่าซาน

แต่ที่เนี่ยเฟยไม่คาดคิดก็คือ การที่พวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านจะอย่างกับเป็นพวกญี่ปุ่นบุกมาซะงั้น แค่เข้าไปก็โดนล้อมแล้ว แถมยังโดนเกลียดจนเข้าไส้ พร้อมทวงเงินค่าครองชีพขั้นต่ำและเงินประกันจากพวกเขา

“ทุกคนลองคิดดู คราวก่อนเทศบาลส่งคนมา เราก็ต้อนรับขับสู้ด้วยหมูเห็ดเป็ดไก่ไม่อั้น ถึงขั้นหิ้วกลับจนรถยังไม่พอขน และบอกว่าค่าครองชีพกับเงินประกันไม่นานจะแจกจ่ายมา แต่นี่ผ่านไปเดือนครึ่งแล้ว ทำไมยังไม่เห็นอีก” ผู้นำชาวบ้านคนหนึ่งถือพลั่วในมือพร้อมกับซักถาม ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ยังชีพด้วยเงินเล็กน้อยที่รัฐบาลแจกจ่ายมาให้ทั้งสิ้น

“เดี๋ยวก่อน เรื่องเงินค่าครองชีพและเงินประกันเป็นหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร ผมมาจากฝ่ายสงเคราะห์ เรื่องนี้มาถามผมก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ!” จางเป่าหลินตอบด้วยความเซ็ง บ้าชะมัดฝ่ายทะเบียนราษฎรขี้แล้วให้ตนตามเช็ดตามล้างเนี่ยนะ

“พวกผมไม่สนหรอกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน! สรุปคือเทศบาลเหมือนกัน ก็หาคุณนี่แหละ ทุกคนว่าจริงไหม!” คนเป็นหัวโจกถามเสียงดัง ชาวบ้านก็พลอยโห่ร้องตาม โวยวายขนาดนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านและเลขาก็ขอตัวไปอยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อน

เนี่ยเฟยเห็นเข้า คิดว่าคงไม่ได้ไปดูผลผลิตแน่ และถ้าเดินไปอีก คืนนี้อาจถูกกักตัวอยู่ในหมู่บ้านก็เป็นได้ ว่าแล้วก็ดึงตัวจางเป่าหลินวิ่งย้อนกลับทางที่มา ข้างหลังยังมีเสียงชาวบ้านตะโกนด่าว่าไม่หยุด จนมาถึงเขตเทศบาลค่อยได้หยุดพร้อมกับหายใจหอบ

“ไอ้หอกเอ๊ย พวกฝ่ายทะเบียนราษฎรมันเลวระยำจริงๆ!” จางเป่าหลินเอาสองมือยันเข่าไว้ “พวกนี้มันช่างไม่กลัวอะไร แม้แต่เงินชาวบ้านยังกล้าฮุบ กินทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบนี้ ไม่กลัวชาวบ้านจะประท้วงหรือไง?”

“ฉันก็ว่าวันก่อนทำไมจู่ ๆ ห้องทำงานของพวกมันก็เปลี่ยนคอมพิวเตอร์ใหม่ยกชุด แถมยังลงเฟอร์นิเจอร์ใหม่อีก? ไปๆๆ หาอะไรดื่มดีกว่า เล่นซะใจหายใจคว่ำ ต้องปลอบขวัญตัวเองหน่อย!” จางเป่าหลินบ่นพึมพร้อมกับลากตัวเนี่ยเฟยเข้าไปในร้านอาหารหนึ่งเดียวในเทศบาลที่พอมีรสนิยมหน่อย

ทั้งสองคนดื่มกิมที่ร้านหยางชุนจนอิ่มแปล้ บ้านนอกอัตคัดก็มีข้อดี คือวัตถุดิบในร้านอาหารจะเป็นของในท้องถิ่น เนื้อมีความสดหวาน อีกทั้งราคาก็ย่อมเยา เนี่ยเฟยคอยจับเวลา ถึงทุ่มครึ่งปุ๊บก็แยกย้ายทันที

ออกจากภัตตาคาร จางเป่าหลินก็เดินยิ้มหน้าหื่นไปร้านตัดผมที่เปิดไฟสว่างอยู่ข้างหน้า นั่นเป็นร้านตัดผมหนึ่งเดียวในตำบลก่างเฉียวที่มีบริการพิเศษด้วย

ส่วนเนี่ยเฟยเดินจ้ำอ้าวไปตามถนนในเขตเทศบาล รถยี่ห้อแฮรี่ที่หม่าเสี่ยวเยี่ยนขับมาได้มาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เนี่ยเฟยใช้มือถือแกว่งสองสามที หม่าเสี่ยวเยี่ยนรีบลงจากรถ และเดินเข้าไปในตึกหลังหนึ่ง

ตึกเล็กสองชั้นแห่งนี้ปล่อยให้เทศบาลเช่าต่อ กุญแจอยู่ในมือหม่าเสี่ยวเยี่ยน ทั้งคู่ล็อคประตูแล้วก็ขึ้นไปชั้นสอง เฟอร์นิเจอร์ยังอยู่ครบ แต่ก็มีสิ่งของช่วยเหลือผู้ยากไร้มาวางกองอยู่ หม่าเสี่ยวเยี่ยนเองดูเหมือนจะไม่แคร์แล้ว เธอปูแผ่นที่รองพลาสติกขนาดใหญ่ที่เตียงเจ้าของบ้าน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status