เพียงแต่มู่จิ่วซีไม่คาดคิดว่าเรือนของไป๋ชิงจะตั้งอยู่มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวนอัครมหาเสนาบดี จวนอัครมหาเสนาบดีใหญ่โตมาก จำเป็นต้องเดินสักระยะหนึ่งกว่าจะถึงส่วนไป๋ชิงตอนนี้กลับมีสีหน้ากังวลอย่างไม่มีอะไรเทียบได้และกำลังวิ่งออกมาพอดีมู่จิ่วซีพอเห็นบ่าวรับใช้ของจวนอัครมหาเสนาบดีตามออกมาด้วยสี่คน นางก็ยิ้มกล่าวให้กับไป๋ชิง : "คุณหนูใหญ่ไป๋ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าไหม?"ไป๋ชิงรู้ว่ามู่จิ่วซีมาหานาง นางเองรู้สึกว่ามันน่าแปลกอย่างมาก พอเห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามของมู่จิ่วซี นางเองถึงกับตั้งสติตอบสนองอย่างไม่ทันมู่จิ่วซีเดินเข้ามาตรงๆ จากนั้นก็รับสั่งกับเย่ฮาน : "เย่ฮาน เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ ห้ามใครเข้ามาใกล้เด็ดขาด"เย่ฮานก็ส่งเสียงตอบรับมาหนึ่งคำและยืนอยู่ตรงปากประตู บ่าวรับใช้ทั้งสี่คนก็รู้สึกเสียมารยาทเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับบหน้าอันเย็นชาของเย่ฮานบ่าวรับใช้สองคนของไป๋ชิงก็ถูกไล่ให้ออกไป มู่จิ่วซีและไป๋ชิงก็เดินมาถึงห้องของไป๋ชิงและปิดประตูลงมู่จิ่วซียังคงไม่มั่นใจและหันมองไปรอบๆ และยังตรวจสอบตรงหน้าต่างอีกด้วย"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้ามีธุระอะไรกับข้างั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีทำให้ไป๋ชิ
มู่จิ่วซีหันไปผู้หญิงคนนั้นที่ตามมา จากนั้นก็ทำสีหน้าเย็นชาหันไปบอก : "เจ้าออกไปก่อน ข้ากับคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ายังมีธุระที่ต้องคุยกัน"ผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองไป๋ชิง ไป๋ชิงก็พยักหน้า ผู้หญิงคนนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างเขินๆ และถอยฉากออกไปประตูห้องปิดลง มู่จิ่วซีหันไปมองที่ประตูห้องและถามไป๋ชิงด้วยเสียงเบา : "ไป๋ชิง กลิ่นไม้กฤษณาภายในห้องของท่านแม่ของเจ้าจุดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?"ไป๋ชิงชะงักไปชั่วขณะแล้วเอ่ยออกมา : "เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ถึงไรมันก็ถูกจุดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ข้าจำความได้ ท่านแม่บอกว่ากลิ่นของมันหอม ทำให้จิตใจสงบ นางก็เลยจุดตลอดเวลา"มู่จิ่วซีกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ : "แม่ของเจ้าถูกวางยาพิษหรือไม่นั้น คงจะเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว" ขณะที่นางพูดก็เดินไปที่ด้านหน้าของเตียงและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูกราวกับท่อนไม้นอนนิ่งสงบอยู่ไป๋ชิงตกใจและพูดอย่างร้อนรน : "แม่ของข้าถูกวางยาพิษงั้นเหรอ?"มู่จิ่วซีได้มานั่งตรงข้างเตียงพร้อมกับหยิบเข็มเงินออกมาแล้ว นางใช้เข็มแทงที่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนนั้นอย่างเบามือ จากนั้นเลือดหยดหนึ่งก็ไหลออกมามู่จิ่วซีโน้มตัวเข้าไปดมกลิ่
สีหน้าของไป๋ชิงโศกเศร้า จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวออกมา : "มู่จิ่วซี ข้าคิดมาตลอดว่าพวกเราคือศัตรู...""จะเป็นไปได้ยังไง เจ้าอ่อนน้อมถ่อมคนมากขนาดนั้นมาโดยตลอดและก็ไม่เคยหาเรื่องยั่วยุข้า ศัตรูของข้าคือไป๋เฟิ่งหว่านที่ชอบแกว่งเท้าหาเสี่ยน" มู่จิ่วซียิ้มและกุมไปที่มือของนาง"ไป๋เฟิ่งหว่านชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทน" ไป๋ชิงกล่าว "นางเองชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทน แต่กลับเอาไปพูดกับคนอื่นว่าข้าชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทน ก็คือนางอยากให้ข้าเป็นศัตรูกับเจ้า""ข้ารู้ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนกับข้าได้ถอนหมั้นกันแล้ว แต่ต่อให้ถอนหมั้นแล้ว ท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ไม่มีทางสู่ขอไป๋เฟิ่งหว่าน นางก็แค่ฝันกลางวัน""อันที่จริงท่านพ่อของข้าก็หวังว่าน้องหญิงรองกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะ... ดังนั้นเมื่อแม่ของข้าตาย ป้าสะใภ้รองก็จะขึ้นมาแทน น้องหญิงรองก็จะได้เป็นลูกสาวของภรรยาหลวง ฐานะของนางก็จะเหมาะสมกับท่านผู้สำเร็จราชการแทน" ไป๋ชิงกล่าวออกมาในทันที "พอถึงเวลาท่านพ่อก็จะคิดหาวิธีเพื่อให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาสู่ขอน้องหญิงรอง"ไป๋ชิงกล่าวอย่างรีบร้อน : "อันที่จริงข้าก็ไม่อยากเห็นเจ้ากับท่านผู้สำเร็จราชกา
ลมระลอกหนึ่งพัดเข้ามาที่ใบหน้า มู่จิ่วซีก็เห็ยชายหนุ่มที่แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมกับเสื้อคลุมยาวสีขาวบางพริ้วมู่จิ่วซีอยากจะตะโกนดังๆ ว่าผีหลอกมากๆ แต่นางก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้"อย่าขยับ" มู่จิ่วซีเอื้อมมือออกไปข้างหนึ่งเพื่อหยุดชายคนนั้นที่กำลังจะกระโจนเข้ามา "พ่อดอกเก๊กฮวย เจ้าจะสำรวมกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง? ทำแบบนี้ลูกค้าตกใจหนีไปกันหมด"พ่อดอกเก๊กฮวยซึ่งเป็นนายโลมก็ทำปากงอนไม่พอใจก็กล่าวออกมา : "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าไม่ได้มาหาตั้งนานแล้ว แล้วยังไม่ให้ดอกเก๊กฮวยอย่างข้าดีใจอีก""อะ โอ๋ โอ๋ ดีใจก็ดีใจ" มู่จิ่วซีหยิบแท่งเงินตำลึงออกมาให้เขาพ่อดอกเก็กฮวยคนนั้นก็ยิ้มบานสะพรั่งอย่างกับดอกเก๊กฮวยดอกหนึ่งจริงๆ"คุณหนูใหญ่ คืนนี้จะเล่นอะไรกันดี เป่ายิ้งฉุบหรือว่าจะฟังดนตรี?" ดอกเก๊กฮวยคนนั้นเข้ามาใกล้นางพร้อมกับยิ้มถาม"ไปเปิดศาลาในเรือนดีกว่า คืนนี้ราตรีช่างสายงาม พวกเรามาชมดาวกันดีกว่า" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว"ดูดาวหรอ ได้สิ ได้สิ ดอกเก๊กฮวยอย่างข้าชอบดูดาวที่สุด" พ่อดอกเก๊กฮวยรีบสั่งให้เด็กรับใช้ไปเตรียมงานมู่จิ่วซีรู้สึกเข็ดฟัน นางเลยไอออกมาและพูดกล่าว : "อย่าดัดเสียงพูด พูดให้มันธ
"คืนนี้องค์หญิงเหวินซิงก็จะมา ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง? พี่หญิงหงได้แอบบอกว่าใครที่ให้เงินเยอะสุด อู๋ถงก็จะไปกับคนๆ นั้น พวกเราต่างกังวลว่าถ้าองค์หญิงสู้ราคาไม่ไหวจะโวยวายขึ้นมาเนี่ยสิ""น่าสนใจ" มู่จิ่วซีลูบไปที่คางของนาง ในใจก็คิดว่าองค์หญิงเหวินซิงจะต้องควักเงินเป็นหมื่นตำลึงทองออกมาไม่ได้แน่ ต่อให้มีปัญญาจ่าย แต่ถ้าต้องจ่ายเงินมหาศาลขนาดนั้นเพื่อนายโลมคนเดียว ถ้าเกิดพระพันปีหลวงรู้ขึ้นมา นางโดนหนักแน่แต่องค์หญิงเหวินซิงนี่ก็อย่างกับมนุษย์หมาป่า ถ้าหากถูกฉีเล่อฉี่แย่งอู๋ถงไป นางในฐานะองค์หญิงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้ ? นางไม่มีทางปล่อยให้คุณหญิงฉีคว้าไปได้หรอกผู้หญิงสองคน อีกคนมีอำนาจ อีกคนมีเงินทอง ต้องการแย่งนายโลมผู้เป็นที่นิยม เกรงว่าไม่นานนักข่าวที่นางกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนถอนหมั้นกันคงจะถูกกลบด้วยข่าวนินทาหน้าหนึ่งนี้ที่ลือกระช่อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองพ่อดอกเก๊กฮวยจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย : "ถ้าหากมีคนไปแจ้งบอกคุณหญิงฉี งั้นคืนนี้ก็คงจะครึกครื้นน่าดู"มู่จิ่วซีหันไปทางเขาและเอ่ยออกมา : "เจ้าคงจะรู้ว่าคงต้องมีคนไปบอกคุณหญิงฉีใช่ไหม?"พ่อดอกเก๊กฮวยรีบส่ายหัวและพู
มู่จิ่วซีตกในจนสะดุ้งกับเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง ถึงอย่างไรนางก็คนที่ระวังตัวสูง อีกอย่างชายคนนั้นที่อยู่ข้างหลัง นางก็แทบไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของเขาเลยแต่ว่าเสียงของเขาคุ้นเคยมาก ไม่แปลกเลยที่นางจะไม่ได้ยินก็เพราะเขาคือฮั้วอวิ๋นเทียนเจ้าสำนักของหอดาราจันทรา"เจ้าสำนักฮั้ว เจ้ามาได้ยังไง?" มู่จิ่วซีแหวกม่านเปิดออกพร้อมกับถามฮั้วอวิ๋นเทียนพอเห็นมู่จิ่วซีแต่งตัวด้วยผ้าที่น่าประทับใจ งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ มุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นขึ้นมาการมาหานายโลมแบบนี้ดีแล้วจริงๆ หรือ?นายโลมพวกนี้คงจะแอบหัวเราะขาดใจตายน่ะสิ"ข้าคิดไปคิดมาก็เกรงว่าคุณหนูใหญ่มู่คืนนี้จะมีอันตราย" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"นี่เจ้าตั้งใจมาเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของข้า?" มู่จิ่วซีไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะดีถึงเพียงนี้"เอาเป็นว่า ถึงอย่างไรหากเกิดเรื่องกับเจ้า โรคป่วยของอาจื่อก็จะหมดความหวัง" ประโยคนี้ของฮั้วอวิ๋นเทียนได้ทำให้ความรู้สึกประทับใจของมู่จิ่วซีหายไปในพริบตาผู้ชายคนนี้ คงกลัวว่านางเอาวรยุทธเฟิงเหยียนหยูเฟยของเขาไปแล้วถ้าเกิดนายตายขึ้นมาก็คงจะขาดทุนสินะที่แท้จิ้งจอกม่วงก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้
ส่วนฮั้วอวิ๋นเทียนที่อยู่บนศาลาพอได้ยินเรื่องลามกพวกนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา คุณหนูใหญ่มู่คนนี้โผงผางจริงๆเรือนด้านหลังเป็นอาคารไม้สามชั้นตกแต่งอย่างหรูหรา เทียบได้กับโรงแรม 5 ดาวในยุคปัจจุบัน ตรงประตูมีป้ายไม้เขียนชื่อของนายโลมเอาไว้"คุณหนูใหญ่มู่ ที่นี่คือห้องพักของท่านชายน้อยจินเป้ย แต่ว่าคุณหญิงฉีได้จ่ายเงินเหมาเขาไว้ตลอดทั้งครึ่งเดือนแล้ว" พี่หญิงหงกล่าวยิ้มออกมาด้วยเสียงเบา"งั้นไม่ใช่ว่าคุณหญิงฉีจะมาคืนนี้หรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีนึกได้ว่าองค์หญิงเหวินซิงคงจะใกล้มาถึงเร็วๆ นี้แล้วพี่หญิงหงก็กล่าวออกมาอย่างเขินอายเล็กน้อย : "ต่อให้คุณหญิงฉีคืนนี้มาหา แต่ก็ไม่ได้มาเพื่อท่านชายน้อยจินเป้ย นางมาเพื่อไถ่ตัวท่านชายน้อยอู๋ถง เพียงแต่องค์หญิงเหวินซิงก็หมายปองท่านชายน้อยอู๋ถงเหมือนกัน นางเองก็อยากไถ่ตัวกลับไป เห้อ"มู่จิ่วซียังไม่ทันเอ่ยปากพูด พี่หญิงหงก๋หัวเราะยิ้มร่าขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่มู่ ไม่งั้นคืนนี้ท่านช่วยบ่าวหน่อยสิเจ้าคะ""ข้า? ข้าจะไปช่วยอะไรได้?" มู่จิ่วซีรู้สึกตกใจอย่างมาก"ถ้าหากบุคคลสำคัญทั้งสองแย่งอู๋ถงกันขึ้นมา บ่าวคงไม่อาจทนรับความขุ่นเคืองบาดหมางไว้ได้" พี่หญิงทำท่าอย่า
พี่หญิงหงเปิดประตูเพื่อให้มู่จิ่วซีเข้าไปก่อน พ่อดอกเก๊กฮวยก็แอบตามไปข้างหลังเงียบๆ แล้วปิดประตูตามหลัง"แค่กแค่กแค่ก"จินเป้ยที่อยู่ด้านในส่งเสียงไอออกมา"แย่แล้ว ท่านชายน้อยจินเป้ย สุขภาพร่างกายของเจ้าอ่อนแอจริงๆ เพิ่งมาก็เป็นหวัดลมหนาวแล้ว คงต้องให้ห้องครัวตุ๋นอาหารบำรุงร่างกายให้เจ้าแล้ว" พี่หญิงหงมุ่งตรงไปถึงยังเตียงก่อนมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีเดินเข้ามาก็เห็นชายคนหนึ่งสีหน้าดูป่วยโทรมอยู่บนเตียง แม้ว่าใบหน้าจะดูดีไม่เลว แต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าหล่อเหลา มีกลิ่นอายของความเป็นชายชาตรี โครงร่างใหญ่กว่าพ่อดอกเก๊กฮวย แตกต่างอย่างมากจากนายโลมที่แต่งกายกายตุ้งติ้งเป็นส่วนใหญ่"จินเป้ยขอคารวะคุณหนูใหญ่มู่" จินเป้ยลุกตัวขึ้นมาถวายความเคารพให้กับมู่จิ่วซี "จินเป้ยร่างกายเจ็บป่วย โปรดคุณหนูใหญ่อย่าถือสา""ไม่เป็นไร เจ้านอนพิงพูดกับข้าก็ได้ ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้วคงจะป่วยไม่น้อย" มู่จิ่วซีหย่อนก้นนั่งลงบนเตียง "ข้ามีทักษะแพทย์อยู่บ้าง เดี๋ยวช่วยดูอาการเจ้าให้"จินเป้ยตะลึงและรีบพูดขึ้นมาทันที : "คุณหนูใหญ่มู่ช่างสูงศํกดิ์ จะมาทำเรื่องแบบนี้เพื่อข้าได้อย่างไร หมอได้ตรวจอาการข้าแล้ว เขาบอกว่าให้ข้