พี่หญิงหงเปิดประตูเพื่อให้มู่จิ่วซีเข้าไปก่อน พ่อดอกเก๊กฮวยก็แอบตามไปข้างหลังเงียบๆ แล้วปิดประตูตามหลัง"แค่กแค่กแค่ก"จินเป้ยที่อยู่ด้านในส่งเสียงไอออกมา"แย่แล้ว ท่านชายน้อยจินเป้ย สุขภาพร่างกายของเจ้าอ่อนแอจริงๆ เพิ่งมาก็เป็นหวัดลมหนาวแล้ว คงต้องให้ห้องครัวตุ๋นอาหารบำรุงร่างกายให้เจ้าแล้ว" พี่หญิงหงมุ่งตรงไปถึงยังเตียงก่อนมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีเดินเข้ามาก็เห็นชายคนหนึ่งสีหน้าดูป่วยโทรมอยู่บนเตียง แม้ว่าใบหน้าจะดูดีไม่เลว แต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าหล่อเหลา มีกลิ่นอายของความเป็นชายชาตรี โครงร่างใหญ่กว่าพ่อดอกเก๊กฮวย แตกต่างอย่างมากจากนายโลมที่แต่งกายกายตุ้งติ้งเป็นส่วนใหญ่"จินเป้ยขอคารวะคุณหนูใหญ่มู่" จินเป้ยลุกตัวขึ้นมาถวายความเคารพให้กับมู่จิ่วซี "จินเป้ยร่างกายเจ็บป่วย โปรดคุณหนูใหญ่อย่าถือสา""ไม่เป็นไร เจ้านอนพิงพูดกับข้าก็ได้ ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้วคงจะป่วยไม่น้อย" มู่จิ่วซีหย่อนก้นนั่งลงบนเตียง "ข้ามีทักษะแพทย์อยู่บ้าง เดี๋ยวช่วยดูอาการเจ้าให้"จินเป้ยตะลึงและรีบพูดขึ้นมาทันที : "คุณหนูใหญ่มู่ช่างสูงศํกดิ์ จะมาทำเรื่องแบบนี้เพื่อข้าได้อย่างไร หมอได้ตรวจอาการข้าแล้ว เขาบอกว่าให้ข้
"อะไรนะ ? พวกนางสองคนมาพร้อมกันงั้นเหรอ?" พี่หญิงหงตกตะลึงในสายตา"ใช่ขอรับ ใครจะรู้ว่าบังเอิญขนาดนี้ อีกอย่างพวกนางต้องการพบท่านชายน้อยอู๋ถงเหมือนกัน! เจ้ารีบไปดูเถอะ"พี่หญิงหงหันควับกลับมาคว้ามู่จิ่วซีและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ คืนนี้คงต้องพึ่งท่านแล้ว" ขณะพูดก็ลากมู่จิ่วซีวิ่งไปด้วยกัน"เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว พี่หญิงหง ข้าปวดฉี่ เจ้าให้ข้าไปเข้าสุขาก่อน" มู่จิ่วซีต้องการที่จะแจ้งข่าวก่อน นางมั่นใจแล้วว่าจินเป้ยคนนี้คือไส้ศึกที่ลอบสังหารใต้เท้ากู้อีกคนหนึ่งซึ่งหนีไปได้อีกทั้งยังเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไปถึงคุณหญิงฉี พอนึกถึงใต้เท้าฉีเลขาธิการกระทรวงราชทัณฑ์ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนที่มีกุญแจห้องเก็บยาพิษเงาหอมนิโลบล จนนางพอได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดก็รู้สึกสะพรึงกลัวในทันที"งั้นบ่าวขอไปดูสถานการณ์ก่อน คุณหนูใหญ่มู่ ท่านรีบมาด้วยล่ะ" พี่หญิงหงกล่าวอย่างร้อนรน"รู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ร้านขนมร้านนั้นข้าเอาแน่" มู่จิ่วซีขณะพูดก็วิ่งไปทางห้องสุขาขณะเดินไปตามทางก็เห็นชิงเฟิงที่ได้ไปแอบตรวจสอบมา"คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยได้ไปตรวจสอบมาแล้ว ห้องครัว ห้องฟืนและห้องเก็บเหล้าไม่มีใครน่าสงสัยเลยขอรับ""ชิง
ชั่ววินาทีที่ประตูถูกทีบให้เปิดออก มู่จิ่วซีก็กำลังทำท่าป้อนเหล้าให้อู๋ถงอยู่ก็นิ่งค้างไป ส่วนคนข้างนอกที่เห็นภาพฉากนี้ก็นิ่งค้างไปเหมือนกัน"คุณหนูใหญ่มู่" พี่หญิงหงเป็นคนแรกที่ตั้งสติขึ้นมาได้ นางส่งสายตาเป็ยนัยน์ให้กับมู่จิ่วซีและตีหน้ายิ้มกล่าวออกมา "ขอประทานอภัยจริงๆ ที่รบกวนความสุขท่านนะเจ้าคะ"มู่จิ่วซีที่มีแสงแดงก่ำและอู๋ถงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายก็วางจอกเหล้าลง ใบหน้าอึมครึมจ้องไปทางปากประตู องค์หญิงเหวินซิงและฉีเล่อฉี่ถลึงตามองอย่างไม่เชื่อในสายตาผู้หญิงสองคนนี้ล้วนแต่งกายหรูหราฉูดฉาด แค่มองดูก็คิดว่าเป็นแม่หญิงของหอบุปผา เพียงแต่แก่ไปนิดหน่อย เดิมทีดูจากอายุของพวกนางแล้วคงจะเป็นหญิงวัยกลางคนที่ยังคงรักษาความสง่างามไว้น่าเสียดายที่พวกนางอดทนต่อความเหงาไม่ไหว เที่ยวเล่นจนตัวเองหมดสภาพ ดั่งสุภาษิตดอกเฉาบนกิ่งหักซึ่งใช้บรรยายพวกนางได้เหมาะสมจนไม่มีอะไรมาเปรียบได้ดีกว่านี้อีกแล้ว (ดอกเฉาบนกิ่งหัก หมายถึง หญิงสาวที่หลงระเริงแล้วโดนผู้ชายย่ำยีแล้วทิ้งไป)"มู่จิ่วซี เจ้าหมายความว่ายังไง!" องค์หญิงเหวินซิงถลึงตาที่โมโหทั้งสองข้างมองไปที่มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าจะใจแค
"เจ้ามันสารเลว! เจ้ามันเจตนาจงใจ!" องค์หญิงเหวินซิงกร่นด่าในทันที "อยากจะมีเรื่องกับข้ามากนักใช่ปะ!"ใบหน้าของคุณหญิงฉีเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเอ่ยกล่าว : "องค์หญิง อู๋ถงทั้งเฉียบแหลมและรูปงาม ข้าเองชอบมากจริง ๆ ไม่งั้นข้าคงไม่เอาทองคำมาไถ่ตัวเขามากขนาดนี้ ที่จวนของ องค์หญิงเองมีสนมชายมากขนาดนั้น ไม่มีอู๋ถงไปสักคนคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง""เจ้า!" องค์หญิงเหวินซิงถูกยั่วให้โมโหจนทำท่าอยากจะเข้าไปตบคนมู่จิ่วซียิ้มขึ้นมาในฉับพลันพร้อมกับกล่าว : "พวกเจ้าสองคนอยากเป็นที่น่าหัวเราะให้กับคนอื่นก็ขอเชิญออกไปเถอะ อย่ามาขวางเวลาดื่มเหล้าของข้า""พี่หญิงหง ข้าเอาทองหมื่นตำลึงมาให้แล้ว ข้าต้องการไถ่ตัวอู๋ถงเดี๋ยวนี้" คุณหญิงฉีเพียงโบกมือ คนรับใช้กลุ่มหนึ่งก็ขนลังไม้เข้ามาห้าลังจากนั้นพอกล่องไม้ที่วางเรียงเป็นแถวถูกเปิดออกต่อหน้าผู้คน แสงอร่ามของทองคำก็สะท้อนเป็นประกายอยู่ในแววตาของทุกคน ดวงตาที่พร่างพราวมากที่สุดก็คือมู่จิ่วซี"ว้าว คุณหญิงฉีช่างมีเงินเยอะมากจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าสามีเจ้าที่ตายไปหากรู้ขึ้นมาจะปีนขึ้นจากโลงมาหรือเปล่า" มู่จิ่วซีก็พูดปากหมาขึ้นมา"คุณหนูใหญ่มู่!" สีหน้าของคุณหญิ
อู๋ถงตกตะลึง จากนั้นเขาก็เขยิบเข้ามาใกล้มู่จิ่วซีและกระซิบข้างหูมาประโยคหนึ่งมู่จิ่วซีพอได้ยินก็ตาทอเป็นประกายและซุบซิบที่ข้างหูของเขาไม่กี่ประโยค ในตอนท้ายมุมปากของนางก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย"มู่จิ่วซี เจ้ามันไร้ยางอาย!""มู่จิ่วซี เจ้ามีอีหน้าด้าน!"ผู้หญิงทั้งสองคนพอเห็นพวกเขาสนิทแนบชิดกันขนาดนี้ก็ด่าถอขึ้นมาในฉับพลันอู๋ถงพอฟังสิ่งที่มู่จิ่วซีพูดจนจบก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างเขินอายและพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาราวกับองุ่นสีดำเข้มทั้งสองข้างก็ทอประกายมองไปยังมู่จิ่วซีอย่างสดใสมู่จิ่วซีหันไปมองผู้หญิงสองคนนั้นที่โกรธจนใบหน้าบูดบึ้งพร้อมกับกล่าว : "ข้าค่อนข้างจน ดังนั้นข้าเสนอได้แค่ 100 ตำลึงเงิน""อะไรนะ!" ทุกคนถึงกับตกใจและอุทานออกมา"100 ตำลึงเงินจะไปไถ่ตัวนายโลมอันดับหนึ่งได้ยังไง!""คุณหนูใหญ่มู่ นี่เจ้าดูถูกอู๋ถงงั้นเหรอ?""มู่จิ่วซี เจ้าล้อเล่นงั้นเหรอ?""พี่หญิงหง เจ้าบอกมาซิว่าอู๋ถงราคาเท่าไหร่?"คนกลุ่มนั้นก็ฮือฮาแย่งกันพูดขึ้นมา พี่หญิงหงก็ได้แต่ยิ้มแหยงๆ พร้อมกับหันไปมองมู่จิ่วซีและยิ้มขึ้นมาในท้ายที่สุด : "นายโลมอันดับหนึ่งอย่างน้อยต้องใช้เงิน 3,000 ตำลึง
มู่จิ่วซีหัวเราะเสียงดังลั่น : "พวกเจ้าเล่นขายของพ่อแม่ลูกกันเหรอไง? พอไม่ได้ดั่งใจก็งอแงขึ้นมา นี่พวกเจ้ารู้จักคำว่ายางอายสองคำนี้ไหมว่าเขียนยังไง?""เจ้า!" องค์หญิงเหวินซิงโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว อู๋ถงก็รีบตามมาและดึงชายเสื้อมู่จิ่วซีที่ด้านหลังเบาๆ พร้อมกับกล่าว : "คุณหนูใหญ่ อู๋ถงคงหาเรื่องลำบากให้ท่านสินะขอรับ"ขณะที่เขาพูดก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกล่าวกับองค์หญิงเหวินซิงและฉีเล่อฉี่ : "ทั้งสองท่าน ขอบพระคุณอย่างมากที่เมตตาเอ็นดูข้า อู๋ถงยอมที่จะไปกับคุณหนูใหญ่มู่เอง ทั้งสองท่านขอได้โปรดปล่อยอู๋ถงผู้นี้ไปด้วยเถอะขอรับ""อู๋ถงเจ้ามันอวดดี ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงดูแลเจ้ามาเสียเปล่าจริงๆ""อู๋ถง เจ้ามันไม่รักดีจริงๆ เสียดายที่ข้าอุตส่าห์ให้เงินเจ้า 500 ตำลึงทุกครั้ง เจ้ามันก็แค่หมาป่าตาขาว" (หมาป่าตาขาว หมายถึง ทรพี อกตัญญู)อู๋ถงถึงกับคุกเข่าก้มหัวให้กับนางสองคนนั้นในทันทีนางสองคนนั้นก็เริ่มด่าถอเขา จนในที่สุดก็โกรธถึงขั้นลงไม้ลงมือกับอู๋ถง จิกกระชากลากผมของอู๋ถงทุกคนต่างรู้สึกแปลกอย่างมากว่าทำไมมู่จิ่วซีไม่ปกป้องอู๋ถง นางกลับเพียงแค่กอดอกดูฉากละครตรงหน้า นางไถ่ตัวเขาไปแล้ว แต่เ
มู่จิ่วซีหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาก็จ้องไปที่องค์หญิงเหวินซิง"ใครบอกว่าอู๋ถงก็แค่นายโลม เมื่อครู่ข้าก็พูดแล้วว่าเขาเป็นคนของข้า เขาไม่ใช่นายโลมแล้ว องค์หญิงกับคุณหญิงฉี นี่พวกท่านทั้งสองกำลังทำร้ายทารุณคนธรรมดาอยู่นะ ข้าว่าข้าคงต้องเอาเรื่องนี้ไปทูลบอกพระพันปีหลวงเสียแล้ว""เจ้า!" องค์หญิงเหวินซิงโกรธจัดจนอีกนิดก็แทบกระอักเลือดสายตาของมู่จิ่วซีก็กวาดมองไปทางฉีเล่อฉี่อีกครั้งก็เห็นสายตาที่มุ่งร้ายอันดำมืดของนาง ซึ่งแตกต่างจากความโกรธขององค์หญิงเหวินซิงแส้ของมู่จิ่วซีที่อยู่ในมือก้ฟาดออกไปอีกครั้งไปใกล้ตัวของฉีเล่อฉี่"มู่จิ่วซี เจ้าจะเอายังไงกันแน่?" ฉีเล่อฉี่ตัวสั่น พอเห็นท่าทีของมู่จิ่วซีแล้วก็รู้สึกว่ามู่จิ่วซีกล้ากล้าจะฟาดแส้มาหานางจริงๆมู่จิ่วซีก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา นางหันมามองอู๋ถงและกล่าว : "พวกเจ้าทำร้ายอู๋ถงจนอยู่ในสภาพนี้ อย่างน้อยก็ต้องชดใช้สักหน่อย"แววตาของมู่จิ่วซีก็หันไปมองทองคำที่เกลื่อนบนพื้นชั่วขณะนั้นทุกคนก็เข้าใจในทันที มู่จิ่วซีต้องการมีเหตุผลชอบธรรมมากพอและปล้นอย่างเปิดเผย"ได้ งั้นขอชดใช้อู๋ถงด้วยทองคำแท่งหนึ่ง คงจะพอค่ารักษาเขาแล้วใช่ปะ" ฉีเล่อฉี่ใช้เท้
มวยที่สวยแต่กระบวนท่าของผู้หญิงสองคนนั้นจะไปทำให้เขาบาดเจ็บได้ที่ไหนองค์หญิงเหวินซิงคับอกคับใจอย่างมาก แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจออกมา"มู่จิ่วซี ไม่ได้เจ้าแค่ไม่กี่วัน เจ้าทำให้ข้ารู้สึกว่าเปลี่ยนไปถนัดตา หรือว่าถูกโม่จุนถอนหมั้นจนกระทบกระเทือนจิตใจ?" องค์หญิงเหวินซิงผ่อนลมหายใจและคิดอยากจะพูดดูถูกมู่จิ่วซีอีกสักสองสามประโยค"ใช่แล้วล่ะ ข้าได้รับกระทบกระเทือนจิตใจและก็มักจะเป็นบ้าได้ตลอดเวลา ดังนั้นองค์หญิง เจ้าหลังจากนี้ก็ควรจะดีกับข้าสักหน่อยนะ" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็พูดต่อในทันที "พี่หญิงหง ข้ายังดื่มไม่พอเลย!"พี่หญิงหงรับถือคารวะในตัวของมู่จิ่วซี พริบตานางก็เข้าใจความหมายของมู่จิ่วซีและรีบไล่ผู้คนออกไป องค์หญิงเหวินซิงก็ถูกนางเชิญไปที่ห้องของนายโลมอีกห้องเช่นกัน เพียงพริบตา ทั้งหอหล่านจวี๋ก็กลับมาเป็นปกติภายในห้องของอู๋ถง ลังที่ใส่แท่งทองคำใบหนึ่งได้วางอยู่บนพื้น ส่วนเงิน 100 ตำลึงได้วางไว้อยู่บนโต๊ะพี่หญิงหงและเหล่าโจวก็ได้เข้ามา"อู๋ถง ข้าต้องพาเจ้าไปได้แล้ว ไม่งั้นถ้านังผู้หญิงสองคนนั้นมาเห็นเจ้าอีกจะต้องมีเรื่องอีกแน่" มู่จิ่วซีกล่าว "งั้นเงินค่าไถ