“ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาท่านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งเงาก็ไม่เห็น แม้แต่พี่ใหญ่ข้าและหลินซวี่ก็หาตัวท่านไม่พบ พวกเราทุกคนเป็นห่วงท่านมาก”คำถามของเสี่ยวตง ทำให้เซียวเย่หลันอดหยุดเดินไม่ได้เขาอยากฟังว่า เซี่ยเชียนฮวันจะตอบว่าอย่างไรในตอนนั้นเซียวเย่หลันก็ได้ยินน้ำเสียงที่เฉยชาของผู้หญิงคนนั้นดังมาจากข้างใน “ข้าแค่ขึ้นภูเขาไปเก็บสมุนไพรนะ”“เอ๋? นี่...”เสี่ยวตงตกตะลึงจนอ้าปากนางรู้ว่า เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดความจริงตอนนั้นเซี่ยเชียนฮวันยืนกรานว่าท่านอ๋องยังไม่ตาย และยังบอกอีกด้วยว่าจะไปพาเขากลับมา ดังนั้นนางจะต้องไปหาท่านอ๋องอย่างแน่นอน แต่จู่ๆ ก็บอกว่านางขึ้นภูเขาไปเก็บสมุนไพรเนี่ยนะ?แน่นอนเซียวเย่หลันที่อยู่นอกประตูหาได้รู้เรื่องนี้ไม่หลังจากได้ยินคำตอบของเซี่ยเชียนฮวัน เขาก็ส่ายหน้า และยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับหลังจากที่เขาออกไปแล้วเสี่ยวตงก็ถอนหายใจและหยิบกาเหล้าขึ้นมารินเหล้า “พระชายา หากท่านมีบางอย่างอยู่ในใจก็สามารถเล่าให้บ่าวฟังได้ อย่าเก็บมันไว้คนเดียว”เซี่ยเชียนฮวันวางจอกเหล้าที่ดื่มจนเกลี้ยงลง ดวงตาคู่นั้นดูสับสนและมึนเมาเล็กน้อย นางพูดพึมพ
เซี่ยเชียนฮวันลืมตาขึ้นทันที!แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความฝันผู้หญิงเลวทรามและร้ายกาจคนนี้ ยืนอยู่ข้างเตียงและโอ้อวดบารมี“เจ้าหาพวกเราเจอได้อย่างไร...”เซี่ยเชียนฮวันอยากลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง แขนขาไร้เรี่ยวแรง อาจเป็นเพราะเมื่อคืนดื่มมากเกินไปซูอวี้เออร์ม้วนผมตัวเอง แสดงท่าทางหยิ่งยโสและดูถูก “ท่านไม่ต้องถามนักหรอก ข้ามีวิธีของข้าก็แล้วกัน! ข้าฉวยโอกาสที่ท่านออกไปข้างนอก แอบพาท่านอ๋องจากไป คิดไม่ถึงว่าดวงตาของท่านอ๋องจะฟื้นกลับมา ช่วยประหยัดแรงข้าได้เยอะ”“ใช้วิธีสกปรกเหล่านี้เพื่อแย่งสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ซูอวี้เออร์ จิตใจของเจ้าน่ารังเกียจยิ่งกว่าหนู”เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้ามองซูอวี้เออร์ด้วยสายตาที่เย็นชาประโยคนี้ทําให้สีหน้าของซูอวี้เออร์เปลี่ยนสีไปชั่วขณะแต่ไม่ช้า นางก็ได้สติกลับคืนมา และกล่าวเสียงดูถูกว่า “พี่สาว ชนะเป็นราชา แพ้เป็นโจร นี่คือความจริงอันเป็นนิรันดร์”“ตอนนี้ข้าคือผู้มีพระคุณของท่านอ๋อง ส่วนท่าน ก็ยังคงเป็นเซี่ยเชียนฮวันที่เขาเกลียด ไม่ว่าท่านจะทำเพื่อท่านอ๋องมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงหินรองเท้าของข้า”ซูอวี้เออร์หัวเราะอย่างมีความสุข
“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าข้าควรสวมชุดแต่งงานแบบไหนดี?”ซูอวี้เออร์เขี่ยเสื้อคลุมสีแดงบนชั้นวางของเล่น แล้วหันมายิ้มให้กับเซียวเย่หลันที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างเซียวเย่หลันเหลือบมองอย่างสบายๆ แล้วพูดว่า “เพียงแค่สวมสิ่งที่เจ้าชอบ”“ข้าชอบรึไม่ ไม่สำคัญ สิ่งสําคัญที่สุดคือท่านอ๋องชอบมัน”ซูอวี้เออร์เดินไปอยู่ข้างๆ เซียวเย่หลัน และจับแขนเสื้อเขาเบาๆ เซียวเย่หลันสุ่มชี้ไปที่สิ่งหนึ่ง “งั้นก็อันนี้”“ตกลง ข้าเชื่อที่ท่านอ๋องพูด”ซูอวี้เออร์หันไปเลือกมงกุฎหงส์อย่างมีความสุขต่อเซียวเย่หลันจ้องมองดอกไม้ในสวนด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังรู้สึกระเคืองที่ตาเล็กน้อยเมื่อวันมงคลใกล้เข้ามา พระสนมหมิงก็บังคับให้เขาไปเข้าเฝ้ารอบตัวนางห้อมล้อมไปด้วยกุลสตรีที่มีชื่อเสียงหลายคนถ้าเขาต้องการรับซูอวี้เออร์เป็นพระชายารอง เขาก็ต้องเลือกผู้หญิงอีกคนจากหมู่กุลสตรีเหล่านั้น เพื่อเติมเต็มตำแหน่งพระชายาอีกตำแหน่งตอนนี้เอง เซียวเย่หลันหวังจริงๆ ว่าเซี่ยเชียนฮวันจะออกมาสร้างปัญหานางไม่ชอบที่เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่หรือ?แล้วทําไมตอนนี้ถึงสงบสุขจัง ยอมเห็นเขาแต่งพระชายาสองคนอย่างเชื่อฟั
“แค่กๆ...”หลังจากพูดยาวขนาดนั้น เซวี่ยจวิ้นก็ไอเบาๆ ออกมาที่นางบอกว่ามาหาหมอ ดูเหมือนจะเป็นความจริงเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจเบาๆ และเอื้อมมือไปจับชีพจรนางอย่างเงียบๆ ถามคำถามอีกสองสามข้อ จากนั้นก็หยิบพู่กันขึ้นมาท่ามกลางสายตาที่ประหม่าของนาง ก่อนจะเริ่มเขียนใบสั่งยา“อาการของเจ้าไม่ร้ายแรงนัก เพียงแต่ความกังวลมากเกินไปจะนําไปสู่ความตึงเครียดทางจิตใจ ทำให้ปวดศีรษะข้างเดียวหรือด้านข้าง อาการเหล่านี้จะแย่ลงหลังจากที่สัมผัสกับลม พักฟื้นสักสองสามวันอาการก็จะดีขึ้น”เซวี่ยจวิ้นเห็นเซี่ยเชียนฮวันเขียนใบสั่งยาให้กับตัวเอง โดยไม่พูดถึงเรื่องนี้นางกล่าว จึงกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “พระชายา หม่อมฉันไม่ใช่คนประเภทพูดอย่างทำอย่าง คําสัญญาที่ให้ไว้กับท่านในวันนี้ หม่อมฉันจะทำให้สำเร็จในอนาคต”ปลายพู่กันของเซี่ยเชียนฮวันหยุดชะงักเล็กน้อยหยดหมึกค่อยๆ กระจายทั่วกระดาษสีขาวนางมองออกว่า เซวี่ยจวิ้นเป็นคนเช่นนั้นจริงๆเพียงแต่ว่า...ถ้าหากแต่งเข้ามาในจวนจ้านอ๋องจริงๆ มันไม่ใช่พรสำหรับสตรีคนนี้“คุณหนูเซวี่ย เจ้าสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังบิดาไปเสียหมด เจ้าเป็นคน มิใช่หุ่
“ขอบคุณ ขอบคุณ...จวิ้นเอ๋อร์จะไม่มีวันลืมความช่วยเหลือของท่านในวันนี้!”เซวี่ยจวิ้นเผยสีหน้าประหลาดใจ และกล่าวขอบคุณไม่หยุด ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนเพื่อหลีกทางให้คนอื่นนางไม่คิดจะทำให้การรักษาผู้อื่นของเซี่ยเชียนฮวันต้องล่าช้า หลังจากกล่าวขอบคุณเสร็จ นางก็รีบจากไปชิวหมิ่นยืนกอดอกอยู่ข้างหลังเซี่ยเชียนฮวัน “ท่านแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้? ช่วยผู้หญิงคนอื่นได้รับความโปรดปรานจากสามี”“ไม่มีนางก็มีคนอื่นอยู่ดี”เซี่ยเชียนฮวันรู้ว่า หมิงเฟยจะไม่ยอมแพ้ นางจะให้เซียวเย่หลันแต่งงานกับกุลสตรีชั้นสูงเหล่านั้นสักคนสองคนท้ายที่สุดแล้วการแต่งงานก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการแย่งชิงบัลลังก์ถึงแม้นางจะมีไทเฮาคอยหนุนหลัง แต่ไทเฮาก็แก่มากแล้ว ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ อันติ้งโหวก็ไม่มีอิทธิพลใดๆ ต่อราชวงศ์ ส่วนพี่ชายคนโตเซี่ยเหยียนก็เป็นคุณชายเจ้าสำอางที่ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เช่นนี้แล้วนางจะอยู่ในสายตาอันสูงส่งของหมิงเฟยได้อย่างไรดังนั้นแม้ว่านางจะไม่ช่วยเซวี่ยจวิ้น แต่ท้ายที่สุดก็จะมีคนอื่นที่ถูกเลือกอยู่ดีชิวหมิ่นขมวดคิ้ว “สร้างค่ายล่วงหน้า นับว่าเป็นกลยุทธ์ชนิดหนึ่ง แต่ข้าไม่ชอบการ
“นี่คือพระชายารองของเจ้า ไม่ใช่ของข้า ดังนั้นเจ้ามีสิทธิเลือกคนที่เจ้าชื่นชอบ มิเช่นนั้นในอนาคตหากเบาะแว้งกันขึ้นมาจะหาว่าเป็นเพราะข้าเอาได้”หมิงเฟยวางถ้วยน้ำชาลงแล้วส่งเสียงหึๆ ออกมาเบาๆ เซียวเย่หลันมองไปทางไหนก็ไม่รู้สึกถูกใจสักน้อยยามที่เขาใช้สายตาเย็นชามองไปทางสตรีทั้งหลาย พวกนางล้วนตกใจจนก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับเขา“เอาละ มานั่งเถิด” หมิงเฟยกวักมือเรียก “พวกนางล้วนเป็นกุลสตรีผู้บอบบาง เจ้าอย่าได้ทำให้พวกนางตกอกตกใจ”เซียวเย่หลันเดินไปนั่งลงแล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าลูกไม่รู้ ในใจเสด็จแม่คิดเช่นไรอยู่”“งั้นหรือ? เจ้าลองว่ามาสิว่าข้าคิดเช่นไร”“หากเป็นตามปกติแล้วนั้น เสด็จพ่อคงให้ลูกแต่งกับบุตรสาวบ้านรองในตระกูลโหวเจวี๋ยทั่วไป แต่บัดนี้เสด็จแม่อาศัยช่วงที่เสด็จพ่อรู้สึกปิดต้องการชดใช้ต่อลูก จึงคัดเลือกบุตรสาวจากตระกูลชั้นสูงเหล่านี้มา”แม้พระเอกจะไม่เข้าใจสตรีนัก แต่เพียงแค่เขาชายตามองไป ก็รู้ได้ถึงตัวตนของพวกนางทั้งหลายเขาเผยอมุมปากเรียวบางยิ้มขึ้น “ไม่คิดบ้างหรือว่าคนเหล่านี้ท่านควบคุมนางได้หรือไม่”“ควบคุมได้หรือไม่เป็นเรื่องของเจ้า หาใช่เรื่องของข้า”
“ข้า...”เซวี่ยจวิ้นปริปากด้วยความลนลาน ไม่กล้าเอ่ยวาจาพระชายาสอนผิดงั้นหรือ?ไม่น่าจะใช่ หากเซี่ยเชียนฮวันสอนผิด จ้านอ๋องมองเห็นนางท่ามกลางฝูงคนได้อย่างไร และยังให้นางขึ้นมาด้านหน้าสายตาของเซียวเย่หลันจับจ้องนางไม่ขยับ “ตอบคำถามของข้า”“คือว่า... พระชายาจ้านอ๋องเป็นผู้สอนเพคะ...”เซวี่ยจวิ้นทำได้เพียงตอบตามความจริงนางเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง จะกล้าพูดปดกับจ้านอ๋องได้อย่างไรสีหน้าของเซียวเย่หลันค่อยๆ นิ่งลง เขายกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า ถุงหอมดอกท้อที่เจ้าพกติดตัว ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนสอนเจ้าสินะ”“ท่านอ๋องได้โปรดอภัยให้ด้วยเพคะ!”เซวี่ยจวิ้นตกใจจนล้มพรวดลงไปคุกเข่าที่พื้นนางไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด รู้เพียงว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากำลังโกรธอย่างมาก นางอาจโดนกุดหัวได้ตลอดเวลาขณะนั้นเอง บรรยากาศโดยรอบก็เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งที่ก่อตัว ความดุร้ายแผ่กระจาย น่าสะพรึงยิ่งกว่าในยมโลกเสียอีกหมิงเฟยขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ท่านจะอารมณ์เสียไปทำไมกัน? นางอยากถูกเลือก นางจึงไปให้เด็กคนนั้นสอน นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย แต่กลับอธิบายได้ว่านางใส่ใจท่านมาก”เซ
เซียวเย่หลันเดินตรงมาด้านหน้าเซี่ยเชียนฮวันด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน“เจ้าเคยพบบุตรสาวของมหาดเล็กเซวี่ยงั้นหรือ?”เขาไถ่ถามเซี่ยเชียนฮวันตอบเสียงเรียบ “นางมาเยี่ยมข้า”“กลัวว่าจะอ้างเรื่องมาเยี่ยมไข้ และให้ผลประโยชน์เล็กน้อยแก่เจ้ามากกว่า จากนั้นเจ้าก็ปริปากบอกนางว่าข้าชื่นชอบสิ่งใดบ้าง เพื่อช่วยให้นางถูกเลือก!”เซียวเย่หลันยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สายตาดุร้ายราวต้องการจะชักดาบออกมาฆ่าเซี่ยเชียนฮวัน ในสายตาของผู้หญิงคนนี้ นางหักหลังเขาได้ด้วยวิธีการเช่นนี้นางเห็นเขาเป็นเบี้ยที่สามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายกับผู้อื่นได้เซี่ยเชียนฮวันกลับรู้สึกน่าขัน จึงเงยหน้ามองเขา “เซวี่ยจวิ้นอยากรู้ว่าท่านชื่นชอบสิ่งใด จำเป็นต้องให้ผลประโยชน์เล็กน้อยแก่ข้าด้วยหรือ? นางถามข้า ข้าก็ตอบนาง เพียงเท่านั้นเอง”“เจ้าไม่ได้รับผลประโยชน์จากนางงั้นหรือ?” เซียวเย่หลันประหลาดใจ“แม้ข้าจะอยากหาเงินมาเลี้ยงลูก แต่คงไม่ถึงขั้นที่ต้องตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อ เพื่อรับเอาผลประโยชน์หรอกนะ”เซี่ยเชียนฮวันค่อยๆ เก็บตัวหมากรุกทั้งหมดบนกระดานหมากรุกนางกลัวว่าทันทีที่ผู้ชายคนนี้หัวเสีย ก็จะพลิกกระดานหมากรุกหล่นกระจายถึงเว