“แม่ยุนก็เศร้าโศกมากเช่นกัน เธอไม่มีลูกสาวและลูกที่เธอเลี้ยงมาด้วยความยากลำบากก็จากไปแล้ว”“ใช่ไหมล่ะ? ฉันยังจำเซี่ยสือได้นะ เธอช่างเป็นสาวน้อยที่ฉลาดและมีเหตุผล ทำไมเธอถึงจากไปตั้งแต่ยังเด็กขนาดนี้?”“ชีวิตครอบครัวที่ร่ำรวยก็ไม่ดีเหมือนกันนะ ครั้งล่าสุดที่ฉันเห็นเสี่ยวเซี่ยกลับมา ดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนไป เธอผอมมากจนเหมือนจะถูกลมกระโชกพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อ”“แม่หยุนและเสี่ยวเซี่ยมักจะพูดว่าสามีของเธอเป็นคนดีมาก แต่พวกเขาก็คงหลอกตัวเอง พวกเขาแต่งงานกันมาสามปีแล้วและพวกเขาก็ไม่เคยได้กลับมาด้วยกันกับเสี่ยวเซี่ยเลยสักครั้ง......”ลู่หนานเฉินรู้สึกมีก้อนติดอยู่ในลำคอเมื่อได้ยินสิ่งนี้ในวันนี้ ก็ไม่สามารถรอทั้งแม่หยุนและเซี่ยสือได้ลู่หนานเฉินพิงเก้าอี้ไม้แล้วนอนหลับไปนิดหน่อย หลังจากหลับไปได้สักพักเขาก็ตื่นขึ้นเขาฝันว่าเซี่ยสือตายอีกแล้ว.....เมื่อลืมตาก็มองไปรอบ ๆ ก็เห็นเพียงความเงียบและความมืดที่ไม่มีเซี่ยสือในขณะนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเซี่ยสือจะไม่หวนกลับมาอีกแล้วจากช่วงดึกถึงสิบโมงเช้าเพื่อนบ้านของแม่หยุนถูกนำตัวไปสอบปากคำที่บ้านอิฐของเธอ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดชุ
นอกจากจะทำงาน เขาก็กินนอนอยู่ในบริษัททั้งวันทั้งคืนอีกด้วยแม้แต่ของใช้ส่วนตัวบางส่วนที่ถูกวางไว้ในบ้านของเหลิ่งฉือในช่วงที่เซี่ยสืออาศัยอยู่ที่นั่น ก็ถูกขอให้เสิ่นเจ๋อไปเอากลับมาเสิ่นเจ๋อรู้สึกชัดเจนว่าลู่หนานเฉินเปลี่ยนไปนับตั้งแต่กลับมา ลู่หนานเฉินก็เงียบมากขึ้น ราวกับว่าเขาจมอยู่ในโลกของตัวเองเสิ่นเจ๋ออดไม่ได้ที่จะถามสวี่มู่ "เมื่อเร็วๆนี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่ลู่เหรอ?"สวี่มู่ส่ายหัว "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ"“คุณชายเสิ่นบอกผมหน่อยสิ ประธานลู่ชอบเซี่ยสือจริงๆเหรอ?”เมื่อเสิ่นเจ๋อได้ยินคำถามนี้ก็มีอะไรแปลก ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา"ใครจะไปรู้?"พูดจบเขาก็ขึ้นรถแล้วขอให้คนขับออกรถเมื่อเอนหลังพิงเก้าอี้ เสิ่นเจ๋อก็ขมวดคิ้วถ้าพี่ลู่ชอบเซี่ยสือแล้วทำไมเขาถึงใจร้อนที่จะจัดการบริษัทตระกูลเซี่ยที่เขาซื้อมาเมื่อเร็วๆนี้ด้วยล่ะ?เขาควรจะเข้าใจสิ ว่าบริษัทตระกูลเซี่ยมีความสำคัญต่อเซี่ยสือเพียงใด เพราะนั่นมันเป็นผลมาจากการทำงานหนักของพ่อเซี่ยที่รักเธอมากที่สุด......ถ้าเขาชอบเซี่ยสือจริง ทำไมเขาถึงปล่อยให้สองคนแม่ลูกนั่นหนีไปต่างประเทศเพื่อสร้างปัญหาให้กับตระกูลเซี่ยอีก?เสิ่
เสิ่นเจ๋อเอามือกุมหัวของเขาไว้แล้วตะโกนในทางกลับกัน ผู้ช่วยเขาก็สับสน "คุณชาย เกิดอะไรขึ้นครับ?"เสิ่นเจ๋อกลับมามีสติสัมปชัญญะและมองดูเขา“ผมขอถามคำถามคุณหน่อย หากมีใครสักคนที่ช่วยคุณแต่คุณไม่รู้ มิหนำซ้ำคุณยังคงกลั่นแกล้งเธอเสมอ แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยบอกคุณเลยว่าเธอเคยช่วยคุณมาก่อน ไม่งั้นคุณจะได้ไม่ต้องไปกลั่นแกล้งเธอแบบนี้!”ผู้ช่วยได้ยินก็คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า“มันง่ายมากครับ เหตุผลแรกคือเธออาจคิดว่าผมรู้ว่าใครช่วยผมไว้ แต่เธอไม่ได้ถาม แต่พอเมื่อเห็นผมเธอจึงคิดว่าผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณอย่างไร จึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องบอกผม”“ประการที่สอง บางทีเธออาจไม่ได้คิดว่ามันเป็นความดีอะไรที่ช่วยผมเลย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึง…”และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เลยไม่มีความจำเป็นต้องพูดออกมา......เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ความทุ่มเทของเซี่ยสือที่มีต่อลู่หนานเฉินและทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยถูกเอ่ยถึงด้วยความคิดริเริ่มของเขาเองเธอจึงไม่สนใจเลย......ลำคอของเสิ่นเจ๋อดูเหมือนมีหนามยาวติดอยู่ และเขาก็เจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา— —คฤหาสน์ไห่วานทันทีที่เสิ่นเจ๋อกลั
วันเช็งเม้ง ฝนตกกระหน่ำที่หน้าโรงพยาบาลเซี่ยสือรูปร่างผอมบาง มือที่ผอมแห้งจับรายงานผลการตรวจครรภ์ของโรงพยาบาลเอาไว้ ด้านบนเขียนสี่คำไว้อย่างชัดเจนมาก—ไม่ได้ตั้งครรภ์!“แต่งงานสามปี ไม่ท้องอีกแล้ว?”“ทำไมเธอถึงได้ไร้ประโยชน์แบบนี้? ถ้าเธอยังไม่ท้องอีก จะถูกตระกูลลู่ไล่ออกจากบ้านแล้ว ถึงเวลา ตระกูลเซี่ยของพวกเราจะทำอย่างไร?”แม่เซี่ยสวมรองเท้าส้นสูง สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส นิ้วมือชี้ไปทางเซี่ยสือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวังเซี่ยสือสายตาว่างเปล่า คำพูดทั้งหมดที่จุกอยู่ในใจ สุดท้ายรวมเป็นประโยคเดียว“ขอโทษค่ะ”“แม่ไม่ต้องการคำขอโทษ ต้องการให้เธอมีลูกให้ลู่หนานเฉิน เธอเข้าใจไหม?”เซี่ยสือรู้สึกขมขื่นในลำคอ ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับเธออย่างไรแต่งงานสามปี สามีลู่หนานเฉินไม่เคยแตะต้องตัวเองมาก่อนจะเอาลูกมาจากไหนล่ะ?แม่เซี่ยเห็นท่าทางอ่อนแอไร้ประโยชน์ของเธอ รู้สึกแค่ว่าไม่เหมือนกับตัวเองสักนิดสุดท้าย เธอทิ้งประโยคเย็นชาเอาไว้”ถ้าหากเธอทำไม่ได้จริง ๆ ก็ช่วยหาผู้หญิงที่ด้านนอกให้หนานเฉินเถอะ เขาจะต้องจดจำความดีของเธอไว้แน่นอน”เซี่ยสือมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของแม่เซี่ยอย่างเหม่
“พี่หนานเฉิน หลายปีมานี้พี่ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขแน่เลยใช่ไหม?”“ฉันรู้ว่าพี่ไม่รักเธอ คืนนี้พวกเราเจอหน้ากันหน่อยเถอะค่ะ ฉันคิดถึงพี่มาก”จนกระทั่งหน้าจอดับไป เซี่ยสือก็ยังตกอยู่ในภวังค์อยู่เธอเรียกรถแท็กซี่ ไปยังบริษัทของลู่หนานเฉินระหว่างทาง เซี่ยสือมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนที่ตกปรอย ๆ เหมือนไม่เคยหยุดลงเลยลู่หนานเฉินไม่ชอบให้เซี่ยสือไปบริษัทของเขา ดังนั้นทุกครั้งที่มาหาเขา เซี่ยสือเดินเข้าทางประตูหลังและใช้ลิฟต์ขนของตอนที่สวี่มู่ผู้ช่วยพิเศษของลู่หนานเฉินเห็นเซี่ยสือเดินมา ก็แค่ทักทายเธอด้วยความเย็นชา “คุณเซี่ย”ข้างกายลู่หนานเฉิน ไม่มีคนเห็นเธอเป็นคุณนายลู่เธอมีตัวตนอย่างกับความน่าอับอายที่ให้ผู้คนพบเห็นไม่ได้ในตอนที่ลู่หนานเฉินเห็นเซี่ยสือเอาโทรศัพท์มาส่ง เขาขมวดคิ้วเธอมักจะเป็นแบบนี้ อาหารกลางวันหนึ่งชุด เอกสารหนึ่งชุด เสื้อผ้าหนึ่งชิ้น ร่มหนึ่งคัน ขอแค่เป็นสิ่งที่ตัวเองลืมไว้ก็จะเอามาส่งให้......“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่ต้องมาส่งของให้ฉันโดยเฉพาะ” เซี่ยสือนิ่งอึ้ง“ขอโทษ ฉันลืมไป”ความจำแย่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?อาจเป็นเพราะเห็นข้อความที่
“จนถึงตอนนี้เธออาจไม่เคยสัมผัสรสชาติของความรักมาก่อนสินะ? เธอรู้ไหม ตอนที่หนานเฉินอยู่ด้วยกันกับฉัน ลงมือทำอาหารให้ฉันด้วยตัวเอง ในตอนที่ฉันไม่สบายก็รีบมาอยู่ข้างกายฉันในทันที ประโยคที่อ่อนโยนที่สุดที่เขาเคยพูดก็คือ ซิงเฉิน ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขตลอดไป......”“ตอนเด็ก หนานเฉินเคยบอกรักเธอไหม? เมื่อก่อนเขามักจะพูดกับฉัน แต่ฉันมักรังเกียจที่เขาความคิดเหมือนเด็ก......”เซี่ยสือฟังอยู่เงียบ ๆ นึกย้อนกลับไปช่วงเวลาสามปีนี้ที่ตัวเองอยู่ด้วยกันกับลู่หนานเฉินเธอไม่เคยเข้าครัวเลยสักครั้ง......ตอนที่ตัวเองไม่สบาย เขาก็ไม่เคยแสดงความเป็นห่วงแม้แต่น้อยสำหรับรัก เขาไม่เคยพูดมาก่อนเซี่ยสือมองไปทางเธออย่างนิ่งเฉย “เธอพูดจบแล้วยัง?”หร่วนซิงเฉินนิ่งอึ้งไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซี่ยสือนิ่งเฉยจนเกินไป หรือเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นของเธอใสสะอาดเกินไป เหมือนกับมองทะลุใจคนอย่างไรอย่างนั้นจนกระทั่งเซี่ยสือจากไป เธอก็ยังไม่สามารถหลุดจากภวังค์ได้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในตอนนี้ หร่วนซิงเฉินเหมือนกลับไปเป็นเด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่รับการช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ยคนนั้นเบื้องหลังของคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยของเธอ
ตอนนี้คิดดู เกรงว่าพ่อคงดูออกตั้งนานแล้วว่าลู่หนานเฉินไม่รักตัวเองแต่พ่อยังทำเพื่อความสุขของเธอ เซ็นสัญญากับตระกูลลู่ ให้ตัวเองได้แต่งงานกับลู่หนานเฉินตามใจหวังแต่ใครก็คิดไม่ถึง ทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน พ่อก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ถ้าหากไม่ใช่เพราะพ่อเซี่ยจากไป…….น้องชายกับแม่ก็ไม่มีทางฝ่าฝืนสัญญาแบบนี้หลังจากเซี่ยสือนำเอกสารถ่ายโอนทรัพย์สินมอบให้ทนายเจี่ยงแล้ว ระหว่างทางที่กลับไปก็เห็นโปสเตอร์โฆษณาของหร่วนซิงเฉิงทีละใบ ๆ เข้าพอดีหร่วนซิงเฉินบนโปสเตอร์ โดดเด่นสะดุดตา สดใสและสวยงามขนาดนั้นเธอรู้ว่าตัวเองถึงเวลาปล่อยมือแล้ว ปล่อยลู่หนานเฉินเป็นอิสระ ปล่อยตัวเองเป็นอิสระกลับถึงคฤหาสน์ไต้ชวน หลังจากเซี่ยสือเก็บสัมภาระของตัวเองเสร็จแต่งงานสามปีกว่า สิ่งที่เป็นของเธอก็เพียงพอที่จะใส่ในกระเป๋าเดินทางได้เอกสารการหย่าร้างเธอให้ทนายเจี่ยงเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วแล้วบางทีอยู่ต่อหน้าลู่หนานเฉิน เธอขาดความมั่นใจในตัวเองเกินไป ต่ำต้อยเกินไป และคิดมากเกินไปจริง ๆดังนั้น เธอเข้าใจตั้งนานแล้ว ความรู้สึกของทั้งสองคนต้องเดินไปถึงทางตัน เหตุนี้ได้เตรียมตัวจากไปตั้งนานแ
เซี่ยสือกลับถึงห้องตัวเอง ฝืนกลืนยากำใหญ่ ๆ เข้าไปในท้องเธอยื่นมือออกไปจับหู ปลายนิ้วมือเต็มไปด้วยสีแดงสดคำพูดกำชับของหมอดังขึ้นในหัว “คุณเซี่ย อาการเจ็บป่วยหลายอย่างเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของผู้ป่วย คุณต้องรักษาอารมณ์ให้มั่นคง จะต้องมองโลกในแง่ดี ให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างแข็งขัน”มองโลกในแง่ดี พูดง่ายแต่ทำยากเซี่ยสือพยายามให้ตัวเองไม่คิดถึงคำพูดของลู่หนานเฉิน พิงหมอนแล้วหลับตาลงท้องฟ้าเพิ่งกลายเป็นสีขาว เธอก็ยังไม่ได้หลับไปจริง ๆอาจเป็นเพราะยาออกฤทธิ์แล้ว หูของเธอฟื้นฟูการได้ยินเล็กน้อยมองดูแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เซี่ยสือเหม่อลอยอยู่นาน“ฝนหยุดลงแล้ว”เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้คนคนหนึ่งยอมแพ้ ไม่ได้มีหนึ่งเดียวเป็นเพราะสั่งสมนานวันเข้า ถึงตอนสุดท้ายเหลือเพียงฟางเส้นสุดท้าย ฟางเส้นนั้นอาจจะเป็นคำพูดเย็นชา หรืออาจะเป็นเรื่องที่น้อยนิดจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง……วันนี้ ลู่หนาเฉินไม่ได้ออกจากบ้านเช้าตรู่ เขานั่งอยู่บนโซฟา รอเซี่ยสือมาขอโทษ รอเธอรู้สึกผิดแต่งงานสามปี เซี่ยสือไม่ใช่ว่าไม่เคยงี่เง่าแต่ทุกครั้งหลังจากร้องไห้และโวยวาย ผ่านไปไม่นาน เธอก็จะมาขอโท