Share

บทที่ 3

“จนถึงตอนนี้เธออาจไม่เคยสัมผัสรสชาติของความรักมาก่อนสินะ? เธอรู้ไหม ตอนที่หนานเฉินอยู่ด้วยกันกับฉัน ลงมือทำอาหารให้ฉันด้วยตัวเอง ในตอนที่ฉันไม่สบายก็รีบมาอยู่ข้างกายฉันในทันที ประโยคที่อ่อนโยนที่สุดที่เขาเคยพูดก็คือ ซิงเฉิน ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขตลอดไป......”

“ตอนเด็ก หนานเฉินเคยบอกรักเธอไหม? เมื่อก่อนเขามักจะพูดกับฉัน แต่ฉันมักรังเกียจที่เขาความคิดเหมือนเด็ก......”

เซี่ยสือฟังอยู่เงียบ ๆ นึกย้อนกลับไปช่วงเวลาสามปีนี้ที่ตัวเองอยู่ด้วยกันกับลู่หนานเฉิน

เธอไม่เคยเข้าครัวเลยสักครั้ง......

ตอนที่ตัวเองไม่สบาย เขาก็ไม่เคยแสดงความเป็นห่วงแม้แต่น้อย

สำหรับรัก เขาไม่เคยพูดมาก่อน

เซี่ยสือมองไปทางเธออย่างนิ่งเฉย “เธอพูดจบแล้วยัง?”

หร่วนซิงเฉินนิ่งอึ้ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซี่ยสือนิ่งเฉยจนเกินไป หรือเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นของเธอใสสะอาดเกินไป เหมือนกับมองทะลุใจคนอย่างไรอย่างนั้น

จนกระทั่งเซี่ยสือจากไป เธอก็ยังไม่สามารถหลุดจากภวังค์ได้

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในตอนนี้ หร่วนซิงเฉินเหมือนกลับไปเป็นเด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่รับการช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ยคนนั้น

เบื้องหลังของคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยของเธอ มักเป็นตัวตลกอยู่เสมอ

......

เซี่ยสือจะไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของหร่วนซิงเฉินได้อย่างไร?

ผู้ชายที่เธอไล่ตามและชื่นชอบมาสิบสองปี ที่แท้ก็เคยร่าเริงสดใส เหมือนกับเด็กที่เคยชอบคนอื่น

ในหูเริ่มเจ็บปวดอีกครั้ง ตอนที่เซี่ยสือยกมือขึ้นถอดเครื่องช่วยฟังออก ถึงได้พบว่ามีเลือดไหลออกมา

เธอเช็ดเลือดที่อยู่ข้างบนด้วยความเคยชิน จากนั้นวางเครื่องช่วยฟังไว้ข้าง ๆ

นอนไม่หลับ……

เซี่ยสือเปิดโทรศัพท์ออก เปิดไลน์ขึ้นมา

กลับเห็นโพสต์ทามไลน์ที่แท็คเธอหลาย ๆ โพสต์

เมื่อเปิดออกดู ทั้งหมดเป็นรูปภาพที่หย่วนซิงเฉินโพสต์ให้เธอเห็นเพียงคนเดียว

ภาพแรก เป็นรูปคู่ตอนมหาวิทยาลัยของหย่วนซิงเฉินกับลู่หนานเฉิน ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ลู่หนานเฉินหน้าตาอ่อนโยนอย่างมาก

ภาพที่สอง เป็นภาพบันทึกการสนทนาของทั้งสองคน ลู่หนานเฉินพูดอย่างสนิทสนม เสี่ยวเฉิน สุขสันต์วันเกิด ฉันจะทำให้เธอเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดบนโลกนี้”

รูปที่สาม เป็นภาพแผ่นหลังของลู่หนานเฉินกับหร่วนซิงเฉินจับมือกันเดินเล่นบนทะเล……

รูปที่สี่, รูปที่ห้า, รูปที่หก หรือแม้กระทั่งมากกว่านั้น รูปภาพจำนวนนับไม่ถ้วนกดทับจนเซี่ยสือหายใจไม่ออก……

เธอไม่กล้าเลื่อนลงไปดูอีก จึงรีบปิดโทรศัพท์อย่างไว

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เธอคิดว่าควรปล่อยวางแล้ว

วันนี้ เซี่ยสือเขียนประโยคหนึ่งลงบนไดอารี่ส่วนตัวของตัวเอง

—เดิมทีฉันคิดว่าฉันทนรับความมืดมนได้ แต่อันดับแรกคือฉันไม่เคยพบเห็นแสงมาก่อน

วันต่อมา เธอไปเตรียมอาหารเช้าด้วยความเคยชิน

แต่จนผ่านหกโมงเข้าไปแล้ว ตอนที่ลู่หนานเฉินยังไม่กลับมา เซี่ยสือถึงได้พบว่าที่แท้ตัวเองลืมไปว่าเขาบอกว่าต่อไปไม่กลับมากินข้าวเช้าอีกแล้ว

เดิมคิดว่าลู่หนานเฉินไม่กลับมาแล้ว เธอนั่งเศร้าสลดอยู่บนโซฟา และหลับไป

“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องเตรียมอาหารเช้าให้ฉันแล้ว?”

เสียงทุ้มที่หงุดหงิดดังขึ้น

เซี่ยสือถูกทำให้ตกใจตื่น เธอลืมตาขึ้น ก็เห็นลู่หนานเฉินเดินผ่านหน้าไปอย่างหงุดหงิด

เธอพูดขอโทษด้วยจิตใต้สำนึก “ขอโทษ ฉันลืม”

ลืมอีกแล้ว ขอโทษอีกแล้ว……

ลู่หนานเฉินหันมองไปทางเธอ สายตาเย็นชาเป็นพิเศษ

เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในวันนี้ เป็นเสื้อผ้าเรียบง่าย โทนสีเทาอ่อนเหมือนเช่นทุกวัน

ดูเหมือนตัวเองไม่มีเงิน ทำเหมือนปฏิบัติต่อเธออย่างทารุณมาโดยตลอด

“ทำไมเธอไม่ลืมกลับมา? ทำไมไม่ลืมว่าเธอแต่งงานกับฉันแล้ว ไม่ลืมตัวเองไปซะ?”

“ตัดใจไม่ได้สินะ? ตัดใจจากเงินของตระกูลลู่ไม่ได้! ตัดใจจากฉันลู่หนานเฉินเครื่องมือหาเงินคนนี้ไม่ได้!”

คำพูดของเขาเหมือนกับมีดเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงเซี่ยสือโดยตรง

เซี่ยสือก้มหน้าลง “หนานเฉิน ฉันไม่เคยคิดอยากได้เงินของคุณ”

สิ่งที่เธอใส่ใจก็คือตัวตนของลู่หนานเฉินมาโดยตลอด

ลู่หนานเฉินยิ้ม รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“งั้นแม่ของเธอวันนี้ไปที่บริษัทขอร้องไห้ฉันมีลูกกับเธอ มันเรื่องอะไรกัน?”

เซี่ยสืองุนงง

เธอมองไปยังดวงตาดำที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของลู่หนานเฉิน ถึงได้รู้ว่า ที่แท้เขาไม่ได้โกรธเรื่องเมื่อคืน

ลู่หนานเฉินก็ไม่พูดไร้สาระกับเธอ

“เซี่ยสือ ถ้าเธอยังอยากอยู่ที่ตระกูลลู่อีก ไม่อยากให้ตระกูลเซี่ยล้มละลาย ก็ให้แม่ของเธอสงบเสงี่ยมหน่อย”

เขาพูดเสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วไปหยิบของที่ห้องหนังสือ หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วก็ออกไป

…….

ไม่รอเซี่ยสือไปหาแม่เซี่ย

แม่เซี่ยก็มาหาเองถึงที่บ้าน เธอจับมือของเซี่ยสือไว้แล้วพูดด้วยท่าทางอ่อนโยน แตกต่างกับท่าทางเย็นชาในอดีต

“เสี่ยวซือ ลูกไปขอร้องหนานเฉิน ให้เขามีลูกกับเธอเถอะ? ต่อให้ใช้วิธีการทางการแพทย์ก็ตาม”

วิธีทางการแพทย์!

เซี่ยสือมองเธออย่างนิ่งอึ้ง ก็ได้ยินเธอพูดต่อว่า

“หร่วนซิงเฉินบอกแม่แล้ว สามปีมานี้ หนานเฉินไม่เคยแตะต้องลูกเลย”

คำพูดนี้อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่กดทับอูฐจนตายก็ได้

บนโลกนี้ไม่มีความซาบซึ้งตื้นตันใจ มีแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง

เซี่ยสือไม่เข้าใจ ทำไมลู่หนานเฉินถึงบอกเรื่องนี้กับหร่วนซิงเฉิน

บางทีเขาอาจจะรักเธอมากจริง ๆ……

คิดถึงตรงนี้ จู่ ๆ เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

“แม่ ปล่อยมือเถอะ”

แม่เซี่ยนิ่งอึ้ง ขมวดคิ้วแน่น “แกพูดอะไรนะ?”

“หนูเหนื่อยแล้ว หนูอยากหย่ากับลู่หนานเฉิน……”

“เพียะ!”

ยังพูดไม่ทันจบ แม่เซี่ยสะบัดมือไปที่ใบหน้าของเซี่ยสืออย่างแรง

ภาพลักษณ์ของแม่พระหายไปในทันที เธอชี้หน้าเซี่ยสือพูดทีละคำ

“แกมีสิทธิ์อะไรพูดว่าหย่าร้าง? แยกจากตระกูลลู่ แกคิดว่าแกที่เป็นผู้หญิงที่ร่างกายไม่สมบูรณ์แบบและเคยแต่งงานแล้ว จะแต่งงานกับใครได้?!”

“ทำไมฉันถึงมีลูกสาวไร้ประโยชน์อย่างแกนะ! แกไม่เหมือนฉันสักนิด! รู้แต่แรกไม่ควรรับแกกลับมา!”

เซี่ยสือเหมือนกับมึนชา

ตั้งแต่เล็กจนโต แม่เซี่ยไม่ชอบเธอ

แม่เซี่ยเป็นนักเต้นที่มีชื่อเสียง

แต่เซี่ยสือลูกสาวที่เกิดมากลับมีความบกพร่องทางการได้ยิน เป็นปมในใจของเธอตลอดชีวิต

เหตุนี้ เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ยกเซี่ยวซือให้พี่เลี้ยงดูแลโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งช่วงอายุวัยที่ต้องเรียนหนังสือ ถึงจะถูกรับกลับตระกูลเซี่ย

เมื่อก่อนเซี่ยสือเคยได้ยินคุณครูบอกว่า ไม่มีแม่รังเกียจลูกของตัวเอง

ดังนั้นเธอพยายามทำให้ตัวเองเปลี่ยนไปดีเลิศ พยายามเอาอกเอาใจแม่

ต่อให้การได้ยินอ่อนแอ แต่เธอเต้นรำ, ดนตรี, ภาพเขียนหนังสือศิลปะ, ภาษาและอื่น ๆ ต่างมีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆ

แต่จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจ ไม่ว่าเธอทำดีแค่ไหน สำหรับแม่เซี่ยแล้วก็ไม่ใช่ลูกสาวคนดีในใจของเธอ

ก็เหมือนกับที่แม่เซี่ยพูดไว้ เธอเป็นคนที่ร่างกายไม่สมบูรณ์แบบ

ไม่เพียงร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบ ยังมีครอบครัว ความรัก……

หลังจากแม่เซี่ยกลับไป

เซี่ยสือใช้รองพื้นปกปิดรอยฝ่ามือแดงก่ำบนใบหน้า ฉันนั่งรถไปที่สำนักงานกฎหมายเพียงลำพัง

ในห้องทำงาน

เจี่ยงหมิงเช่อที่ปรึกษากฎหมายของพ่อเซี่ยในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่รับจดหมายมอบอำนาจจากเธอ หลังจากเปิดดูจนเสร็จ ก็มองไปทางเธออย่างงุนงง

“คุณจะมอบมรดกที่คุณเซี่ยแอบเก็บไว้ให้คุณเอาให้ลู่หนานเฉินจริง ๆ เหรอ? คุณน่าจะรู้ดี เขาไม่ขาดแคลนเงินแค่นี้”

เซี่ยสือพยักหน้า

“ฉันรู้ แต่นี่เป็นสิ่งที่ฉันติดค้างเขา จำเป็นต้องชดใช้”

สามปีก่อน พ่อเซี่ยเสียชีวิตกะทันหัน

ช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้สามฉบับตั้งนานแล้ว รู้ว่าแม่เซี่ยไม่รักใคร่เอ็นดูลูกสาว จึงให้ทนายเจี่ยงแอบบอกพินัยกรรมชุดหนึ่งให้กับเซี่ยสือ

พินัยกรรมชุดสุดท้าย เขียนเอาไว้ว่าหลังจากเซี่ยสือแต่งงานสามปี ถ้าหากรู้สึกว่าไม่มีความสุข หรืออยากจะมีธุรกิจของตัวเอง ใช้ได้ต่อเมื่อไม่พึ่งพาคนอื่น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status