เซี่ยสือรู้สึกว่าหูด้านขวา เหมือนมีเลือดสดไหลออกมาเธอแข็งทื่อเธออยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนแม่เซี่ยมองดูลูกสาวที่อ่อนแอ และไร้ประโยชน์ขนาดนี้ รู้สึกเศร้าแทนตัวเองเธอหยิบเอกสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะน้ำชา ยื่นไปตรงหน้าเซี่ยสือ“ตั้งใจดูให้ดี ๆ ”“แม่เลือกทางหนีทีไล่ให้แก”เซี่ยสือรับเอกสารมา เห็นเพียงแค่สัญญาก่อนแต่งงานห้าคำใหญ่ ๆ ที่ด้านบนเมื่อเปิดออกดู“……คุณเซี่ยสือยินยอมแต่งงานเป็นภรรยาของคุณหลี่หลง ดูแลเขาจนแก่เฒ่าไม่แยกจาก……”“……คุณหลี่หลงควรปกป้องครอบครัวของคุณเซี่ยสือ นั่นก็คือการใช้ชีวิตของตระกูลเซี่ยในอนาคต และมอบเงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทให้แก่ตระกูลเซี่ย……”หลี่หลง ผู้ประกอบการรุ่นเก่าเมืองเถาโจว ตอนนี้อายุเจ็ดสิบแปดปีเส้นในสมองของเซี่ยสือตึงเครียดก็ได้ยินแม่เซี่ยพูดต่อ “ประธานหลี่พูดแล้ว เขาไม่รังเกียจที่แกเคยแต่งงานมาก่อน เพียงแค่แกแต่งงานกับเขา เขาจะช่วยตระกูลเซี่ยตั้งตัวขึ้นมาใหม่”แม่เซี่ยมองดูเซี่ยสืออย่างรอคอย เดินเข้ามา วางมือบนไหล่ของเธอ“ลูกสาวคนดี ลูกคงไม่ทำให้แม่กับน้องชายผิดหวัง ใช่ไหม?”เซี่ยสือหน้าซีดยิ่งกว่าเดิมเธอกำสัญญาในมือเอาไว้แน่น “หนูกับ
มองดูรอบด้าน รู้สึกแปลกตาเป็นพิเศษเธอลืมทางที่จะกลับไปอีกแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา อยากจะใช้จีพีเอสกลับไป แต่ผ่านไปเป็นเวลานานถึงนึกชื่อที่พักขึ้นมาได้เหลิ่งฉือตามเธอมาอยู่ตลอด เห็นเมื่อครู่ลู่หนานเฉินกลับไปได้ไม่นาน เซี่ยสือยืนอยู่ที่เดิม จึงอดเป็นห่วงไม่ได้“เซี่ยสือ”เซี่ยสือคิดว่าลู่หนานเฉินกลับมาอีกในดวงตามีความหวังแวบผ่าน แต่ในตอนที่หันหลัง กลับถูกแทนที่ด้วยความผิดหวังเหลิ่งฉือเดินไปทางเธอ “จำฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”เซี่ยสือมองดูเขา คิดไม่ออกว่าเขาคือใคร“เจ้าอ้วน ลืมแล้วเหรอ?” เหลิ่งฉือพูดเตือนเซี่ยสือถึงนึกขึ้นได้ ตอนเด็กอยู่ที่ชนบทกับแม่หยุน รู้จักกับเจ้าอ้วนเพื่อนสนิทตอนนั้นเหลิ่งฉืออ้วนมาก แถมยังสูงไม่เท่าเธอ แต่ตอนนี้ร่างสูงใหญ่หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ใบหน้าก็ขยับขยายแล้ว“นึกออกแล้ว นายเปลี่ยนไปเยอะมาก ฉันจำนายไม่ได้เลย”ได้เจอเพื่อนเก่าที่ต่างถิ่น ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีหญิงสาวฝืนยิ้มบาง ๆ ทำให้เหลิ่งฉือรู้สึกไม่ค่อยดี“ไป ฉันไปส่งเธอกลับบ้าน”ตอนที่ส่งเซี่ยสือกลับไป เขาเพิ่งพบว่าเธอพักอยู่ในโรงแรมที่ทรุดโทรมอย่างมากตระกูลลู่ที่เป็นตระกูลใหญ่โตร่ำร
แต่เซี่ยสือพิสูจน์แล้ว บกพร่องทางการได้ยินก็เล่นเปียโนได้ เต้นรำ ร้องเพลง เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าคนทั่วไปรายงานข่าวพวกนี้ก็เหมือนกับแสงสว่าง ประคับประคองเหลิ่งฉือให้ลุกขึ้นช้า ๆฟังเหลิ่งฉือนับช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของตัวเองอย่างละเอียด เซี่ยสือเองแทบจะลืมไปแล้วรอให้เหลิ่งฉือพาเธอไปส่งถึงที่พักเซี่ยสือยิ้มพูดกับเขา “ขอบคุณนายนะ ฉันเกือบจะลืมตัวเองในอดีตไปแล้ว”เหลิ่งฉือทานข้าวเป็นเพื่อนเธออีกวันหนึ่งผ่านไป เขาเอาใจใส่ไม่ได้ถามเซี่ยสือเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแต่งงานหลังจากพักที่นี่เซี่ยสือมองดูวันเวลา ระยะเวลาจากวันที่ 15 พฤษภาคมที่ไปหย่าร้าง มีเวลาอีกแค่สิบกว่าวันนึกถึงเรื่องที่รับปากแม่เช้าวันหนึ่งเธอไปที่สุสานไปที่หลุมศพของพ่อก่อน มองดูพ่อที่ใจดีที่อยู่บนรูปภาพ เซี่ยสือคอแหบแห้ง“พ่อ หนูคิดถึงพ่อมาก”สายลมอ่อน ๆ พัดแก้มของเซี่ยสือเธอรู้สึกแสบปลายจมูกขึ้นมา “พ่อ ถ้าหากหนูมาเจอพ่อ พ่อจะต้องโกรธหนูใช่ไหม?”เธอยื่นมือออกไปหยิบใบไม้ที่อยู่บนหลุมศพออกทีละใบ “หนูก็รู้ว่าหนูควรเข้มแข็ง แต่ว่า……ขอโทษนะคะ……”ยืนอยู่หน้าหลุมศพนานมาก เซี่ยสือถึงกลับไปตอนที่เธอกลับไป ก็ไปซ
หลังจากหร่วนซิงเฉินเข้าร่วมการสัมภาษณ์ก็ไปหาแม่เซี่ยถึงได้รู้ว่า แม่เซี่ยกับน้องชายของเซี่ยสือ เตรียมจะให้เซี่ยสือแต่งงานกับชายชรา เพื่อเงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทเห็นลู่หนานเฉินไม่ตอบกลับอยู่นาน หร่วนซิงเฉินก็พูดใส่ไฟ“ฉันได้ยินแม่เซี่ยพูดว่า เซี่ยสือเสนอเงินค่าสินสอดหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาท คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้…….”“แถมยังพูดว่า พวกคุณยังไม่ผ่านช่วงสงบจิตใจ ไม่สะดวกแต่งงาน จึงจัดการงานแต่งงานก่อน”......เซี่ยสือไม่รู้ว่า แม่กับน้องชายยังคงเตรียมงานแต่งงานให้เธออยู่ ไม่ได้เห็นคำพูดของเธอเป็นเรื่องจริงแม่เซี่ยคิดว่าเธอไม่กล้าตาย และก็ไม่มีทางตายเพราะว่าตั้งแต่เล็กเธอได้รับความทุกข์ทรมานมามากเกินไป ก็ไม่ได้เลือกที่จะจากไปครั้งนี้ก็เหมือนกันเซี่ยมู่น้องชายกลับให้ประธานหลี่โอนค่าสินสอดหนึ่งพันห้าร้อยล้านมาตั้งนานแล้ว จากนั้นเริ่มตั้งบริษัทใหม่ เขาไม่รู้สึกละอายใจและติดค้างเซี่ยสือแม้แต่น้อยจนกระทั่งวันนี้ เซี่ยสือได้รับข้อความที่แม่เซี่ยส่งมา “ประธานหลี่เลือกวันเอาไว้แล้ว เป็นวันที่ 15 เดือนนี้พอดี”“อีกสี่วัน แกเตรียมแต่งงานเข้ามา ครั้งนี้จะต้องกุมหัวใจขอ
โทรศัพท์ร่วงตกจากในมือของเซี่ยสือน้ำฝนเปียกปอนโทรศัพท์ หน้าจอค่อย ๆ มืดลงเซี่ยสือพิงเข้ากับหลุมศพของพ่อ กอดหุ่นไม้เอาไว้แน่น เผชิญกับฝนอันหนาวเย็น เหมือนเห็นพ่อเดินมาหาตัวเองด้วยใบหน้าที่ใจดี—คนที่มีความรู้สึกลึกซึ้งจะเป็นคนมีอุดมการณ์ คนที่ใจดำเป็นคนที่มองความเป็นจริง ไม่ว่าแบบไหน จนถึงตอนสุดท้ายก็จะมีความเสียดาย......คฤหาสน์ไต้ชวนลู่หนานเฉินมองดูโทรศัพท์ที่ตัดสายไป ในใจเกิดความร้อนลนเขากดโทรกลับไป ในโทรศัพท์มีเสียงคอลเซ็นเตอร์ที่เย็นชาดังขึ้น “ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง……”ลู่หนานเฉินลุกขึ้น หลังจากหยิบเสื้อคลุมแล้วสวมใส กำลังจะออกไปตอนที่เดินถึงประตูก็หยุดชะงักเซี่ยสือจะต้องทำเป็นเรียกร้องความสนใจแน่นอน!ทั้งสองคนจะหย่ากันแล้ว เธอทำอะไร เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย?กลับถึงห้องนอน ไม่รู้ว่าทำไม ทำอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับคำพูดเหล่านั้นที่เซี่ยสือพูดมา ดังก้องอยู่ในหัวของเขาอยู่ตลอด“ถ้าหาก……ฉันรู้เรื่องที่แม่กับน้องชายของฉันทำ ฉันต้อง……ต้องไม่เลือกแต่งงานกับคุณแน่นอน……”“ยังมีอีกถ้าหากฉันรู้…….ในใจขอบคุณชอบหร่วนซิ
จดหมายลาตายอีกฉบับหนึ่งเป็นของแม่หยุนหลังจากที่เขาเปิดและอ่านมันจนจบ เขาก็พบที่อยู่ของแม่หยุนในบรรทัดสุดท้ายเหลิ่งฉือจึงรีบวิ่งออกไปจุดหมายอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถึงชานเมืองทางตะวันตกขับรถเพียงประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้นแต่เหลิ่งฉือกลับรู้สึกว่ามันช่างห่างไกลเสียเหลือเกินเขาไม่เข้าใจว่าคนที่เคยสดใสและเปล่งประกายในดวงตาของเขาทำไมถึงเลือกใช้เส้นทางนี้กันนะในเวลาเดียวกัน แม่เซี่ยก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปยังชานเมืองทางตะวันตกเหมือนเขาแต่แม่เซี่ยมารับเซี่ยสือเพื่อแต่งงานด้วยเงินหนึ่งพันห้าร้อยล้าน......ณ.สุสานชานเมืองทางตะวันตก ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักเซี่ยสือล้มลงที่หน้าหลุมศพนั้น ฝนที่ตกหนักพัดใส่ร่างของเธออย่างไร้ความปราณี กระโปรงยาวบนร่างของเธอเปียกโชกไปหมด ร่างของเธอนั้นเย็นเฉียบ และเธอก็กำลังจะตายจากโลกใบนี้ไปแล้วเหลิ่งฉือวิ่งฝ่าสายฝนและรีบตรงเข้าไปหาเซี่ยสือ"เซี่ยสือ!!"มีเพียงเสียงลมและฝนในอากาศ และเหลิ่งฉือก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ก่อนที่เขาจะเข้าไปกอดร่างของเซี่ยสือ แล้วก็ได้พบกับขวดยาเปล่าข้าง ๆ เธอเหลิ่งฉือกอดเซี่ยสือขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทาเธอตัวเบาขนาดนี้ได้ยังไงก
"ได้ครับ" เซี่ยมู่เดินตรงเข้าไปหาเหลิ่งฉือและกำลังจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงตัวเซี่ยสือมาแต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เขายื่นมือออกไป หน้าแข้งอันทรงพลังก็โจมตีเขา และแน่นอนว่าเขาถูกเหลิ่งฉือเตะจนกองลงไปกับพื้น“ปัง!” ด้วยเสียงอันดังเซี่ยมู่ล้มลงไปประมาณ 10 ฟุต แรงกระแทกทำให้เขาเจ็บปวดจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้แม่เซี่ยก็รีบไปช่วยลูกชายของเธอ และจ้องมองไปที่เหลิ่งฉือ"แกกล้าดียังไงมาเตะลูกของฉัน!!"เหลิ่งฉือกอดเซี่ยสือไว้ ดวงตาสีพีชของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาฝนตกลงมาทีละน้อยและได้ไหลไปตามปลายผมของเขาเมื่อเขาเดินเข้ามาหาแม่และลูกคู่นั้น ก็ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาพูดทีละคำว่า“อยากตายเหรอ?”เซี่ยมู่และแม่เซี่ยต่างหวาดกลัวกับชายตรงหน้า และพวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรเลยอยู่พักหนึ่งก่อนที่เหลิ่งฉือจะอุ้มเซี่ยสือแล้วเดินจากไป เขาก็ไม่ลืมที่จะเตือนแม่เซี่ย“เซี่ยสือบอกว่าเธอทิ้งบันทึกเสียงเอาไว้ ในบันทึกเสียงคุณสัญญากับเธอว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกต่อไป คุณคงจะไม่ลืมมันใช่ไหม”เซี่ยสือไม่อยากเป็นลูกสาวของเธออีกต่อไป......เซี่ยสือรู้ว่าการบันทึกนั้นไม่มีผลทางกฎหมาย และจะไม่ตัดสิน
ลู่หนานเฉินนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขาสลดลง แต่ก็ไม่ได้ที่จะโต้ตอบอะไรไปมันเป็นเพราะการปล่อยปะละเลยของเขา ที่ทำให้ทั้งเพื่อนของเขาเสิ่นเจ๋อหรือแม่ของเขากู้หย่าหรือผู้ช่วยของเขาสวี่มู่ หรือแม้แต่คนรับใช้ในบ้านหลังเก่าปฏิบัติไม่ดีต่อเซี่ยสือในฐานะมนุษย์หลังจากที่เสิ่นเจ๋อได้รับสายโทรศัพท์และรีบเดินออกไปลู่หนานเฉินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและก็ไม่เห็นสายจากเซี่ยสือเลยลู่หนานเฉินโทรไป แต่ยังกลับมีเสียงของผู้หญิงที่ดูเย็นชาอยู่ปลายสาย"ขออภัย หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาโทรใหม่อีกครั้งในภายหลัง......"เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้วยความหงุดหงิดลู่หนานเฉินยืนขึ้นที่หน้าต่างแล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวนคำพูดของเซี่ยสือในตอนเช้ายังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา เธอบอกว่าเธอเสียใจ......คอของลู่หนานเฉินรู้สึกขมขื่นอย่างบอกถูก เขาไอขึ้นสองครั้งและทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งท้างหลังเขา“พี่ลู่ เลิกสูบบุหรี่เถอะค่ะ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”หัวใจของลู่หนานเฉินนั้นตึงเครียด เพราะคิดไปโดยไม่รู้ตัวว่าว่าเซี่ยสือนั้นกลับมาแต่เมื่อเขาหันกลับไปดู เขาก็เห็นว่าเป็นหร่วนซิ