Share

บทที่ 13

แต่เซี่ยสือพิสูจน์แล้ว บกพร่องทางการได้ยินก็เล่นเปียโนได้ เต้นรำ ร้องเพลง เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าคนทั่วไป

รายงานข่าวพวกนี้ก็เหมือนกับแสงสว่าง ประคับประคองเหลิ่งฉือให้ลุกขึ้นช้า ๆ

ฟังเหลิ่งฉือนับช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของตัวเองอย่างละเอียด เซี่ยสือเองแทบจะลืมไปแล้ว

รอให้เหลิ่งฉือพาเธอไปส่งถึงที่พัก

เซี่ยสือยิ้มพูดกับเขา “ขอบคุณนายนะ ฉันเกือบจะลืมตัวเองในอดีตไปแล้ว”

เหลิ่งฉือทานข้าวเป็นเพื่อนเธออีก

วันหนึ่งผ่านไป เขาเอาใจใส่ไม่ได้ถามเซี่ยสือเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแต่งงาน

หลังจากพักที่นี่

เซี่ยสือมองดูวันเวลา ระยะเวลาจากวันที่ 15 พฤษภาคมที่ไปหย่าร้าง มีเวลาอีกแค่สิบกว่าวัน

นึกถึงเรื่องที่รับปากแม่

เช้าวันหนึ่งเธอไปที่สุสาน

ไปที่หลุมศพของพ่อก่อน มองดูพ่อที่ใจดีที่อยู่บนรูปภาพ เซี่ยสือคอแหบแห้ง

“พ่อ หนูคิดถึงพ่อมาก”

สายลมอ่อน ๆ พัดแก้มของเซี่ยสือ

เธอรู้สึกแสบปลายจมูกขึ้นมา “พ่อ ถ้าหากหนูมาเจอพ่อ พ่อจะต้องโกรธหนูใช่ไหม?”

เธอยื่นมือออกไปหยิบใบไม้ที่อยู่บนหลุมศพออกทีละใบ

“หนูก็รู้ว่าหนูควรเข้มแข็ง แต่ว่า……ขอโทษนะคะ……”

ยืนอยู่หน้าหลุมศพนานมาก เซี่ยสือถึงกลับไป

ตอนที่เธอกลับไป ก็ไปซื้อโกศใส่ขี้เถ้ากระดูก

จากนั้น ไปร้านถ่ายรูป ภายใต้สายตาแปลกประหลาดของพนักงาน ถ่ายรูปขาวดำหนึ่งใบ

ทำทุกอย่างเสร็จ ระหว่างทางที่กลับไป

เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มีสายโทรเข้ามา

แม่หยุน

“เสี่ยวซือ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เซี่ยสือได้ยินเสียงอ่อนโยนของแม่หยุน ฝืนยิ้มออกมา “ก็ดีค่ะ”

แม่หยุนโล่งอก จากนั้นก็ตำหนิเธออีก “ใครให้หนูแอบยัดเงินให้ฉัน? เงินก้อนนั้น ฉันไม่ได้ใช้ เก็บเอาไว้ให้หนู ต่อไปหนูอยากทำธุรกิจ อะไร……”

หลายปีมานี้ เซี่ยสือมักจะแอบเอาเงินให้เธอ

เธอคนบ้านนอก ไม่ต้องใช้เงินอะไรด้วยซ้ำ เงินทุกก้อนเก็บเอาไว้ทั้งหมด

ฟังเสียงบ่นอย่างเป็นห่วงของแม่หยุนที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์ เซี่ยสือน้ำตาไหลเต็มหน้าโดยไม่รู้ตัว

“แม่หยุน แม่ทำเหมือนกับตอนเด็ก รับหนูกลับบ้านได้ไหม?”

แม่หยุนงุนงง

เซี่ยสือพูดอีก “วันที่ 15 หนูอยากให้แม่รับหนูกลับบ้านของเรา”

แม่หยุนไม่รู้ว่าทำไมต้องรอถึงวันที่ 15

“ได้ วันที่ 15 แม่หยุนมารับหนูกลับบ้าน”

ช่วงนี้ โรงพยาบาลส่งข้อความหาเซี่ยสือให้เธอไปตรวจซ้ำ แต่ถูกเธอปฏิเสธไปอย่างมีมารยาท

อย่างไรก็ตัดสินใจจากไปแล้ว เธอไม่อยากเปลืองเงินรักษา

เซี่ยสือดูบัญชีของตัวเอง ยังเหลือเงินอีกห้าแสนกว่าบาท รอเธอจากไป เอาเงินเหล่านี้ไว้ให้แม่หยุนใช้ชีวิตวัยเกษียณ

ช่วงหลายวันนี้ ฝนของเมืองเถาโจวตกอยู่ตลอด

เหลิ่งฉือมักมาเยี่ยมธอ

เห็นเธอนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียงเป็นประจำ

เขาพบว่าอาการบกพร่องทางการได้ยินของเซี่ยสือแย่ลงกว่าเดิม หลาย ๆ ครั้ง ตัวเองมาเคาะประตู เธอไม่ได้ยิน

บางครั้งสนทนาด้วย เธอต้องจ้องปากของตัวเอง ถึงจะดูออกว่าตัวเองพูดว่าอะไร

“เสี่ยวซือ ฉันได้ยินว่าอีกสองวัน ริมแม่น้ำจะจุดดอกไม้ไฟ ไปดูกันไหม?”

เซี่ยสือนิ่งอึ้งอยู่นาน ถึงหลุดจากภวังค์

“ได้สิ”

เถาโจวมีประเพณี ทุกวันเสาร์ ริมแม่น้ำจะมีการจุดดอกไม้ไฟ

ต่างพูดว่าคู่รักมาเถาโจว เพียงแค่ดูดอกไม้ไฟของที่นี่ด้วยกัน ก็จะไม่เลิกกัน

หลังแต่งงาน เวี่ยซือก็เคยนัดลู่หนานเฉิน แต่ถูกเขาปฏิเสธอย่างเย็นชา

เทียบกับคนต่างเมือง พวกเขามีโอกาสมากมายไปดูดอกไม้ไฟ แต่ไม่เคยเห็นสักครั้ง

......

วันเสาร์

ทั้งสองคนไปดูดอกไม้ไฟตอนสองทุ่มตรงเวลา

“ปัง—!”

ดอกไม้ไฟที่แวววับกระจายทั่วท้องฟ้า ความงามนั้นหายวับไป

เซี่ยสือเงยหน้ามองท้องฟ้า ในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยนำ้ตาแวววับ

“เหลิ่งฉือ ขอบคุณนายนะ วันนี้ฉันมีความสุขเป็นพิเศษเลย”

เหลิ่งฉือมองดูเซี่ยสือที่รูปร่างผอมเพรียวบอบบาง ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะมีรอยยิ้ม แต่กลับรู้สึกว่าเธอไม่มีความสุขสักนิด

“อืม ปีนี้ฉันอยู่ที่เถาโจวพอดี ต่อไปทุกสัปดาห์พวกเรามาดูดอกไม้ไฟด้วยกันได้

เซี่ยสือไม่ได้รับปากเขา

เพราะเธอรู้ว่า เธอทำไม่ได้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกอย่างสิ้นสุด

ปฏิเสธเหลิ่งฉือไปส่งตัวเอง เธออยากเดินเรียบริมแม่น้ำกลับไปคนเดียว

วันนี้ บนถนนคนเยอะมาก

ท่ามกลางผู้คนมากมาย เซี่ยสือเหมือนกับเห็นลู่หนานเฉิน

แต่รอให้เดินเข้าไปใกล้ ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยปรากฏในดวงตา เซี่ยสือถึงได้รู้ในภายหลังว่าตัวเองจำผิดคนแล้ว

ตั้งแต่แยกกัน หลายครั้งเดินอยู่บนถนน เจอคนที่คล้ายคลึงกับลู่หนานเฉิน เธอก็เข้าใจผิดว่าคนอื่นเป็นเขา

ตอนที่มาถึงสี่แยก รอไฟเขียว

บนหน้าจอใหญ่ฝั่งตรงข้าม ข่าวบันเทิงกำลังถ่ายทอดอยู่ คนที่รับการสัมภาษณ์ก็คือหร่วนซิงเฉิน

นักข่าวถาม “ซิงเฉิน คุณบอกว่าครั้งนี้คุณกลับมาจะตามจีบรักแรก ไม่ทราบว่าคุณสมหวังแล้วยัง?”

เผชิญหน้ากับกล้อง หร่วนซิงเฉินไม่ได้ยอมรับ และก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่พูดว่า

“คืนนี้ตอนสองทุ่ม ฉันกับเขาไปดูดอกไม้ไฟของเถาโจวด้วยกัน”

นี่เป็นการประกาศความรักอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนที่เดินผ่านทางม้าลายเส้นนี้ โทรทัศน์เล่นบทเพลงหนึ่งเพื่อหร่วนซิงเฉินในเวลาาที่เหมาะสม

—“รักตลอดชีวิต

รักตลอดชีวิต……

ตลอดชีวิตของเซี่ยสือชอบแค่ลู่หนานเฉิน

ชอบเขาได้อย่างไร?

เซี่ยสือนึกย้อนกลับไป เหมือนว่าจะเป็นบ่ายวันหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน เธอกลับตระกูลเซี่ยตามลำพัง เห็นลู่หนานเฉินที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ข้างบ้านพอดี

และก็เหมือนว่าจะเป็นตอนเรียนหนังสือ เธอถูกคนรังแก ลู่หนานเฉินเหมือนเทพเจ้าลงมาช่วยเธอกู้หน้า

และก็เหมือนว่า ในอดีตพ่อแม่ตระกูลลู่กับคุณพ่อล้อเธอกับลู่หนานเฉินเล่น บอกว่าโตไป จะให้เธอแต่งงานกับลู่หนนเฉิน……

มากมายหลายเหตุผล จนถึงตอนนี้ เซี่ยสือก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำไมถึงชอบลู่หนานเฉิน

......

อีกด้านหนึ่ง

ลู่หนานเฉินไม่ได้ดูข่าว

เพิ่งทำงานเสร็จ ก็ดูโทรศัพท์อย่างเคยชิน ไม่เห็นข้อความของเซี่ยสือ ดวงตาเคร่งขรึม

จากนั้นก็ปิดโทรศัพท์ลงอีกแล้วโยนไปด้านข้าง

สวี่มู่ผู้ช่วยพิเศษเคาะประตูแล้วเข้ามา

“ประธานลู่ สืบออกมาแล้ว ผู้ชายคนนั้นชื่อเหลิ่งฉือ เหมือนว่าเป็นเพื่อนที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของเซี่ยสือ”

ไม่ว่าในความทรงจำของลู่หนานเฉิน หรือในรายงานของสื่อในอดีต

เพื่อนที่เล่นมาตั้งแต่เด็กของเซี่ยสือ เป็นลู่หนานเฉินมาโดยตลอด

ผู้ช่วยบอกเขา เหลิ่งฉือคือคนที่เซี่ยสือรู้จักตอนที่ถูกเลี้ยงที่ชนบท

ดังนั้นพูดว่า เซี่ยสือรู้จักเขา เร็วกว่าที่รู้จักตัวเอง

ลู่หนานเฉินนึกย้อนกลับไปถึงผู้ชายที่หน้าตาชั่วร้ายดวงตาเหมือนดอกพีช ก็ขมวดคิ้วแน่น

“ประธานลู่ คุณชายเสิ่นยังรอคุณอยู่ที่ด้านนอก”

ลู่หนานเฉินได้ยินแบบนี้ก็ออกคำสั่ง “บอกเขา วันนี้ฉันมีธุระ”

ผู้ช่วยประหลาดใจ

หลายวันมานี้ หลังเลิกงานประธานลู่ก็ไปเที่ยวเล่นกับเสิ่นเจ๋อและลูกหลานตระกูลเศรษฐี วันนี้ทำไมถึงเปลี่ยนไปแล้ว?

ลู่หนานเฉินนั่งลิฟต์พิเศษของประธาน ไปยังโรงจอดรถใต้ดิน จากนั้นขับรถไปยังโรงแรมที่เซี่ยสือพักอยู่

แต่เมื่อไปถึง พบว่าเซี่ยสือย้ายออกไปหลายวันแล้ว

จู่ ๆ ลู่หนานเฉินรู้สึกหงุดหงิดมาก เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดสมุดรายชื่ออยู่หลายรอบ

ในตอนที่จะตัดสินใจโทรหาเซี่ยสือ ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา สายของหร่วนซิงเฉิน

“เรื่องอะไร?”

“หนานเฉิน ฉันได้ยินแม่เซี่ยพูดว่าเซี่ยสือเตรียมจะแต่งงานแล้ว”

ลู่หนานเฉินดวงตาดำเคร่งขรึม

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status