Share

บทที่ 7

ปกติต่อให้ไม่ใส่เครื่องช่วยฟัง เธอก็ยังได้ยินเสียงเบา ๆ

เซี่ยสือใช้มือคลำหาแล้วลุกขึ้น หยิบยาที่อยู่ตรงโต๊ะข้างเตียง อมไว้ในปาก ทั้งขมทั้งฝาด

เมื่อวานออกจากคฤหาสน์ไต้ชวนที่อยู่มาสามปี

เธอกลับบ้านก่อน

แต่ทว่าตอนที่เพิ่งถึงหน้าบ้าน ก็ได้ยินบทสนทนาของแม่กับเซี่ยมู่น้องชาย

“ตอนนั้นทำไมฉันถึงเกิดลูกสาวไร้ประโยชน์แบบนี้มานะ สามปีแล้ว ลู่หนานเฉินกลับไม่เคยแตะต้องเธอ!”

“จนถึงตอนนี้เธอยังไม่นับว่าเป็นผู้หญิงที่แท้จริงด้วยซ้ำ ยังอยากจะหย่าร้าง”

คำพูดโมโหของแม่เซี่ย เหมือนกับปลายมีดทิ่มแทงใจของเซี่ยสือ

เธอไม่เข้าใจ ในสายตาของแม่ แบบไหนถึงจะนับว่าเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบ?

ถูกสามีรักใคร่เอ็นดู? หรือว่ามีลูก?

คำพูดของเซี่ยมู่น้องชายแย่ยิ่งกว่า

“พี่สาวไม่เหมือนคนของตระกูลเซี่ยของเรา ผมได้ยินคนข้างนอกพูดว่า รักแรกของลู่หนานเฉินกลับมาแล้ว ต่อให้เธอไม่หย่าร้าง ก็ต้องถูกไล่ออกจากบ้านอยู่ดี”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราไม่สู้วางแผนเพื่ออนาคตจะดีกว่า ช่วงนี้ภรรยาของประธานหลี่ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงแม้พี่ผมการได้ยินจะมีปัญหา แต่จับคู่กับตาแก่อายุแปดสิบกว่าปีอย่างเขานั้นเหลือเฟือ……”

นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดที่ได้ยิน เซี่ยสือสายตาว่างเปล่า

เธอพยายามไม่คิดเรื่องเหล่านี้

หยิบโทรศัพท์มา พบว่ามีข้อความที่ไม่ได้อ่านหนึ่งข้อความ

สัญชาตญาณคิดว่าลู่หนานเฉินส่งมา แต่เปิดออกดู หมายเหตุชื่อคือทนายเจี่ยง

เจี่ยงหมิงเช่อเขียนข้อความว่า

“เสี่ยวซือ ผมได้มอบสัญญาการโอนให้กับลู่หนานเฉินแล้ว แต่ท่าทางของเขาไม่ดีเท่าไหร่ ต่อไป คุณต้องคิดถึงตัวเองให้มาก ๆ หน่อย”

เซี่ยสือพิมพ์ตอบเขา

“รบกวนคุณแล้ว ฉันจะทำให้ได้ค่ะ”

ข้อความถูกส่งไป

เซี่ยสือเหม่อลอยเป็นระยะ

เธอคิดว่า นำทรัพย์สินที่มีคืนให้ลู่หนานเฉิน ไม่ใช่ว่าตัวเองมีคุณธรรมสูงส่งแค่ไหน

แต่เพราะเธอไม่อยากติดค้างลู่หนานเฉินมากเกินไป

น่าเสียดาย เธอเอาทรัพย์สินมากมายเท่าที่ตกลงกันไว้ก่อนแต่งงานออกมาไม่ได้ บางทีชีวิตนี้ เธอจะต้องแบกรับข้อหาฉ้อโกงการแต่งงานสินะ

ไม่ได้ทานอะไรเลยเป็นเวลาสองวัน เซี่ยสือก็ไม่รู้สึกหิว

เพียงแต่ข้างกายเงียบสงัดเกิน เงียบจนน่ากลัว

เธอใส่เครื่องช่วยฟัง และก็ทานยา แต่ทำไมยังไม่ได้ยินนะ?

กลัวว่าตอนที่ลู่หนานเฉินโทรมา นัดเวลาไปหย่าร้าง ตัวเองจะไม่ได้ยิน

เซี่ยสือเรียกรถแท็กซี่ไปหาหมอโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ

หมอทำการตรวจเบื้องต้นให้เธอ พบว่าในช่องหูของเธอมีเลือดที่แห้งกรังอยู่

วันนั้น ทำการรักษาฟื้นฟูให้เธอ การได้ยินของเซี่ยสือถึงได้พอถูไถกลับมา

“เกิดอะไรขึ้น? คุณป่วยนานแค่ไหนแล้ว?”

เซี่ยสือบอกตามความจริง “ฉันเกิดมาการได้ยินก็อ่อนแอ”

หมอมองหญิงสาวที่อายุเพิ่งยี่สิบต้น ๆ ด้วยความประหลาดใจ อยู่ในวัยที่กำลังรุ่งโรจน์ ตอนที่เข้ามา ดูไม่ออกสักนิดว่าร่างกายของเธอมีอาการป่วย

เขารู้สึกเสียดาย “แม่หนู พูดตามตรง อาการป่วยของหนูเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะสูญเสียการได้ยินจริง ๆ”

“ต่อไปถึงแม้จะใส่เครื่องช่วยฟังก็ไม่มีประโยชน์”

ความหวังในดวงตาของเซี่ยสือหายไป ในลำคอเหมือนกับมีสำลีติดอยู่ ขึ้นมาไม่ได้ลงไปก็ไม่ได้

เธอไม่พูดเป็นเวลานาน

หมอมองไปทางประตูอีกครั้ง “คุณมาคนเดียวเหรอ? ครอบครัวและเพื่อนของคุณล่ะ?”

ครอบครัว?

เซี่ยสือนึกถึงแม่เซี่ยที่รังเกียจตัวเอง และก็นึกถึงน้องชายที่ให้ตัวเองแต่งงานกับชายชราที่แก่ใกล้ตาย และยังมีลู่หนานเฉินสามีที่สามปีมานี้เกลียดชังตัวเองมาโดยตลอด

สุดท้าย ความทรงจำของเธอหยุดลงตอนที่พ่อทำสีหน้าท่าทางไม่เต็มใจที่จะจากไป

“พ่อไม่อยากไป……ถ้าพ่อไปแล้ว เสี่ยวซือของพ่อจะทำอย่างไร……”

เธอเข้าใจเหตุผลที่ตอนนั้นพ่อเกิดอุบัติเหตุ ทั้งตัวมีเครื่องมือทางการแพทย์เสียบเต็มไปหมด รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่กลับไม่ยอมจากไป

ที่แท้เป็นเพราะหลังจากเขาจากไป ตัวเองก็ไม่มีคนในครอบครัวอีกแล้ว……

เซี่ยสืออดกลั้นความขมขื่นในลำคอเอาไว้ สุดท้ายบอกกับหมอว่า

“เสียชีวิตแล้วค่ะ”

…….

ตอนที่เดินออกจากโรงพยาบาล ด้านนอกเริ่มมีฝนตกปรอย ๆ

เถาโจว ฝนของปีนี้เหมือนจะตกบ่อยกว่าปีก่อน ๆ

หน้าโรงพยาบาล ผู้คนบางตา เดินไปมาอย่างเร่งรีบ มีเพียงเซี่ยสือที่ตัวคนเดียว

เธอเดินฝ่าสายฝน ไม่รู้จะไปที่ไหน

เมื่อคิดว่าต่อไปอาจจะไม่ได้ยินอีกแล้ว เธอซื้อตั๋วรถออกนอกเมืองหนึ่งใบ มายังชนบท บ้านของแม่หยุนพี่เลี้ยงที่ดูแลตัวเองมาโดยตลอด

ตอนที่มาถึง เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว

เซี่ยสือยืนอยู่หน้าบ้านอิฐเก่า ๆ ไม่กล้าเข้าไปเคาะประตูสักที หลายปีมานี้ เพื่อที่จะลู่หนานเฉินให้ดี ทุกครั้งที่เจอกับแม่หยุนจะยุ่งวุ่นวายมาก

ตอนที่เธอลังเลว่าจะเคาะประตูหรือไม่ ประตูถูกเปิดออกจากด้านใน แสงที่อบอุ่นส่องมา

แม่หยุนเห็นเซี่ยสือ ใบหน้าที่ใจดีเต็มไปด้วยความตกตะลึงทันที

เสี่ยวซือ……”

มองดูรอยยิ้มที่ใจดีของแม่หยุน เซี่ยสือรู้สึกแสบจมูก ยื่นมือออกไปกอดเธอไว้ “แม่หยุน…….”

เนื่องด้วยเหตุผลทางร่างกาย แม่หยุนไม่ได้แต่งงาน และก็ไม่มีลูกของตัวเอง

สำหรับเซี่ยสือแล้ว เธอใกล้ชิดกว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ

แม่หยุนเหมือนสัมผัสถึงความเจ็บปวดความโศกเศร้าของเธอได้ จึงตบไหล่ของเธอเบา ๆ

“เสี่ยวซือของฉันเป็นอะไรไป?”

เซี่ยสือไม่ค่อยเปิดเผยด้านที่อ่อนแอออกมา

ครั้งที่แล้วที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะการจากไปของพ่อเซี่ย

เซี่ยสือส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่คิดถึงคุณ คิดถึงมาก……”

แม่หยุนเห็นเธอไม่ยอมพูด ก็ไม่จี้ถาม

“ฉันก็คิดถึงหนู”

แม่หยุนเห็นเซี่ยสือถูกตัวเปียกไปหมด จึงพาเธอเข้าบ้าน ให้เธออาบน้ำอุ่น

ในคืนนี้

เซี่ยสือพิงอยู่ในอ้อมกอดของแม่หยุน ก็เหมือนกับตอนเด็ก ๆ

แม่หยุนกอดเธอไว้ ถึงได้พบว่าเธอผอมมากจนน่ากลัว บนร่างกายแทบจะไม่มีเนื้อเลยสักนิด

มือของเธอวางลงบนหลังกระดูกของเซี่ยสือ และสั่นเทาอย่างอดไม่ได้ บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง

“เสี่ยวซือ ตอนนี้หนานเฉินดีกับหนูไหม?” เธอถามอย่างระมัดระวัง

ได้ยินชื่อของลู่หนานเฉิน เซี่ยสือรู้สึกเจ็บคอ อยากจะโกหกแม่หยุนด้วยสัญชาตญาณ บอกว่าลู่หนานเฉินดีมาก…….

แต่ว่า เธอรู้ดี แม่หยุนไม่ได้โง่

ในเมื่อตัดสินใจจากไปแล้ว เธอไม่อยากหลอกตัวเองและหลอกคนอื่นอีก และก็ไม่อยากหลอกคนที่ตัวเองรักอีกแล้ว

“คนที่เขาชอบกลับมาแล้ว หนูเตรียมจะปล่อยเขาเป็นอิสระ หย่าร้างกับเขา”

แม่หยุนนิ่งอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ

ในอดีตเซี่ยสือเคยบอกกับเธอไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ว่าอยากใช้ชีวิตร่วมกันจนแก่เฒ่ากับลู่หนานเฉิน

เห็นแม่หยุนไม่ตอบกลับ เซี่ยสือกอดเธอแน่น พึมพำถามขึ้น

“แม่หยุน หนูเป็นเหมือนกับคุณได้ไหม?”

ไม่แต่งงานตลอดชีวิต

โดดเดี่ยวตลอดชีวิต

เป็นอย่างที่ลู่หนานเฉินพูด โดดเดี่ยวไปจนแก่

ถ้าหากเลือกที่จะถูกรักได้ ใครอยากจะโดดเดี่ยวไปตลอดกาล?

แม่หยุนได้ยินคำพูดของเซี่ยสือ รู้สึกสงสารอย่างมาก

“เด็กโง่ ห้ามพูดซี้ซั้ว”

“ชีวิตของหนูยังอีกยาวไกล ต่อให้แยกจากลู่หนานเฉินก็ยังมีคนอื่นที่รักหนูเอ็นดูหนู”

เซี่ยสือพยักหน้าอย่างอู้อี้ เสียงอื้ออึงในช่องหูกลบเสียงปลอบใจของแม่หยุน

วิ่งหาอยู่ฝ่ายเดียวสิบกว่าปี เธอรู้ดีกว่าใคร รักคนคนหนึ่งลำบาก และยากมากแค่ไหน

ตอนนี้ตัวเองที่เป็นแบบนี้ จะคู่ควรที่คนอื่นจะมาชอบได้อย่างไร

น้ำตาไหลผ่านหางตา เปียกโชกผ้าห่ม

วันต่อมา

เซี่ยสือลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง สงสัยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status