และท่าทีนั้นของเขามันทำให้เฮ่อหย่วนเจ๋อรู้สึกเหมือนถูกท้าทายเฮ่อหย่วนเจ๋อกำหมัดแน่น ความรู้สึกเหมือนถูกแย่งของรักทำให้เขาเปิดประตูรถเสียงดังก่อนจะรีบเหยียบออกไปเสียงที่ดังขึ้นทำให้รถที่ออกตัวไปเหมือนกับลูกศรที่พุ่งตัวออกจากคันธนูรอจนรถห่างไปไกลคนที่ยืนมุงดูอยู่ถึงค่อยได้สติมาเมื่อกี้พวกเธอ...ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?“รีบหยิกฉันเร็ว รีบหยิกฉัน นี่อวิ๋นซูปฏิเสธการนั่งรถของนายน้อยเฮ่อแล้วไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ!”สีหว่านเอ๋อร์ที่ถูกคนอื่นเบียดอยู่นั้นยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจซูชานเห็นท่าทีแบบนั้นก็ถามขึ้น “พี่หว่านเอ๋อร์ คนท่าทางกักขฬะเมื่อกี้เป็นสามีของอวิ๋นซูใช่ไหม? ดูท่าทีก็ไม่ได้เป็นคนมีเงินอะไรนี่นา”“ที่แท้การที่เธอซ่อนเอาไว้ไม่ยอมบอกใครว่าทำงานอะไรเพราะว่าเป็นแบบนี้นี่เอง”แต่ก็มีคนไม่เข้าใจ “แต่จากท่าทีเมื่อกี้คุณชายเฮ่อมาเพื่อจีบอวิ๋นซูนี่ ทำไมอวิ๋นซูถึงไม่ยอมคืนดีกับคุณชายเฮ่อล่ะ?”“เธอไม่รู้ล่ะสิ?” ซูชานพูดออกมาอย่างได้ใจ “อย่างแรกอวิ๋นซูเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วถ้าอยากจะคืนดีเธอก็ต้องหย่ากับสามีก่อนไม่งั้นก็ถูกแซะเอาน่ะสิ อีกอย่างนะเธอคิดว่าคุณชายเฮ่อเขาชอบอวิ๋น
อวิ๋นซูเดินไปนั่งลงที่ตรงหน้าหลินเหมียวเหมียวเจ้าของร้าน “เอ่อ...”อวิ๋นซูหยิบเอาแบงค์ร้อยออกมาจากกระเป๋าหลายใบ “ขอโทษนะคะ แต่ขอรบกวนหน่อย”เจ้าของร้านรับเอาเงินไว้ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะไม่ว่ายังไงในร้านตอนนี้ก็ไม่มีลูกค้าแล้วและก็ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของเขา เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยรับเอาเงินไว้แล้วเดินกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน“นี่เธอเมาแล้วเหรอ?” อวิ๋นซูแตะไปที่ตัวหลินเหมียวเหมียวหลินเหมียวเหมียวเงยหน้า เหมือนว่าเธอเพิ่งจะเห็นอวิ๋นซู “ที่รัก เธอมาสักที”เธอดูเหมือนจะเป็นปกติเหมือนทุกๆวัน แต่อวิ๋นซูดูออกว่าเธอกำลังแกล้งทำ“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” อวิ๋นซูถามอย่างเป็นห่วงหลินเหมียวเหมียวน้ำตารื้นก่อนจะกัดปาก “เปล่า...ไม่มีอะไร”ก็แค่เมื่อเช้าตอนที่เธอแวะซื้อซาลาเปาเจอเย่ซางเหยียนเข้าไปในร้านเครื่องประดับกับผู้หญิงคนหนึ่งก็เท่านั้นเองอวิ๋นซูเห็นเธอไม่พูดก็ไม่ได้บีบคั้น แต่เลือกที่จะเดินไปทางตู้เย็นแล้วหยิบเหล้าออกมาอีกหลายขวด “ยังอยากดื่มไหม เดี๋ยวฉันดื่มด้วย”ในใจของหลินเหมียวเหมียวเหมือนถูกทำให้บาดเจ็บและความเจ็บปวดนั้นมันปะทุขึ้นมาเพียงเพราะว่าคำพูดนี้ขอ
อวิ๋นซูยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “เธอคิดไปถึงไหนแล้ว ฉันก็แค่ยกตัวอย่าง ฉันกับเฮ่อเยียนสือแต่งงานกันได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ได้เจอครอบครัวเขาแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไม ฉันมักจะรู้สึกว่าเขาที่ฉันรู้จักกลับไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงแต่เป็นเขาแบบที่เขาอยากจะให้ฉันรู้จัก”หลินเหมียวเหมียว “บางทีถ้าเธอได้รู้จักเขาเพิ่มอีกนิดก็อาจจะเข้าใจมากขึ้นก็ได้”“ก็อาจจะนะ” อวิ๋นซูรวบผมขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า เรามาดื่มกันเถอะ!”หลินเหมียวเหมียวถือแก้วเหล้าขึ้นมาก่อนจะชนแก้วกับอวิ๋นซู ฉับพลันสายตาของเธอก็มองไปที่คอของอวิ๋นซู “ที่รัก คอเธอไปโดนอะไรมา?”มองดูไม่เหมือนกับรอยจูบ มันเหมือนรอยนิ้วมือคนมากกว่าอวิ๋นซูเองก็นึกขึ้นมาได้จึงปล่อยผมลง “เปล่านี่”“เฮ่อเยียนสือลงไม้ลงมือกับเธองั้นเหรอ!?” หลินเหมียวเหมียวพูดจบก็ยืนขึ้น “ฉันจะไปจัดการหมอนั่นซะ!”“เธอใจเย็นๆก่อน” อวิ๋นซูดึงมือหลินเหมียวเหมียวไว้ “มันไม่เกี่ยวกับเฮ่อเยียนสือ แต่เป็นเฮ่อหย่วนเจ๋อต่างหาก”“งั้นฉันจะไปจัดการเขา!” หลินเหมียวเหมียวถือขวดเหล้าเอาไว้ก่อนจะตั้งท่าเดินออกจากร้านอวิ๋นซูรีบรั้งเธอเอาไว้ “เหมียวเหมียวฉันไม่เป็นไร เธอเม
ผ่านไปสักพัก อวิ๋นซูถึงได้สติแล้วผลักเขาออก น้ำเสียงของเธออ่อนลงหลายเท่า “ขาชาไปหมดแล้ว”เฮ่อเยียนสือขยับถอยหลังก่อนจะก้มลงอุ้มเธอไว้ “งั้นกลับบ้านกัน”อวิ๋นซูมองหน้าเฮ่อเยียนสือใต้แสงไฟอีกฝ่ายใบหน้าคมเข้ม หาจุดติติงไม่ได้เลยถ้าคนที่เธอเจอคนแรกคือเฮ่อเยียนสือ เธอคงหลงเขาอย่างหัวปักหัวปำเหมือนกับเมื่อแปดปีก่อน ทุ่มเทโดยไม่คิดหวังอะไรแต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เธอไม่ใช่สาวน้อยที่กล้าแกร่งเหมือนเมื่อแปดปีก่อนแล้วเธอขยับหัวไปซบที่บริเวณหน้าอกของเฮ่อเยียนสือเอาไว้ ก่อนจะฟังเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่ายเงียบๆ ไม่อยากจะไปนึกถึงอนาคตเพราะอย่างน้อยช่วงเวลาในตอนนี้มันคือเรื่องจริงอวิ๋นซูดื่มเหล้าไป พอถึงบ้านเธอก็หลับไปในทันทีเฮ่อเยียนสืออุ้มเธอขึ้นมาที่ชั้นสองห้องนอนหลักของบ้านในตอนที่ห่มผ้าให้เธอ รอยแดงที่คอของเธอจางลงจนเหลือแค่จุดแดงๆ แต่ในใจของเฮ่อเยียนสือก็ไม่พอใจนักเขาหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะต่อสายหาหลี่ชวน“หาคนไปสั่งสอนเฮ่อหย่วนเจ๋อหน่อย”“?” หลี่ชวนไม่เข้าใจ“คุณชาย คนที่ว่าคือหลานชายของคุณใช่ไหม?”“อืม”หลี่ชวนเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ครับ”ถึงจะอยากรู้ว่าเพราะอะไร แ
หลินเหมียวเหมียวเห็นเขาพยายามเอาใจเธออย่างระมัดระวัง ในใจก็ไม่พอใจนัก “ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”พูดจบเธอก็หยิบเอายาใส่เข้าไปในปากก่อนจะดื่มน้ำตามเย่ชางเหยียนมองดู หลังจากที่เธอกินยาจนเสร็จ เขาถึงค่อยได้ยิ้มออกมา“เตียงฉันจัดการไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว...”“หยุดเลยนะ!” หลินเหมียวเหมียวลุกขึ้น ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “เย่ชางเหยียน เรื่องครั้งก่อนเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ นายเป็นเพื่อนของเฮ่อเยียนสือ ฉันเป็นเพื่อนของอวิ๋นซู เราสองคนยังไงก็ต้องเจอกันอีก เพราะอย่างนั้นถือโอกาสวันนี้จัดการให้เรียบร้อยเถอะ”เย่ชางเหยียนชะงักไป “เธออยากจะจัดการยังไง?”“ก็ทำเหมือนว่าเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น” เห็นท่าทางเย่ชางเหยียน หลินเหมียวเหมียวก็เข้าไปตบไหล่อีกคน “นายคงไม่ได้อยากให้ฉันรับผิดชอบหรอกใช่ไหม?”พอพูดคำนี้ออกไป สายตาของทั้งสองคนก็สบเข้าหากัน เหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลินเหมียวเหมียวรีบร้อนหลบสายตา เสียงเบาลง “ขอร้องล่ะ นี่มันปี2202แล้วนะ ราชวงศ์ชิงล่มสลายไปตั้งหลายร้อยปีแล้ว ก็แค่นอนด้วยกันไม่ใช่เหรอ มันจะอะไรกันนักล่ะ?”“เพราะอย่างนั้นเรื่องนี้สำหรับเธอมันเป
เฮ่อเยียนสือไม่ได้ตอบคำถามของอวิ๋นซู แต่กลับเงยหน้าขึ้น “รถมาแล้ว”ในตอนนี้อวิ๋นซูถึงเพิ่งจะนึกได้ว่าตอนนี้เกือบจะเก้าโมงแล้วเธอรีบยัดขนมปังเข้าไปในปาก “ฉันไปก่อนนะคะ”ในตอนที่อยู่บนรถในหัวของอวิ๋นซูก็เอาแต่นึกถึงที่เฮ่อเยียนสือพูดเรื่องที่คุณเควินกำลังตามหาพิซซ่าแบบอิตาลีอยู่เธอเม้มริมฝีปากในตอนที่เธอมาถึงที่แผนกออกแบบสายตาของทุกคนที่มองมาก็แปลกไปทุกคนต่างพากันมองมาอย่างสะใจเหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละในตอนที่เดินเข้าไปในห้องทำงานก็เรียกเสิ่นเสี่ยวรุ่ยให้เข้ามาในตอนที่เสิ่นเสี่ยวรุ่ยเข้ามาก็ดูมีท่าทีรีบร้อน “แย่แล้วค่ะพี่อวิ๋นซู”“เกิดอะไรขึ้น?”“เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าคุณเควินมาค่ะ”“หือ?” อวิ๋นซูเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง “งั้นตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ?”“เพิ่งจะกลับไป เห็นว่าเป็นรองหัวหน้าแผนกที่เชิญเขามาค่ะ แล้วก็เขาดูผลงานของเธอแล้วขมไม่ขาดปาก ดูเหมือนจะพอใจมากๆ...”ยิ่งพูดถึงประโยคท้ายๆน้ำเสียงของเธอก็เบาลง “พี่อวิ๋นซู...คือ...”อวิ๋นซูเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูด “คุณเควินตกลงจะใช้งานของรองหัวหน้าแผนกแล้วเหรอ?”เสิ่นเสี่ยวรุ่ย “ก็ยังค่ะ แต่ฟังจากที่พวกเขาพ
เขากลัวว่าถ้าอวิ๋นซูแพ้ แล้วบอสจะไม่พอใจ“ที่หัวหน้าอวิ๋นพูดถึงคือ......”“เปล่าหรอก เดี๋ยวฉันไปโรงอาหารก่อนนะ”พูดจบ อวิ๋นซูก็วางสายไปก่อนเสิ่นอวี้ชิงที่กำลังถือโทรศัพท์มือถืออยู่ อยู่ดีๆก็รู้สึกว่ามันคือมันฝรั่งร้อนตอนนั้นทำไมเขาถึงคิดไอเดียแย่ๆ ที่ปล่อยให้อวิ๋นซูกับสีหว่านเอ๋อร์แข่งขันกันอย่างยุติธรรมจนตอนนี้ อวิ๋นซูแพ้ และเขาก็กำลังจะต้องออกจากตำแหน่งประธานบริษัท......เรื่องที่อวิ๋นซูทำอาหารในห้องครัวบริษัท ได้แพร่กระจายไปทั่วกลุ่มของบริษัทอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา เธอก็กลายเป็นเรื่องเยาะเย้ยของคนทั้งบริษัท“พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้ ก็เลยจะทำร้ายตัวเองงั้นเหรอ?”“หมดคำจะพูดจริงๆ ที่จริงเธอมาทำงานหรือมาทำอาหารกันแน่ ถ้าชอบทำอาหารขนาดนี้ ทำไมไม่ไปสมัครตำแหน่งแม่ครัวตั้งแต่แรกกันล่ะ?”“ความจริงก็เป็นแค่พวกคลั่งรักไร้ปัญญา ที่จู่ๆ ชีวิตก็พลิกผันโดดเด่นขึ้นมา ก็นึกว่าจะเก่งมาจากไหนแท้ๆ แต่พอถึงตอนที่ต้องการลงมือเข้าจริงๆ ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วอ่อนหัดขนาดไหน”“รอดูเรื่องตลกวันพรุ่งนี้เถอะ”“......”เสิ่นเสี่ยวรุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่อวิ๋นซูที่กำลังนวดแป้งอยู่ เธออยากที
อวิ๋นซูดีใจกับคำพูดของพ่อครัว “จริงไหมคะ?”“คนจีนไม่หลอกคนจีนด้วยกันเอง”อวิ๋นซูรู้สึกโล่งใจ เธอห่อพิซซ่าชุดนึง ส่วนที่เหลือก็มอบให้กับพนักงานโรงอาหารพนักงานมองแผ่นหลังของเธอที่กำลังเดินจากไป จึงเบียดเสียดเข้ามายืนข้างพ่อครัวแล้วพูดขึ้น “หัวหน้าพ่อครัว หัวหน้าแผนกออกแบบคนนี้ก็ไม่เหมือนที่คนอื่นเขาว่ากันว่า......ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง อย่างน้อยด้านการทำอาหาร เธอก็มีพรสวรรค์มากเลยนะ”พ่อครัวมองไปยังหญิงสาวที่กำลังจากไป แล้วใบหน้าที่สดใสหล่อเหลาของเขาก็เผยยิ้มขึ้นมา“แม้แต่คนจู้จี้จุกจิกอย่างเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ยังยอมเชื่อฟังได้ จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?”เขากระซิบกระซาบ แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน......อวิ๋นซูนำพิซซ่าไปถึงโรงแรมที่เควินพักอยู่โรงแรมถูกจัดเตรียมโดยบริษัท หลังจากที่แสดงตัวตนแล้วอวิ๋นซูก็เข้าไปได้อย่างสบาย และในไม่ช้าก็มาถึงประตูห้องเธอเคาะประตูประตูเปิดออกตามเสียงเคาะเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างในเป็นเฮ่อเยียนสือ อวิ๋นซูก็ตกตะลึงงันเธอมองไปที่หมายเลขห้องอีกครั้ง และหลังจากที่ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ถึงได้มองไปที่เฮ่อเยียนสือ “ทำไมคุณถึงอยู่ที่น