เธอรู้สึกหัวหมุนและวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พวกนายทำงานกันแบบไหนถึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้! พี่เวิน พี่เวินคะ…”เสียงนั้นฟังดูค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนที่เวินหนี่จะหมดสติเมื่อตื่นขึ้นมาเวินหนี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองดูเพดานสีขาว ยังคงรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง“พี่เวิน พี่ฟื้นแล้ว!” หลี่ถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ให้ฉันเรียกหมอมาให้ไหม”เวินหนี่มองดูหลี่ถิง แม้ว่าตัวเองจะยังอ่อนแรง แต่เธอก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่เป็นไร ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นยังไงบ้าง? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า?”หลี่ถิงตอบ “พี่อย่าพึ่งกังวลเรื่องงานเลยค่ะ พี่ถูกกระจกหล่นกระแทกใส่ ฉันกลัวแทบตาย คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”เธอกล่าวพลางร้องไห้ หลี่ถิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเวินหนี่ และเวินหนี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีเธอยังเด็กและไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้รู้สึกหวาดกลัว“ฉันก็ฟื้นแล้วนี่ไง เลิกกังวลได้แล้ว” เวินหนี่ปลอบเธอเวินหนี่แตะหน้าผากที่พันด้วยผ้าก๊อซสีขาว
หลังจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สักพัก เธอก็จากไปพร้อมกับบาดแผลของเธอ“เวินหนี่!”เมื่อถังเยามารับเวินหนี่ก็พบว่าใบหน้าของเธอซีดเผือด แถมยังบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงรีบเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ “พระเจ้า เธอบาดเจ็บที่ตรงไหนกันเนี่ย?”เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไร“นี่มันเวลาทำงานหนิ แผลนี่เธอได้มาจากการทำงานใช่ไหม?” ถังเยาถามต่อ “แล้วเย่หนานโจวล่ะ?”“ไม่รู้สิ”ถังเยาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเวินหนี่ไม่ดีนัก นี่ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บเท่านั้นแน่ ๆ เธอจึงหัวเราะขึ้นเสียงเย็น “เธอทำงานหนักเพื่อเขาแถมยังได้รับบาดเจ็บที่หัวแบบนี้ ในฐานะสามีกลับหาตัวไม่เจอ สามีคนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วเลยด้วยซ้ำ”“อีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้วล่ะ”“อะไรนะ? นี่เขาจะหย่ากับเธองั้นเหรอ?” ถังเยาหน้าเปลี่ยนสีทันที“ฉันอยากหย่ากับเขาเอง”ถังเยาเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง “หย่าก็หย่า หย่ามันตอนนี้เลย!!” และเตือนขึ้นอีกว่า “อย่าลืมแบ่งทรัพย์สินครึ่ง ๆ ด้วยล่ะ ก้าวแรกสำหรับผู้หญิงที่ฉลาดคือการหาเงิน ถึงไม่ได้ตัวแต่ก็ต้องได้เงิน ถ้าเธอมีเงินแล้วทำไมจะหาผู้ชายดี ๆ ไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะหาสักกี่คนก็ได้ หาคนที่เชื่อฟัง และคอยดูแลเธอทุกวันไปเลย
เวินหนี่รู้ดีว่าเขาจริงจังกับงานแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวแต่เรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้ เมื่อวานนี้เขาอยู่กับลู่ม่านเซิงในโรงพยาบาลเอง“เพราะคุณบอกว่ากำลังยุ่ง และกดวางสายไปเอง”เย่หนานโจวชะงักไปครู่หนึ่ง และเม้มริมฝีปาก “แล้วจัดการยังไง?”เวลานั้นเวินหนี่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นไม่มีเวลาจัดการค่ะ ฉัน…”“เลขาเวิน” น้ำเสียงเย่หนานโจวเย็นชา “ฉันจำได้ว่าเธอไม่เคยทำงานผิดพลาด”เขาจงใจเรียกเธอว่า “เลขาเวิน” เพื่อเตือนว่าเธอเป็นเลขา ไม่ใช่ภรรยาของเขาเวินหนี่กัดริมฝีปาก และพูดไม่ออก “ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไปได้ ปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก ฉันคิดว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรค่ะ”“ถ้าเกิดปัญหา อย่ารีบร้อนหาข้อแก้ตัว นี่คือสิ่งที่ฉันเคยสอนเธอ” เย่หนานโจวพูดอย่างห่างเหิน “รีบมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้!”พูดจบเขาก็กดวางสายไปทันทีเวินหนี่รู้สึกแย่ในใจ แต่เธอก็ไม่มีเวลามาคิดถึงปัญหา เมื่อวานนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลและไม่ได้ติดตามสถานการณ์ของไซต์ก่อสร้างอีกเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะแย่ลงหรือเปล่าเธอเก็บข้าวของและเตรียมตัวไปที่บริษัททันทีถังเยาเพิ่งตื่น เ
ขณะนั้นเอง เวินหนี่ก็มาถึงบริษัท บรรยากาศในห้องทำงานของประธานดูเคร่งเครียดมาก“พี่เวิน”เมื่อเธอมาถึงทุกคนต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ “พี่เวิน อาการบาดเจ็บที่หัวเป็นยังไงบ้างคะ?”เวินหนี่ไม่อยากให้พวกเขากังวลมากเกินไป “ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เมื่อวานฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”“แต่พี่ควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะคะ ทำไมถึงไม่ขอลาจากประธานเย่ล่ะ ยังต้องมาทำงานด้วยอาการบาดเจ็บแบบนี้อีก พี่เวิน พี่จริงจังกับงานมากเกินไปแล้ว” พวกเขาต่างก็ชื่นชมเวินหนี่ เธอทำงานมากกว่าใช้ชีวิตเสียอีก เกรงว่าคงหาคนแบบเลขาเวินไม่ได้อีกแล้วเวินหนี่และเย่หนานโจวแต่งงานกันอย่างลับ ๆ จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเปิดเผยอะไรมากนัก “ฉันขอตัวไปหาประธานเย่ก่อน พวกเธอทำงานต่อเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”เมื่อเธอมาถึงประตู ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเย่หนานโจว “บอกให้ทุกคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในไซต์ก่อสร้างไสหัวออกไปให้หมด!”เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะตำหนิเธอเสียอีกจากนั้นก็มีกลุ่มคนออกมาจากห้องทำงานคนที่ออกมามีสีหน้าหดหู่ใจ ใบหน้าของเวินหนี่ไม่
นี่เธอกำลังสนองความปรารถนาของเขาอยู่นะ เขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอหรือว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่เธอเป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเองเลยทำให้เขาอับอาย เย่หนานโจวเบือนสายตาไปจากเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ถึงเวลาแล้ว ไปทำงานซะ”เวินหนี่มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงและถึงเวลาเข้างานพอดี เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนตรงเวลามากจริง ๆ ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวเธอมองเย่หนานโจวที่ถอนตัวกลับไป มีกลิ่นอายเย็นชาทั่วร่างกายของเขา และมีเพียงความห่างเหินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น เธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาอีก และเดินออกมาเผยชิงกำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู “เลขาเวิน นี่คือเอกสารที่คุณเย่ขอให้คุณช่วยจัดการครับ”เอกสารจำนวนมหาศาลกดลงบนมือของเธอฝุ่นกระทบเข้ากับหน้าของเธอจนสำลัก เวินหนี่ถามขึ้นว่า “ฝุ่นเกาะเยอะขนาดนี้ เอกสารตั้งแต่ปีไหนกัน?”เผยชิงไม่กล้าพูดอะไร “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ประธานเย่เป็นคนจัดการครับ”คนในบริษัทมองเวินหนี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจคิดว่าเธอทำให้ประธานเย่ขุ่นเคือง เขาถึงได้สั่งให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญแบบนี้และทุกคนต่างก็คิดว่าเธอได้สูญเสีย
เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดีเวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน
เวินหนี่มองย้อนกลับไปแล้วพูดว่า “เก็บกระเป๋า”“จะไปไหน?”เวินหนี่ตอบ “กลับบ้านค่ะ”“บ้านของเธอก็คือที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของเย่หนานโจวเย็นขึ้นมากหัวใจของเวินหนี่ยังคงปวดอยู่เล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณเคยคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ของฉันด้วยเหรอ? ฉันกำลังจะคืนพื้นที่นี้ให้พวกคุณ”เย่หนานโจวก็จับแขนของเธอทันที เพื่อหยุดการเก็บสัมภาระของเธอ น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เธอจะสร้างปัญหาอีกนานแค่ไหน?”เวินหนี่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นเขา และน้ำตาจะไหลออกจากดวงตา เธอหันหน้าและสะบัดเขาออกอย่างแรง “ฉันไม่ได้สร้างปัญหาค่ะ แต่ฉันเอาจริง คุณเย่ ขอทางด้วยค่ะ ฉันจะเก็บของ”การที่เธอดื้อรั้นและต้องการหย่ากับเขาเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมน “ปัง” เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว เวินหนี่ก็เงยหน้าขึ้นมาและได้ยินเสียงต่ำของเย่หนานโจว “อะไรทำให้เธออยากจะไปมากขนาดนี้”เวินหนี่ไม่ตอบเย่หนานโจวเข้าใกล้เธอมากขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงตั้งคำถามว่า “เธอคิดว่าฉันไม่มีความสามารถงั้นเหรอ? อยากให้ฉันทดสอบให้ดูไหมว่า แท้จริงแล้วฉ
ร่างกายของเขาอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง และลมหายใจร้อน ๆ ของเขาก็รินรดอยู่ข้างหูของหญิงสาวเขาไปดื่มมางั้นเหรอ?เวินหนี่เรียกเขา “เย่หนานโจว”แต่เย่หนานโจวกอดเอวของเธอไว้และฝังหน้าไว้บนผมของเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าขยับ ฉันขอกอดเธออีกหน่อย”คราวนี้เวินหนี่หยุดเคลื่อนไหวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดื่มเยอะขนาดนี้เวินหนี่นอนอยู่บนผ้าห่มเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอแทบจะแข็งทื่อ ได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะลุก แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกเลย เอาแต่สูดดมเธออย่างตะกละตะกลามนี่เขาคงจะไม่คิดว่าเธอคือลู่ม่านเซิงอีกแล้วหรอกใช่ไหม เวินหนี่เรียกเขาอีกครั้ง “เย่หนานโจว…”“เวินหนี่ ฉันอยากจะนอนแบบนี้อีกสักพัก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เงียบลงอีกครั้งการที่เขาเรียกชื่อเธอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอไม่ค่อยได้เห็นเขาในสภาพนี้ และมันก็ทำให้เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูกแต่เธอก็ยังใจอ่อนกลัวว่าเขาจะหลับไปทั้งแบบนี้ และกลัวว่าเขาจะเป็นหวัดเธอผลักเขาเบา ๆ “อย่านอนแบบนี้เลยค่ะ ไปอาบน้ำ ไม่ก็ห่มผ้าห่ม…”เย่หนานโจวพลิกตัว ยกมือขึ้นก่อนจะรวบตัวเวินหนี่เข้ามาในอ้อมแขน เขาก