Share

บทที่ 11

เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?

ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดี

เวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…

ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว

เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”

เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”

เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”

“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”

“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”

เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ

เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”

“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”

เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน ถ้าปัญหาได้รับการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็จะกลับมาดีกันไม่ใช่เหรอครับ? ผมว่าพี่ลองลดทิฐิลงแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลดู มันจะช่วยความสัมพันธ์ของพวกพี่ได้ และพี่สะใภ้ก็จะไม่เมินเฉยพี่อีก”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเย่หนานโจวก็มืดลง รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ และจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม

เมื่อเสิ่นฉือถูกจ้องมองแบบนั้นเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ กลัวว่าคงจะไปทำลายความภาคภูมิใจของเขาเข้า จึงพูดขึ้นอย่างมีไหวพริบ “มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด… ถึงแม้ว่าสามีภรรยาจะต้องเข้าใจยอมรับกันให้มากขึ้น แต่เรื่องแบบนั้นถ้ายังรักษาได้ก็ควรรักษาไม่ใช่เหรอครับ?”

“เวินหนี่บอกนายงั้นเหรอ?” เย่หนานโจวถามขึ้นเสียงเย็น

เสิ่นฉือกลืนน้ำลายและพูดขึ้นอย่างกล้าหาญ “พี่สะใภ้ขอให้ผมตรวจร่างกายให้พี่”

เมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินเข้ามาพร้อมกล่องชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์

เย่หนานโจวก็ตะโกนขึ้น “ไสหัวไป!”

เวินหนี่กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ตั้งใจจะเก็บข้าวของและย้ายออกไป

ในเวลานี้ เย่ซูเฟินกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน และพูดคุยเกี่ยวกับลูกชายและสะใภ้ของตน

แต่เมื่อเย่ซูเฟินพูดถึงเวินหนี่ เธอก็จะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจอยู่เสมอ และมักเปรียบเทียบเธอกับสะใภ้บ้านอื่นในเรื่องภูมิหลังครอบครัวที่ดีกว่า มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า และทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีกว่า

ภูมิหลังของเธอไม่มีเรื่องดี ๆ ให้พูดถึงเลย

เวินหนี่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จนเบื่อแล้ว และโดยพื้นฐานเธอก็มีภูมิคุ้มกันต่อมัน

เธอเดินเข้าไปโดยไม่คิดที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาของพวกเขา

เมื่อเย่ซูเฟินเห็นเธอ ก็ไม่อยากจะเล่นไพ่นกกระจอกอีกต่อไป และตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หยุดอยู่ตรงนั้น!”

เวินหนี่อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินและมองย้อนกลับไปที่เธอ “มีอะไรเหรอคะ?”

สีหน้าของเย่ซูเฟินนั้นแย่มาก เธอตวาดขึ้นว่า “เธอนี่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากขึ้นไปทุกที ใช้เงินของลูกชายฉันเป็นล้าน ๆ ในคราวเดียว ครอบครัวของเราสูญเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่กับงานแต่งของเธอ เธอไม่คิดถึงบ้านของเราเลยหรือไง มีลูกสะใภ้บ้านไหนบ้างที่ใช้เงินเก่งเหมือนเธอ!”

เวินหนี่ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย “ฉันเคยใช้เงินมากมายแบบนั้นตอนไหนเหรอคะ?”

ตั้งแต่เธอแต่งงานกับตระกูลเย่ ของมีค่าทุกชิ้นที่เย่หนานโจวมอบให้เธอถูกซ่อนไว้ในกล่องและไม่เคยนำมันออกมาเลยและเธอก็ไม่คิดที่จะอยากใช้เงินของตระกูลเย่อีกสักแดงเดียว

ทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินที่เธอหามันมาด้วยตัวเอง

“ยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่อีก ดูเอาเองเถอะ!” เย่ซูเฟินพูดอย่างมั่นใจและกล่าวหาเธอว่า “เธอซื้อเสื้อผ้าราคาเป็นล้านเลยหรือไง เธอมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ? รู้แต่วิธีใช้เงิน ด้วยนิสัยแบบนี้ สักวันหนึ่งตระกูลของเราจะต้องล้มละลายเพราะเธอ!”

มีข้อความแจ้งการรูดบัตรเครดิตปรากฏยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ แถมยังเป็นการซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง ซึ่งทำให้เวินหนี่ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด

ช่วงนี้เธอไม่ได้ช้อปปิ้งเลย

เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง

และเธอก็ไม่มีทางฟุ่มเฟือยมากขนาดจนต้องทุ่มเงินเป็นล้านเพื่อซื้อเสื้อผ้าด้วย

เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่ได้ใช้เงินนี้ค่ะ”

เย่ซูเฟินไม่เชื่อ “ถ้าเธอไม่ได้ใช้บัตรเครดิต แล้วมันจะเป็นใครได้อีก เงินล้านนี้ถูกผีใช้ไปหรือไง”

“ฉันไม่เคยใช้เงินในบัตรเครดิตค่ะ”

“ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ บ้านเรามีสักกี่คนที่สามารถใช้บัตรเครดิตได้ แถมยังเอาไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงอีก ถ้าฉันไม่แอบเชื่อมบัตรเครดิตของตระกูลเอาไว้ ฉันก็คงไม่รู้ว่าเธอแอบใช้เงินมากมายลับหลังฉันแบบนี้ คงไม่ใช่แค่ครั้งนี้ด้วยสินะ หลายปีที่เธอเข้ามาอยู่ในตระกูลเธอใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่บอกฉันมาให้หมด” ทุกครั้งที่เย่ซูเฟินตรวจสอบบัญชี และพบว่ามีการใช้เงินไปมากมาย เธอก็มักจะสงสัยเวินหนี่ทันที

เวินหนี่รู้ดีว่าหลังจากแต่งงานกับตระกูลเย่ ตราบใดที่เย่ซูเฟินไม่ชอบเธอ ตระกูลนี้ก็จะไม่ใช่ที่ของเธอ

เธอไม่อยากจะสร้างปัญหาอะไรดังนั้นเธอก็จะไม่ทำเรื่องอะไรที่นำพาปัญหา

แต่พอเกิดปัญหาขึ้นทีไรก็โทษเธอทุกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เธอหมดความอดทน “คุณไปตรวจสอบดูได้ค่ะ แต่อย่ามาโทษฉันมั่ว ๆ”

“เธอหมายความว่ายังไง เงินนี้ถ้าไม่ใช่เธอใช้แล้วจะเป็นใคร เธอมันผู้หญิงหน้าเงิน พอเห็นว่าตระกูลของเราร่ำรวย...”

“เงินนั้นผมเป็นคนใช้เอง”

ทันใดนั้นเสียงของเย่หนานโจวก็ดังมาจากนอกประตู

เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงพวกเธอทะเลาะกัน ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างไม่แสดงอารมณ์

เวินหนี่และเย่ซูเฟินมองไปที่เขาพร้อมกัน เย่ซูเฟินกระอักกระอ่วนเ ธอพูดไปตั้งเยอะขนาดนั้นแต่คนที่ใช้เงินกลับไม่ใช่เวินหนี่ “หนานโจว ลูกจะเป็นคนใช้เงินนี้ได้ยังไง? นั่นมันเสื้อผ้าผู้หญิงนะ นี่ลูกคิดจะปกป้องเวินหนี่งั้นเหรอ?”

เย่หนานโจวพูดขึ้น “ผมซื้อให้ลู่ม่านเซิงเอง”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่ซูเฟินเสียงขาดหาย และเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

แต่สีหน้าของเวินหนี่นั้นดูไม่ดีเล็กน้อย และเธอมองเย่หนานโจวอย่างสงสัย

เขาเต็มใจที่จะใช้เงินกับลู่ม่านเซิงจริง ๆ ถึงกับซื้อเสื้อผ้าให้เธอในราคาหลักล้าน

สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่เขารัก

เวินหนี่กระตุกยิ้มเยาะมุมปาก เธอเบี่ยงสายตา และเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับไปมอง

เย่ซูเฟินกำลังคิดว่าเย่หนานโจวใช้เงินกับลู่ม่านเซิงมากมายขนาดนั้น หากความสัมพันธ์ของพวกเขาคืบหน้าไปถึงจุดหนึ่งแล้ว เขาก็จะต้องหย่ากับเวินหนี่ เธออารมณ์ดีขึ้นมากก่อนจะพูดขึ้นว่า “หนานโจว ถ้าเงินนี้ใช้ไปกับลู่ม่านเซิงแม่ก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ แม่ก็แค่อยากถามดูเท่านั้น”

ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา และเขาก็พูดต่อ “ผมให้เธอยืม”

เย่ซูเฟินตกตะลึง “ยืมงั้นเหรอ?”

เย่หนานโจวมองเธอ ก่อนจะกล่าวเตือน “แม่อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลยครับ”

เย่ซูเฟินที่กำลังมีความสุข หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป และอยากจะตอบโต้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเธอก็ปิดปากอย่างชาญฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

เวินหนี่ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บสัมภาระ คำพูดของเย่หนานโจวกระตุ้นให้เธออยากไปออกจากตระกูลเย่ขึ้นไปอีก

มันคงจะดีกว่าหากเธอจะจากไปเอง ดีกว่าถูกไล่ไปออกในภายหลัง อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกอับอาย และเธอก็รู้จักความพอดี

พวกเขากลัวว่าเธอจะใช้เงินของตระกูลเย่มากขนาดนั้น เธอจึงไม่คิดที่จะนำเครื่องประดับล้ำค่าและสิ่งของที่เย่หนานโจวเคยมอบให้เธอไปด้วยสักอย่างเดียว เธอเก็บแต่เสื้อผ้าของตัวเองไปเท่านั้น

เธอยัดมันลงในกระเป๋า

ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็เดินเข้ามาและเห็นว่าเธอกำลังจัดกระเป๋าเดินทาง เขาขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “เธอกำลังทำอะไร?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status