Share

บทที่ 10

นี่เธอกำลังสนองความปรารถนาของเขาอยู่นะ เขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ

หรือว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่เธอเป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเองเลยทำให้เขาอับอาย

เย่หนานโจวเบือนสายตาไปจากเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ถึงเวลาแล้ว ไปทำงานซะ”

เวินหนี่มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงและถึงเวลาเข้างานพอดี

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนตรงเวลามากจริง ๆ ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว

เธอมองเย่หนานโจวที่ถอนตัวกลับไป มีกลิ่นอายเย็นชาทั่วร่างกายของเขา และมีเพียงความห่างเหินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น

เธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาอีก และเดินออกมา

เผยชิงกำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู “เลขาเวิน นี่คือเอกสารที่คุณเย่ขอให้คุณช่วยจัดการครับ”

เอกสารจำนวนมหาศาลกดลงบนมือของเธอ

ฝุ่นกระทบเข้ากับหน้าของเธอจนสำลัก เวินหนี่ถามขึ้นว่า “ฝุ่นเกาะเยอะขนาดนี้ เอกสารตั้งแต่ปีไหนกัน?”

เผยชิงไม่กล้าพูดอะไร “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ประธานเย่เป็นคนจัดการครับ”

คนในบริษัทมองเวินหนี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ

คิดว่าเธอทำให้ประธานเย่ขุ่นเคือง เขาถึงได้สั่งให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญแบบนี้

และทุกคนต่างก็คิดว่าเธอได้สูญเสียความโปรดปรานจากประธานเย่ไปแล้ว

เวินหนี่ไม่รู้ว่าเย่หนานโจวเป็นอะไรไป แต่เขาผิดปกติมากที่ให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญเช่นนี้

เวลาต่อมา

“เลขาเวิน เอกสารสำคัญพวกนี้เอาไปถ่ายเอกสารเพิ่มอีกห้าสิบชุดด้วยนะคะ นี่คือสิ่งที่ประธานเย่ต้องการ ทำให้เรียบร้อยล่ะ!” เฉินเพ่ยหลินซึ่งเป็นเลขาเหมือนกันกับเธอพูดขึ้นพลางวางกองกระดาษA-4 ที่ยับยู่ยี่ลงต่อหน้าเธอ นัยน์ตามีสายตาดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าหากเวินหนี่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานแล้วเธอก็สามารถเข้ามายึดครองตำแหน่งได้ทันที

เวินหนี่ยังคงจัดการเอกสารอยู่ เมื่อเห็นกองเอกสารขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า นี่มันไม่ใช่แค่การนำไปถ่ายเอกสารเท่านั้น แต่ยังต้องจัดระเบียบด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะทำเสร็จโดยที่วันนี้ไม่ต้องทำโอที

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉินเพ่ยหลินที่กำลังยิ้มเยาะเธออยู่ “ด้วยความสามารถของเลขาเวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำไม่เสร็จใช่ไหมคะ?”

เฉินเพ่ยหลินและเวินหนี่มีความสัมพันธ์เชิงแข่งขันกัน

เย่หนานโจวใช้เวลาสอนงานเวินหนี่หลายวัน และการทำงานที่เข้าขาของทั้งสองก็ไม่มีใครเทียบได้ สิ่งนี้ทำให้เฉินเพ่ยหลินอิจฉามาก เห็นได้ชัดว่าเธอเองมีความสามารถในการทำงานมากเช่นกัน แต่เธอกลับเทียบเวินหนี่ไม่ได้เลย อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แย่ลง และเวินหนี่ก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานระดับล่างของเลขา

เธอคิดว่าเวินหนี่โชคดีกว่าเธอเพราะอาศัยหน้าตา ครั้งนี้เธอต้องทำคะแนนให้ดี และทำให้เวินหนี่ได้รับความลำบากดูบ้าง

เวินหนี่รู้ว่าเฉินเพ่ยหลินไม่ชอบเธอ แต่ปกติแล้วเธอมัวแต่ทุ่มเทให้กับเย่หนานโจว ไม่ว่าเฉินเพ่ยหลินจะประชดประชันและเหน็บแนมเธอแค่ไหน เธอก็อดทน และไม่ได้สนใจอะไร

คราวนี้เฉินเพ่ยหลินทำให้เธอต้องลำบาก

เวินหนี่ไม่อยากทนมันอีกต่อไป เพราะการที่เธอยอมทนมากเกินไปมันทำให้คนอื่นได้ใจ “นี่เป็นเอกสารสำคัญที่ประธานเย่ต้องการจริง ๆ งั้นเหรอ? ในเมื่อมันเป็นเอกสารสำคัญ แล้วทำไมเธอถึงไม่ทำดี ๆ ล่ะ ฉันยังมีงานอื่นที่ต้องทำ เกรงว่าจะไม่มีเวลามาจัดการเรื่องพวกนี้หรอกนะ!”

เมื่อเฉินเพ่ยหลินเห็นว่าเธอไม่ตกหลุมพราง จึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “นี่เธอกำลังขัดคำสั่งของประธานเย่อย่างนั้นเหรอ?”

เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมอง “ฉันจะทำเท่าที่ทำได้เท่านั้น!”

“นี่เธอ เวินหนี่ เธอกล้ามากนะ เธออยากตกงานงั้นสิ!” เธอไม่ฟัง ทำให้เฉินเพ่ยหลินโกรธมากและพูดขึ้นเสียงดัง

หากไม่ได้รับอนุญาตจากเย่หนานโจว เฉินเพ่ยหลินก็คงไม่กล้ามารังแกเธอ

เธอติดตามเขามาหลายปีแต่ก็ไม่ได้รับความโปรดปราน

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน หยุดจัดการเอกสารในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฉินเพ่ยหลิน แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “มากสุดฉันก็แค่ตกงาน ฝากบอกประธานเย่ด้วยว่า วันนี้ฉันโดดงาน ดูซิว่าถ้าไม่ได้ส่งคนมาจับตาดูฉัน บริษัทของเขาจะล้มละลายหรือเปล่า!”

พูดจบเธอก็หยิบกระเป๋าและหันหลังเดินออกจากบริษัททันที

เฉินเพ่ยหลินโกรธจนแทบบ้า แต่เธอก็ตั้งตารอจุดจบของเวินหนี่เช่นกันจึงตะโกนออกไปว่า “ได้ ฉันจะไปรายงานประธานเย่เดี๋ยวนี้ มาดูกันว่าเธอจะมีจุดจบแบบไหน!”

เฉินเพ่ยหลินใช้โอกาสนี้ ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นกับเย่หนานโจว หากเธอนำคำพูดของเวินหนี่ไปบอกเขา เวินหนี่จะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน

เธออยากจะเห็นเวินหนี่ถูกไล่ออกจริง ๆ

เธอเคาะประตูห้องทำงานก่อนจะเอ่ยขึ้น “ประธานเย่คะ”

เย่หนานโจวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองและพูดอย่างเฉยชา “มีธุระอะไร?”

เฉินเพ่ยหลินยืนอยู่ตรงนั้นอย่างระมัดระวังและกล่าวขึ้นว่า “ประธานเย่คะ เวินหนี่เธอโดดงานค่ะ บอกจะไปก็ไป แถมยังพูดอีกว่า หากประธานเย่ไม่ให้คนไปจับตาดูเธอแล้วจะทำให้บริษัทล้มละลายหรือเปล่า ทุกคนในบริษัทต่างก็ได้ยิน เวินหนี่คนนี้กลายเป็นคนไร้กฎมากขึ้นไปทุกที ข้ามหัวประธานเย่ไม่พอแถมยังสาปแช่งบริษัทอีก ฉันโกรธแทนประธานมากจริง ๆ ค่ะ เธอไม่เห็นคุณในสายตา มันมากเกินไปจริง ๆ คุณควรไล่เธอออก...”

สีหน้าของเย่หนานโจวเย็นชามาก และเขาเพียงแค่พูดขึ้นว่า “ไสหัวออกไป!”

เขาไม่อยากฟังเธอพูด

สิ่งนี้ทำให้เฉินเพ่ยหลินสับสน เธอรู้ว่าหากเย่หนานโจวรู้เรื่องนี้เขาจะต้องโกรธมาก และต้องไล่เวินหนี่ออกอย่างแน่นอน แต่เธอไม่คิดเลยว่าความโกรธของเขาจะส่งผลมาถึงเธอด้วย

เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนของเย่หนานโจว เธอก็ไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง จึงออกมาด้วยความอับอาย

เวินหนี่มาถึงประตูลิฟต์ และมีแพทย์คนหนึ่งกำลังเดินถือชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมาจากลิฟต์

เขาตัวสูงและสวมเสื้อคลุมสีขาว เมื่อเขาเห็นเวินหนี่ ใบหน้าที่สดใสของเขาก็ยิ้มขึ้นทันทีพร้อมกับร้องทัก “พี่สะใภ้ ทำไมพี่ไม่อยู่ในบริษัทล่ะครับ สะพายกระเป๋าจะไปไหน? พี่หนานไม่ได้บอกพี่เหรอ พอเขารู้ว่าพี่บาดเจ็บ เขาก็เรียกผมให้มาตรวจร่างกายให้พี่…”

น้อยมากที่เขาจะถูกพี่หนานเรียกให้มาช่วยรักษา

เดาได้ว่าเขาคงเป็นกังวลมาก กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป

เวินหนี่เหลือบมองเขา “นายไปดูแลเย่หนานโจวเถอะ ช่วยไปตรวจร่างกายเขาด้วย”

พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในลิฟต์โดยไม่สนใจสีหน้าสับสนของผู้คนที่เดินออกมา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status