Share

บทที่ 6

เธอรู้สึกหัวหมุนและวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พวกนายทำงานกันแบบไหนถึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้! พี่เวิน พี่เวินคะ…”

เสียงนั้นฟังดูค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนที่เวินหนี่จะหมดสติ

เมื่อตื่นขึ้นมาเวินหนี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองดูเพดานสีขาว ยังคงรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง

“พี่เวิน พี่ฟื้นแล้ว!” หลี่ถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ให้ฉันเรียกหมอมาให้ไหม”

เวินหนี่มองดูหลี่ถิง แม้ว่าตัวเองจะยังอ่อนแรง แต่เธอก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่เป็นไร ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นยังไงบ้าง? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า?”

หลี่ถิงตอบ “พี่อย่าพึ่งกังวลเรื่องงานเลยค่ะ พี่ถูกกระจกหล่นกระแทกใส่ ฉันกลัวแทบตาย คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”

เธอกล่าวพลางร้องไห้

หลี่ถิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเวินหนี่ และเวินหนี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี

เธอยังเด็กและไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้รู้สึกหวาดกลัว

“ฉันก็ฟื้นแล้วนี่ไง เลิกกังวลได้แล้ว” เวินหนี่ปลอบเธอ

เวินหนี่แตะหน้าผากที่พันด้วยผ้าก๊อซสีขาว มันยังรู้สึกเจ็บมาก เธอขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นอีกว่า “ที่ไซต์ก่อสร้างไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

เธอกลัวว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า

“ไม่มีปัญหาค่ะพี่เวิน พี่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ อย่ากังวลเรื่องไซต์ก่อสร้างเลยค่ะ ปกติพี่ก็เหนื่อยกับงานมากพออยู่แล้ว แถมยังคอยเป็นห่วงพวกเราอีก พี่รีบนอนพักผ่อนดีกว่าค่ะ!” หลี่ถิงรู้สึกผิดมาก หากเธอไม่ขอให้เวินหนี่ไปด้วย อุบัติเหตุแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น และเธอก็ไม่อยากรายงานเรื่องงานให้กับเวินหนี่ด้วยซ้ำ

เวินหนี่ชินแล้ว

ราวกับว่าหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นเพียงเครื่องจักรที่ทำงาน คอยเป็นห่วงผู้อื่น และดูแลสถานการณ์โดยรวมเพื่อความสบายใจของเย่หนานโจว

เธอจึงเป็นห่วงเรื่องงานมากโดยไม่รู้ตัว

อีกอย่างเธอก็ยังติดหนี้ตระกูลเย่อยู่ห้าสิบล้านบาท เธอจึงไม่สามารถสบายใจได้

ข้างนอกเกิดเสียงดัง ราวกับว่าแฟนคลับตัวน้อยได้พบเจอดาราดัง

“แม่เจ้า นักร้องคนนั้นก็อยู่โรงพยาบาลนี้ด้วยงั้นเหรอ?”

“ใช่น่ะสิ เมื่อกี้ฉันเห็นเธอด้วย ลู่ม่านเซิงดาราดังคนนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นเธอในระยะใกล้แบบนี้!”

“เธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? ร้ายแรงไหม?” พวกเขาถามด้วยความเป็นห่วง

“หลีกทางด้วยครับ หลีกทางด้วย!”

บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งเคลียร์ทางข้างหน้า และปิดกั้นคนอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายรูป ก่อนที่เสียงเหล่านั้นจะค่อย ๆ หายไปจากหูของเวินหนี่

แต่มันก็ยังคงดึงดูดความสนใจของเธอ

เนื่องจากเธอเห็นร่างสูงของเย่หนานโจวกำลังปกป้องลู่ม่านเซิงไว้ข้างกาย

ลู่ม่านเซิงที่ยืนเคียงข้างเขาดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำ และใบหน้าของเธอก็ซีดเผือด ดูอ่อนแรงมาก

การปรากฏตัวของเธอทำให้เกิดความโกลาหลมากมาย มีบอดี้การ์ดคอยเปิดทางให้ และความสงบก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

ร่างของพวกเขาอยู่ข้างห้องผู้ป่วยของเธอ

และห้องข้าง ๆ ก็คือห้องฉุกเฉิน

“นั่นประธานเย่ไม่ใช่เหรอคะ?”

หลี่ถิงรู้สึกประหลาดใจมากกว่าใครเมื่อเห็นสิ่งนี้

เย่หนานโจวที่ตามหากันทั้งเช้าแต่ก็ไม่พบ กลับมาพบเขาที่โรงพยาบาล แถมยังอยู่กับนักร้องดังลู่ม่านเซิง

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลี่ถิงพูดขึ้นอีกว่า “เวลามีเรื่องสำคัญประธานเย่ไม่เคยจะขาดเลย แต่เพื่อมาอยู่กับลู่ม่านเซิง แม้แต่โทรศัพท์เขากลับไม่รับ หรือว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างนั้นเหรอคะ ไม่แปลกใจเลยที่คราวก่อนลู่ม่านเซิงมาที่บริษัทโดยที่ไม่ต้องนัดก่อน ที่แท้ประธานเย่เป็นคนให้สิทธิ์กับเธอนี่เอง พี่เวินคะ ประธานเย่คงไม่ใช่คู่หมั้นที่คอยสนับสนุนเธออย่างลับ ๆ ตามรายงานข่าวหรอกใช่ไหมคะ?”

เวินหนี่กำมือแน่นจนข้อต่อเปลี่ยนเป็นสีขาว และหัวใจของเธอก็ถูกแทงอย่างแรง

เธอมองไปที่หลี่ถิง ไม่ต้องการให้คนอื่นสังเกตเห็นว่าเธอกำลังสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอออกไปก่อน ฉันอยากพักผ่อน”

“ได้ค่ะ พี่เวิน พี่พักผ่อนเยอะๆ นะคะ”

หลี่ถิงไม่กล้าเดามั่วอะไรอีก ได้แต่เดินออกจากห้องพักผู้ป่วย

เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย และนึกคิดว่าเย่หนานโจวเคยมาเยี่ยมเธอเวลาป่วยบ้างหรือไม่

และเหมือนจะไม่เคยเลย

แต่เรื่องเล็กน้อยของลู่ม่านเซิงกลับทำให้เขาเป็นกังวลได้มากขนาดนี้

เขาพาเธอมาโรงพยาบาลโดยไม่สนว่าจะถูกคนอื่นนินทา แถมยังให้คนมาคอยจัดการทางให้ด้วย เขาให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดไหนกัน

เธอช่างน่าสงสารจริง ๆ

เธอมองโทรศัพท์และลังเลอยู่นานก่อนที่จะโทรออกหาหมายเลขที่คุ้นเคย

ไม่นานปลายสายก็กดรับ

“ฮัลโหล”

ได้ยินเสียงราวกับว่าเขาอยู่ข้างหู

เวินหนี่ไม่รู้จะพูดอะไร

และเสียงที่ดูเหมือนรำคาญของเย่หนานโจวก็ดังขึ้นที่ปลายสาย “มีอะไรก็พูดมา ฉันกำลังยุ่ง”

เวินหนี่มองผ่านหน้าต่างและเห็นว่าเขากำลังขมวดคิ้ว ราวกับว่าสายของเธอทำให้เขาเสียเวลาในการทำเรื่องสำคัญ

ก็จริง คนที่ได้รับบาดเจ็บคือลู่ม่านเซิงผู้เป็นที่รักของเขานี่นา

เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่โทรหาเขา แต่ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ฉันรู้สึกไม่สบาย”

ในสายตาของเธอ เขากำลังใช้มือปิดไมค์ และมองคุณหมออย่างเย็นชา ราวกับกำลังตำหนิหมอที่ทำให้ลู่ม่านเซิงเจ็บขณะกำลังให้ยากับเธอ

ก่อนที่เขาจะหันไปด้านข้าง “เธอพูดว่าอะไรนะ?”

เวินหนี่เปิดปาก มีหลายคำพูดที่ติดอยู่ในปากของเธอ มีคนอื่นในใจอยู่แล้วทำไมถึงมาแต่งงานกับเธอล่ะ

พอแต่งงานกับเธอแล้ว ทำไมถึงยังไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก?

แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ถึงจะถามอะไรออกไป คำตอบที่ได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการอยู่ดี

“เปล่าค่ะ”

“เวินหนี่ ฉันยุ่งมาก ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็อย่าสร้างปัญหา”

บี๊บ…

พูดจบเขาก็กดวางสายและดูแลลู่ม่านเซิงต่อ

ดวงตาของเวินหนี่เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก

ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และไม่เต็มใจ…

อารมณ์นับไม่ถ้วนแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ และเธอก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น

ถึงเวลาที่ต้องจบมันแล้ว

ถึงเวลาที่ต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระแล้ว

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status