"ท่านพ่อ ท่านทำเกินไปแล้ว แม่ทำงานหนักและจัดการทุกอย่างคนเดียวในบ้านมาหลายปี ตอนนี้ท่านป้ามีปัญหา ท่านทำอย่างงี้กับแม่ได้อย่างไร!" มู่หยางชุนพูดด้วยความโกรธ“หุบปาก!” ลู่เวยหย่าตะคอกด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าถึงพูดกับพ่อของเจ้า แบบนี้! นี่คือสิ่งที่ข้าสอนพวกพวกเจ้ามาตลอดใช่มั้ย?”“ท่านแม่ ท่านพ่อโทษทุกอย่างเป็นความผิดท่าน แต่ท่านยัง...” มู่เจินจูกระทืบเท้าด้วยความโกรธท่าทางโมโหร้ายของลู่เวยหย่า ทำให้มู่เจินจูไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกต่อไป"ท่านผู้เฒ่า น้องหญิงไม่เคยทําร้ายฮูหยินเลย ปีนั้นเป็นเพราะฮูหยิน น้องหญิงจึงได้รับวาสนาเข้ามาเพื่อรับใช้ท่าน น้องหญิงจะะวางยาพิษฮูหยินได้อย่างไร ถ้าท่านไม่เชื่อ น้องหญิงก็ประสงค์จะตาย"เมื่อพูดจบ ลู่เวยหย่าก็ยืนขึ้นและเอาหัวชนเข้ากับเสา“เหว่ยหยา!” มู่เทียนซิงอุทานชื่อออกมาอย่างตกใจและรีบไปหยุดเธอทันที แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของลู่เวยหย่า จะเร็วมาก“ตูม!” เสียงศรีษะกระแทกเข้ากับเสา“เวยหย่า!” มู่เทียนซิงตะโกนเสียงดังและกอดลู่เวยหย่า ที่ล้มลงอย่างรวดเร็ว“ท่านแม่!” จู่ๆ ห้องทั้งก็วุ่นวาย"ท่านผู้เฒ่า เวยหย่าไม่เคยทำร้ายฮูหยิน มันเป็นวาสนาของเวยหย่า
มู่เทียนซิงมองไปที่ป้าจ้าว แล้วมองไปที่ลู่เวยหย่าบนเตียง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิดมู่จิ่วซีเหลือบมองป้าจ้าว จากนั้นกลอกเตาของท่านหญิงรอง เมื่อตรวจสอบเธอเสร็จแล้ว จึงพูดว่า "ท่านหญิงรองสบายดี พักผ่อนก็จะดีขึ้น""หัวกระแทกเสาขนาดนี้ ยังไม่เป็นไรอีกหรอ?" ป้าจ้าวมองไปที่มู่จิ่วซีด้วยความไม่พอใจมู่จิ่วซีเหลือบมองป้าจ้าวอย่างเย็นชาป้าจ้าวอึ้งไปครู่หนึ่ง พบว่าแววตาของคุณหนูใหญ่คนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนได้"ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ท่านหญิงรองจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้" มู่จิ่วซีพูดจบก็ลุกขึ้น "ข้ามีเรื่องจะบอกพ่อ เราออกไปข้างนอกก่อนเถอะ"มู่เทียนซิงมองบนเตียงแล้วพูดกับป้าจ้าวทันทีว่า "ให้หมอดูให้ดี ๆ ดูแลท่านหญิงให้ดี"ป้าจ้าวตอบรับ และมองสองพ่อลูกออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ"ท่านพ่อ ท่านเชื่อสิ่งที่ป้าหวังพูดเหรอ เธอเป็นคนทําร้ายท่านแม่เอง?" มู่จิ่วซีถามมู่เทียนซิงมองเธอแล้วพูดว่า "ท่านคิดยังไง?""พูดตามตรง ข้าไม่เชื่อ ถ้าป้าหวังต้องการแก้แค้น ไม่จําเป็นต้องรอสิบกว่าปีหรอก""แล้วเจ้าคิดว่ามีคนสั่งให้เธอเหรอ?"มู่จิ่วซีมองไปที่พ่อของเธอที่จู่ๆ ก็ดูซีดเซียว และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร"เจ้าสง
"ว้าว ไม่รู้จริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วไม่รู้ว่าลูกสาวบ้านไหนจะได้เป็นเจ้าหญิงผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ล่ะ""คุณหนูรองไป๋ ใครจะไม่รู้ว่าเธอรักผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์มานานแล้วล่ะ""พวกคุณเข้าใจอะไร ผู้สมัครตำแหน่งภริยาของผู้สําเร็จราชการแทนต้องเป็นคนที่พระพันปีหลวงโปรดปราน""ข้ากลับอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วใครกล้าแต่งงานกับคุณหนูใหญ่มู่จิ่วซี""ผู้หญิงวิกลจริตคนนี้ สุดท้ายคงไม่แต่งงานไม่ออกหรอกมั้ง...""ฮ่าๆๆ..."ทั้งเมืองหลวงกําลังถกเถียงเรื่องนี้กันอยู่ มู่จิ่วซีกลายเป็นตัวตลกจริง ๆมีเพียงฮั้วอวิ๋นเทียนจากหอดาราจันทราและ เย่อู๋เหิง จากศาลต้าหลี่เท่านั้นที่ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เพียงแค่ส่ายหัวทั้งคู่ได้สั่งการให้ติดตามตัวหมู่จิ่วซีมาสอบสวนอีกครั้งว่า แท้จริงแล้วหญิงรายนี้ปกปิดอะไรอยู่แน่นอนว่ามีอีกคนที่ทําเช่นเดียวกัน นั่นก็คือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ โม่จุนแม้จะยกเลิกงานสมรสได้สำเร็จ แต่การแสดงออกทั้งสองครั้งของมูจิ่วซีทำให้เขาประทับใจ ทั้งยังเกิดความสงสัยอย่างมากต่อข่าวลือของมูจิ่วซี จึงให้ผู้พิทักษ์เงาไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในพระราชวังของพระพันปีหลวงฉือลู่ มู่จิ่วซี
โม่จุนรีบถวายบังคมแด่พระพันปีหลวง จากนั้นก็หันไปมองมู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่มู่ช่างเอาใจใส่ผู้อื่น ข้าขอบใจจริงๆ"จากนั้นเขาก็หันไปทูลกับพระพันปีหลวง : "พระพันปีหลวง ข้าน้อยจะไม่มีทางเสียใจ เพียงแต่ข้าน้อยขอรับประกันกับพระพันปีหลวงไว้อย่าง ว่าคุณหนูใหญ่มู่หากยังทรงไม่พบพระสวามีที่สมดั่งปรารถนา ข้าน้อยเองก็จะไม่แต่งงาน""หา เจ้าหมายความว่ายังไง นีคือเจ้าจะไม่แต่งงานงั้นรึ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างขำขัน"เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้างกายข้าไม่จำเป็นต้องมีอิสตรี" โม่จุนมองนางอย่างเย็นชา"นี่เจ้าเอาข้ามาเป็นเกราะกำบังงั้นสินะ" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วพระพันปีหลวงตะคอกออกมาอย่างไม่พระทัย : "สามหาว ! เจ้าเป็นถึงท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะไม่แต่งงานได้อย่างไร? ข้าไม่อนุญาต!"โม่จุนสีหน้าบูดบึ้งในทันทีพร้อมกับมองพระพันปีหลวงด้วยสีหน้าที่สงสัยอย่างมาก : "ทูลพระพันปีหลวง หากข้าน้อยต้องแต่งงาน ข้าน้อยเองก็คงต้องรอฝ่าบาทครบ 16 พรรษาก่อนกระมังพะยะค่ะ""16 พรรษา? งั้นก็อีก 5 ปีเลยนะสิ?" มู่จิ่วซีคำนวนอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็คิดว่าผู้ชายอายุ 28 ปีถึงค่อยแต่งงานก็ไม่นับว่าเร็วเกินไป อีกอย่างเป็นผู้ชายก็ควรจะมีการงานทำก
"หรือว่าผู้ชายสันดานหมาคนนั้นยังรักสนมเอกสามอยู่?" มู่จิ่วซีก็รู้สึกดูหมิ่นอยู่ในใจพระพันปีหลวงถอนหายใจกล่าวออกมา : "อย่าพูดจาสามหาว ลึกๆ ในใจของท่านผู้สำเร็จราชการแทน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่เซียวหลิงเย่ว์สำหรับเขา...""นั่นมันผ่านมาตั้งนานแล้ว ถ้าเขายังคงฝังใจไม่ลืม แล้วสนมเอกสามกับเขายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย!""ถ้าเขาคิดขึ้นมาจริงๆ ใครจะไปขวางเข้าได้ อันที่จริงในใจของเขาก็ข่มขื่น ข้ารู้ดี" พระพันปีหลวงถอนหายใจอีกครั้ง"เขาจะขมขื่นอะไร เขามันหน้ามืดตามัวเอง อีกอย่างไม่ใช่เขาที่ทำให้เซียวหลิงเย่ว์ผิดหวัง เป็นเซียวหลิงเย่ว์เองที่แต่งงานกับเสด็จลุงสาม เห็นชัดแล้วว่าเซียวหลิงเย่ว์ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเขา""ยัยหนูคนนี้ วันนี้ทำไมเจ้าได้ถึงพูดมากขนาดนี้?" พระพันปีหลวงตรัสอย่างตกใจ"นี่ไม่ใช่ว่าเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้หรอกหรอ!" มู่จิ่วซีเบ้ปากพูดขึ้นมา "ผู้ชายคนนี้มีตาหามีแววไม่" (เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ หมายถึง ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้)"ยัยหนูอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร" พระพันปีหลวงถอนหายใจอีกครั้
มู่จิ่วซีไม่พอใจสีหน้าดำทะมึนของโม่จุนพร้อมกับเอ่ยอย่างไม่พอใจออกมาทันที : "มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา มีอะไรจะแพล่มก็รีบแพล่ม!"โม่จุนจู่ๆ ก็พุ่งฝ่ามือโจมตี มู่จิ่วซีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นเขาก็คว้ามาที่คอของนางทันทีแต่มู่จิ่วซีก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นางง้างมือออกไปบังเงื้อมมือของโม่จุนที่เข้ามาคว้าเอาไว้แทบจะในเวลาเดียวกันดังนั้นในเวลาเดียวกันนั้น โม่จุนได้คว้าคอของมู่จิ่วซี แต่มู่จิ่วซีกลับเร็วกว่าอยู่ช่วงหนึ่งและได้คว้ากล่องดวงใจของโม่จุนเอาไว้สี่สายตาสอดประสาน แววตาของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความโกรธโมโหและจิตสังหาร"ต่ำตม!" โม่จุนวางมือในทันที เพียงแต่ใบหน้าที่โกรธแค้นของเขาก็ได้ปรากฎสีแดงระเรื่อขึ้นมาจางๆ"ต่ำช้า!" ทันใดนั้นสีหน้าของมู่จิ่วซีก็ไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความทะเล้น บรรยากาศรอบกายของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโม่จุนเลยแววตาที่คมกริบคู่นั้นทำให้โม่จุนรู้สึกว่ามู่จิ่วซีคนนี้ไม่ใช่คนอย่างที่ผู้คนกล่าวถึงอย่างแน่นอน"โม่จุน ข้าขอเตือนเจ้าไว้ ครั้งหน้าหากยังคว้าที่คอของข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้ามีลูกไม่ได้อีกเลยคอยดู!" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็กำมือที่คว้ากล่องดวงใจขอ
ทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็เผยรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้นมาบนใบหน้า จากนั้นโม่จุนก็พูดออกมา : "เจ้าแลกเปลี่ยนอะไรกับเขา?""ข้าก็ขายร่างกายให้กับจิ้งจอกม่วงไง" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็เผยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"อะไรนะ!" โม่จุนอีกนิดก็แทบจะกระโดดตัวลอย "มู่จิ่วซี เจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร!"พอพูดจบสีหน้าเขาก็เปลี่ยนทันทีและหรี่ตาลงพร้อมกับพูดออกมา : "ไม่สิ! เจ้าจิ้งจอกม่วงนั่นไม่มีทางที่จะเอาของล้ำค่าแบบนี้มาแลกกับคุณหนูใหญ่ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่แบบนี้ได้หรอก""ชื่อเสียงฉาวโฉ่อะไร แม้ว่าข้าคนนี้มีความสามารถโดดเด่น แต่ข้าก็ไม่สถุลเข้าใจไหม?" มู่จิ่วซีโมโหขึ้นมาอีกครั้งโม่จุนถึงกับตะลึงกับคำพูดนี้ของนางโดดเด่นมีความสามารถแต่ไม่สถุล นี่คือคำพูดของหญิงสาวอย่างงั้นเหรอ?"ข้าก็แค่ชอบยลโฉมผู้ชายรูปงามก็เท่านั้น ถ้าต้องทำอะไรจริงๆ ข้าผู้หญิงตัวคนเดียวก็เสียเปรียบแย่น่ะสิ? หัวสมองเจ้าคิดอะไร อย่างน้อยข้าก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนมู่ จะสำส่อนขนาดนั้นได้ยังไง?"มู่จิ่วซีดูหมิ่นสีหน้าท่าทีของโม่จุน"เงื่อไขการแลกเปลี่ยนกับจิ้งจอกม่วงก็คือให้ข้านักษาคนๆ หนึ่ง"โม่จุนยังคงคิดถึงคำพูดของมู่จิ่วซีเมื่อครู่นี้อยู่ แต่เมื่อจู่ๆ เขาเห็นน
โม่จุนก้มหน้าลงและพิจารณาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถึงเงยหน้าขึ้นมามองไปยังมู่จิ่วซีที่รอเขาพูดอธิบาย"เซียวเจี้ยนยังมีประโยชน์กับข้า ตอนนี้ไม่อาจจะฆ่าเขาได้""มีประโยชน์อะไร?" มู่จิ่วซียังคงซักไซ้ถามต่อ "เจ้าคงไม่คิดว่าเจ้าพูดเพียงแค่นี้แล้วข้าจะต้องเชื่อเจ้าหรอกใช่ไหม? ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะเชื่อไหม?"โม่จุนรู้สึกลำบากใจและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ : "เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่อย่างเจ้าจะเข้าไปยุ่งได้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับเจ้าเลยและก็มีอันตรายด้วย หวังว่าเจ้าจะเชื่อข้า เซียวเจี้ยนไม่ช้าก็เร็วก็จะส่งตัวให้เจ้า แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้"สายตาของมู่จิ่วซีหรี่ลงอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หันกลับมาพูด : "จับเขาได้แล้วหรือยัง?""ยังจับไม่ได้ แต่ว่าอยู่ในการเฝ้าสังเกตของข้าแล้ว" แววตาของโม่จุนกลับมามีแววตาปกติดังเดิม"เบื้องหลังของเซียวเจี้ยนยังมีคนอื่นอีกนอกจากเซียวหลิงเย่ว์?" มู่จิ่วซีถามขึ้นอีกครั้ง แต่หลังจากโม่จุนมองอย่างลุกซึ้งไปที่นางก็ไม่ได้ตอบอะไรมุมปากของมู่จิ่วซีก็กระตุกยิ้มขึ้นมา : "ได้ ขอยอมแลกเปลี่ยนเงื่อนไข แต่ถ้าหากเขาตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าเมื่อไหร่ เจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน ในเ