ส่วนลู่เวยหย่าป้าสะใภ้รองของนางอ่อนโยนและสง่างาม ไม่ได้เป็นคนทะเยอทะยาน ไม่ได้ย่อถ้อต่อความยากลำบาก ถือว่าเป็นแบบอย่างของอนุภรรยา"ไป๋ฉี่เฟิง เจ้ารนหาที่ตายรึไง?" มู่จิ่วซีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยท่าทีที่เย็นชาในมือของไป๋ฉี่เฟิงถือกระบี่อยู่เล่มหนึ่งพร้อมกับชักกระบี่ออกมาจ่อหน้ามู่จิ่วซีและพูดอย่างเกรี้ยวกราด : "มู่จิ่วซี เจ้ามันจะมากเกินไปแล้ว พลักพี่สาวข้าลงทะเลสาบ เจ้าจะต้องขอโทษพี่สาวของข้า""ฮาฮา พี่สาวเจ้าใช้ให้เจ้ามาสินะ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ไม่ใช่! แต่ว่าข้าโกรธมาก เจ้าจะต้องขอโทษ!""หา? ข้าจำเป็นต้องทำ?" มู่จิ่วซีหัวเราะกล่าวออกมาไป๋ฉี่เฟิงขยับกระบี่ในมือขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอ่ยออกมา : "ถ้าไม่ขอโทษ งั้นก็ลิ้มรสกระบี่ขอข้าซะ!""ไป๋ฉี่เฟิง เจ้ามันก็แค่คุณชายคนหนึ่งของอนุภรรยา ริอาจเอากระบี่มาชี้ข้าซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่ของภรรยาหลวงแม่ทัพใหญ่มู่ นี่เจ้ากำลังทำผิดโทษฐานไม่รู้จักสูงต่ำ!"ไป๋ฉี่เฟิงถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันทีและกล่าวอย่างโมโห : "เจ้าริอาจรังแกพี่สาวข้า ยอมไม่ได้เด็ดขาด!""ได้ งั้นก็มา แทงข้าเลย!" มู่จิ่วซีเดินเข้าไปหาเขาตรงๆ นางเดินอย่างวามาดเข้าไปโดยไม่กลัวตายแม้แ
ไป๋ชิงหันมามองนาง สีหน้านิ่งสงบอย่างมากทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อยและพูดกล่าวอย่างยิ้มแย้ม : "คุณหนูใหญ่ไป๋ เจ้าไม่สนใจจัดการน้องขายเจ้าแล้วจริงๆ งั้นเหรอ?"ไป๋ชิงกล่าวยิ้มขึ้นมาอย่างเรียบๆ : "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าเองก็เห็นแล้ว ข้าไม่สนใจแล้วล่ะ ต่อให้ข้าจะอยากจัดการเขา แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?""ไป๋ชิง เจ้าเลิกเแสร่งเสียทีเถอะ เห็นแล้วมันทุเรศ" ไป๋ฉี่เฟิงสบประมาทไป๋ชิงมู่จิ่วซีเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนฐานะตำแหน่งของไป๋ชิงจะถูกดูหมิ่นดูแคลนให้ตกต่ำอย่างมากตอนที่อยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีจริงๆไป๋ชิงมองไป๋ฉี่เฟิงด้วยใบหน้าที่เย็นชาและกล่าวอย่างเรียบเฉย : "พอกลับไปแล้วก็อย่าพูดแล้วกันว่าข้าที่เป็นพี่สาวไม่ช่วยเจ้า"พอพูดจบนางก็หันไปพูดกับมู่จิ่วซี : "คุณหนูใหญ่มู่ ขออภัยที่ให้เจ้าต้องมาเห็นเรื่องน่าอับอาย อ่อ ได้ยินมาว่าเจ้ากับท่านผู้สำเร็จราชการแทนถอนหมั้นกันแล้วงั้นรึ?"มู่จิ่วซีผงะไปพร้อมกับเอ่ยออกมา : "ใช่ พวกเราถอนหมั้นกันแล้ว ข้าไม่ได้ชอบข้า"ไป๋ชิงตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งพร้อมกับพูดออกมา : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นผู้ชายที่ดี เกรงว่าคุณหนูใหญ่มู่คงจะพลาดโอกาสไปแล
"คุณหนูใหญ่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนออกจะรูปงามขนาดนั้น บุรุษชายหล่อเหลาอันดับหนึ่ง เก่งกาจรอบรู้บู๊บุ๋น ผู้ชายแบบนี้ใครบ้างที่ไม่อยากจะได้" ลู่เอ๋อร์กล่าวอย่างร้อนรน "มีแต่คุณหนูนี่แหละเจ้าคะที่ถอนหมั้น!""ชิ ลู่เอ๋อร์ ผู้หญิงถ้าต้องแต่งงานจะต้องแต่งกับคนที่รักเรา ไม่ใช่แต่งกับคนที่เรารัก เข้าใจไหม? ไม่อย่างงั้นผู้หญิงคนนั้นจะต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต แน่นอนว่าถ้าทั้งสองฝ่ายรักซึ่งกันและกันจะดีที่สุด"ลู่เอ๋อร์เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ สองคนนายบ่าวคุยกันอย่างเฮฮาอยู่ในภายในจวน...เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ทัพใหญ่มู่ก็กลับมาด้วยใบหน้าที่ดำทะมึน"มู่จิ่วซี เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!"มู่จิ่วซีอยู่ในเรือนออกกำลังกายตลอดเวลา ทั้งตัวนางเต็มไปด้วยเหงื่อและหายใจหอบเหนื่อย เมื่อได้ยินท่านพ่อโวยวายเสียงดัง นางก็รู้เลยว่านางเองโดนใครเอาเรื่องไปฟ้องเข้าให้แล้ว"ท่านพ่อ ท่านโมโหอะไรของท่าน" มู่จิ่วซียิ้มร่ากล่าวออกมา "อัครมหาเสนาบดีไป๋คงไปฟ้องท่านสินะ?"มู่เทียนซิงผงะไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นลูกสาวตัวเองเหงื่อไหลเต็มหน้า จากนั้นก็กล่าวอย่างโมโห : "เจ้าก็รู้ว่าไอแก่นั่นไม่ควรไปยั่วโมโหด้วย เจ้ายังจะไปรังแกลูกชา
มู่จิ่วซีขมวดคิ้วในทันทีและถามขึ้นมา : "ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเป็นฝีมือมือสังหาร?""ไม่ การลอบสังหารคนในวังและราชสำนัก ปกติแล้วหอดาราจันทราจะไม่รับงานพวกนี้ แต่ด้านข้อมูลข่าวกรองหอดาราจันทรานั้นรวดเร็ว บางทีอาจจะมีเงื่อนงำ" มู่เทียนซิงถูไปที่หัวคิ้ว"ท่านพ่อ เรื่องนี้อันตรายเกินไปแล้ว ท่านอย่าไปยุ่งเลย ให้ข้าตรวจสอบแทนเถอะ" มู่จิ่วซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมา"พูดจาไร้สาระ!" มู่เทียนซิงถึงกับสะดุ้ง "ก็เพราะอันตรายไงล่ะ ดังนั้นเจ้าเลิกคิดเองเออเองซะ""ท่านพ่อ ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ ท่านให้เย่ฮานกับชิงเฟิงมากับข้าก็พอ ข้ารับผิดตรวจสอบเงื่อนงำเบาะแส พอถึงเวลาตอนลงมือจับกุม ท่านพ่อจัดการก็สิ้นเรื่องแล้ว""ข้าเมื่อวานซืนเพิ่งไปที่หอดาราจันทรา ข้าถือว่าพอจะสนิทกับจิ้งจอกม่วงอยู่บ้าง ให้ข้าไปสืบจะสะดวกกว่า อีกอย่างพรุ่งนี้ข้ากับท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็จะไปที่นั่นด้วยกัน"มู่จิ่วซีพูดออกมาพรวนภายในลมหายใจเดียว"ไม่ได้ พ่อไม่ไว้ใจ" มู่เทียนซิงยังคงส่ายหัว"ท่านพ่อ ถ้าให้ท่านไป เกรงว่าแม้แต่หน้าของจิ้งจอกม่วงท่านก็คงจะไม่ได้พบ ถ้าเวลาท่านก็ต้องมาเสียหน้าอีก" มู่จิ่วซีได้แต่ต้องเหน็บแนมเขามู่เ
ป้าหวังพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก จากนั้นจู่ๆ ป้าหวังก็กัดขบฟันอย่างแรง"ป้าหวัง!" มู่จิ่วซีเรียกนางอย่างกระทันหัน นางไม่คาดคิดว่าป้าหวังจะมียาพิษซ่อนเอาไว้อยู่ในฟัน"ข้าขอโทษ" มุมปากของป้าหวังก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมา นางค่อยๆ พริ้มตาหลับลงอย่างช้าๆมู่จิ่วซีใจเต้นโครมครามอย่างแรง องครักษ์สองนายก็รีบเข้ามาดูพร้อมกับตกตะลึงจนตาค้าง"คุณหนูใหญ่ นี่มัน...""ไปเรียนท่านพ่อข้ามา เร็วเข้า!" มู่จิ่วซีรีบตะโกนส่งเสียงดังออกมาองครักษ์คนหนึ่งก็รีบวิ่งไปตามอย่างรวดเร็ว มู่จิ่วซีมองป้าหวังที่น้ำตาไหลอาบหน้าซึ่งยังไม่แห้งดี ในใจของนางรู้สึกสะอื้นเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันในใจก็มีความหนาวเย็นปะทุขึ้นมาการกัดพิษปลิดชีพตนเองเรื่องประเภทนี้ ปกติแล้วก็มีเพียงแต่พวกไส้ศึกและมือสังหารเท่านั้นที่มักจะใช้ตอนทำภารกิจพลาด แต่ป้าหวังทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?ทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้อยู่เหนือจิตนาการของนางขณะที่มู่เทียนซิงวิ่งเข้ามาหา เขาก็เห็นว่าป้าหวังตายไปแล้วและก็สะเทือนใจอย่างมาก"ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ธรรมดาแล้ว เรื่องนี้ให้ศาลต้าหลี่หรือเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาลจัด
มู่จิ่วซียิ้มให้กับอานเย่ที่นั่งอยู่หน้ารถม้าและเอ่ยกล่าว : "อานเย่ อรุณสวัสดิ์""มู่ คุณหนูใหญ่มู่ อรุณสวัสดิ์" เดิมทีอานเย่ยืนอยู่ข้างรถม้าด้วยใบหน้าที่ขึงขัง พอมู่จิ่วซีทักทายอย่างเป็นกันเองก็ทำให้รับมือไม่ทัน เขาเลยรีบตอบกลับไป ใบหน้าของทั้งเขินอายและรู้สึกเกรงใจเย่ฮานก็ได้พยุงมู่จิ่วซีให้ขึ้นรถม้าไปก็เห็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนที่จัดเสื้อผ้าจนเรียบร้อยและนั่งตัวตรงหันมองมาที่นางเขาสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าเข้ม บนหัวก็มีมงกุฎหยกสวมทับ บรรยากาศสูงส่งเกรงขามเพียงแต่ใบหน้าที่หล่อหเหลานั้นกลับเย็นชา ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน อรุณสวัสดิ์" มู่จิ่วซีนั่งข้างๆ พร้อมกับเจตนาดีทักทายเขา "วันนี้อากาศดีจริงๆ เจ้าเองควรจะยิ้มให้เยอะๆ หน่อยนะ"พอโม่จุนเห็นใบหน้าอบชมพูราวกับดอกท้อของนางที่มีรอยยิ้มพร้อมกับดวงตาสวยงามที่เหลือบมอง เขาก็รู้สึกว่าความงามนั้นตละการตาอยู่เล็กน้อยเขาเมื่อก่อนที่เคยเห็นมู่จิ่วซี ก็รู้สึกว่านางงามแบบไม่มีรสนิยม ฉูดฉาด เลี่ยนและรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ แต่ตอนนี้ท่าทีของนางกลับดูสบายๆ วิจิตรงดงาม มีความนุ่มนวลแฝงอยู่จางๆนี่เป็นความเปลี
"เจ้าวางใจเถอะ ข้าวันนี้ไปที่หอดาราจันทราก็กะจะไปสืบข่าวด้วยพอดี" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจดวงตาสีดำของโม่จุนก็จ้องเขม็งพร้อมกับกล่าวออกมา : "อันที่จริงหอดาราจันทราถือว่าเป็นองค์กรข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดทั้งหกแคว้น แต่ข่าวหรองพวกนี้ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะบอกเจ้างั้นเหรอ?""เจ้าคอยดูแล้วกัน วันนี้ข้าออกโรง เจ้าก็อย่าสร้างปัญหาให้ข้าแล้วกัน" มู่จิ่วซีดูหมิ่นเขาโม่จุนถึงกับแผ่ซ่านบรรยากาศความหนาวเหน็บออกมารอบตัวหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม รถม้าก็ได้มาหยุดลงตรงปากประตูของหอดาราจันทรา"คุณหนูใหญ่มู่!" เถ้าแก่ร่างท้วมก็วิ่งออกมาจากด้านในและยิ้มให้กับมู่จิ่วซีพร้อมกับประสานมือเคารพทักทาย จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่จุนพร้อมกับเววตาที่เบิกโพลงกว้างเป็นประกาย "ท่านนี้คือ?""เถ้าแก่ นี่คือท่านผู้สำเร็จราชการแทนผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นแคว้นเกาอวิ๋นของพวกเรา เจ้าไม่รู้จักงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีมองไปที่โม่จุนที่มีสีหน้าเย็นชาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเถ้าแก่ร่างท้วมสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นเขาก็รีบคุกเข่าในทันทีและเอ่ยออกมา : "ข้าน้อยหลิวเหวินเทาประชาชนคนธรรมดาขอคารวะท่านผู้สำเร็จราชการแทน""ไม่ต้องพิธ
มู่จิ่วซีตอบสนองด้วยปฏิกิริยาอันรวดเร็ว นางหมอบลงไปกับพื้นไปทั้งตัวพร้อมกับดีดเข็มเงินในมือใส่ชายสองคนนั้นอย่างไม่เลือกหน้าถึงอย่างไรถ้ายังไม่ห้ามพวกเขาไว้ มู่จิ่วซีก็รู้สึกว่าคงต้องมาเสียเที่ยวแน่นั่นยิ่งทำให้นางตระหนักได้ถึงความสำคัญของกำลังภายในได้อีกครั้งโต๊ะม้าหินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ชายทั้งสองคนเดิมทียังอยากประลองฝีมือต่อ แต่เข็มเงินพร้อมกับเสียงที่แหวกอากาศมาก็ได้นำพาความรู้สึกอันตรายเข้ามาด้วย ทั้งสองคนล้วนไม่อยากโดนเข็มเงินนี้ปักเข้าที่เท้าทั้งสองจึงพุ่งถลาในเวลาเดียวกัน ฮั้วอวิ๋นเทียนพอถึงพื้นก็ตวัดแขนเสื้ออกไปเพื่อคว้ากู่เจิงที่กำลังจะร่วงหล่นสู่พื้นให้กลับเข้ามาอยู่ในมือส่วนโม่จุนกลับหันไปทางมู่จิ่วซีเป็นอันดับแรกมู่จิ่วซียังคงหมอบอยู่ที่พื้น ขาทั้งสองข้างของนางเพียงพลิกก็กลับลุกขึ้นมายืนได้อย่างคล่องแคล่วแต่ว่าชายเสื้อผ้าที่ยาวเกินไป อีกทั้งนางก็สวมชุดกระโปรง แม้ว่านางจะสวมกางเกงชั้นในเอาไว้ข้างใน แต่หากพูดถึงตอนที่ลุกมาเมื่อครู่นั้น นางก็ได้เผยจุดซ่อนเร้นออกไปเรียบร้อยแล้วนางลุกขึ้นมาและรีบจัดระเบียบเสื้อผ้า ผมที่ยาวถึงเอวก็กระเซิงจับกันเป็นก้อน ปิ่นไข่มุกก็หล่นตกอ