ป้าหวังพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก จากนั้นจู่ๆ ป้าหวังก็กัดขบฟันอย่างแรง"ป้าหวัง!" มู่จิ่วซีเรียกนางอย่างกระทันหัน นางไม่คาดคิดว่าป้าหวังจะมียาพิษซ่อนเอาไว้อยู่ในฟัน"ข้าขอโทษ" มุมปากของป้าหวังก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมา นางค่อยๆ พริ้มตาหลับลงอย่างช้าๆมู่จิ่วซีใจเต้นโครมครามอย่างแรง องครักษ์สองนายก็รีบเข้ามาดูพร้อมกับตกตะลึงจนตาค้าง"คุณหนูใหญ่ นี่มัน...""ไปเรียนท่านพ่อข้ามา เร็วเข้า!" มู่จิ่วซีรีบตะโกนส่งเสียงดังออกมาองครักษ์คนหนึ่งก็รีบวิ่งไปตามอย่างรวดเร็ว มู่จิ่วซีมองป้าหวังที่น้ำตาไหลอาบหน้าซึ่งยังไม่แห้งดี ในใจของนางรู้สึกสะอื้นเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันในใจก็มีความหนาวเย็นปะทุขึ้นมาการกัดพิษปลิดชีพตนเองเรื่องประเภทนี้ ปกติแล้วก็มีเพียงแต่พวกไส้ศึกและมือสังหารเท่านั้นที่มักจะใช้ตอนทำภารกิจพลาด แต่ป้าหวังทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?ทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้อยู่เหนือจิตนาการของนางขณะที่มู่เทียนซิงวิ่งเข้ามาหา เขาก็เห็นว่าป้าหวังตายไปแล้วและก็สะเทือนใจอย่างมาก"ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ธรรมดาแล้ว เรื่องนี้ให้ศาลต้าหลี่หรือเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาลจัด
มู่จิ่วซียิ้มให้กับอานเย่ที่นั่งอยู่หน้ารถม้าและเอ่ยกล่าว : "อานเย่ อรุณสวัสดิ์""มู่ คุณหนูใหญ่มู่ อรุณสวัสดิ์" เดิมทีอานเย่ยืนอยู่ข้างรถม้าด้วยใบหน้าที่ขึงขัง พอมู่จิ่วซีทักทายอย่างเป็นกันเองก็ทำให้รับมือไม่ทัน เขาเลยรีบตอบกลับไป ใบหน้าของทั้งเขินอายและรู้สึกเกรงใจเย่ฮานก็ได้พยุงมู่จิ่วซีให้ขึ้นรถม้าไปก็เห็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนที่จัดเสื้อผ้าจนเรียบร้อยและนั่งตัวตรงหันมองมาที่นางเขาสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าเข้ม บนหัวก็มีมงกุฎหยกสวมทับ บรรยากาศสูงส่งเกรงขามเพียงแต่ใบหน้าที่หล่อหเหลานั้นกลับเย็นชา ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน อรุณสวัสดิ์" มู่จิ่วซีนั่งข้างๆ พร้อมกับเจตนาดีทักทายเขา "วันนี้อากาศดีจริงๆ เจ้าเองควรจะยิ้มให้เยอะๆ หน่อยนะ"พอโม่จุนเห็นใบหน้าอบชมพูราวกับดอกท้อของนางที่มีรอยยิ้มพร้อมกับดวงตาสวยงามที่เหลือบมอง เขาก็รู้สึกว่าความงามนั้นตละการตาอยู่เล็กน้อยเขาเมื่อก่อนที่เคยเห็นมู่จิ่วซี ก็รู้สึกว่านางงามแบบไม่มีรสนิยม ฉูดฉาด เลี่ยนและรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ แต่ตอนนี้ท่าทีของนางกลับดูสบายๆ วิจิตรงดงาม มีความนุ่มนวลแฝงอยู่จางๆนี่เป็นความเปลี
"เจ้าวางใจเถอะ ข้าวันนี้ไปที่หอดาราจันทราก็กะจะไปสืบข่าวด้วยพอดี" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจดวงตาสีดำของโม่จุนก็จ้องเขม็งพร้อมกับกล่าวออกมา : "อันที่จริงหอดาราจันทราถือว่าเป็นองค์กรข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดทั้งหกแคว้น แต่ข่าวหรองพวกนี้ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะบอกเจ้างั้นเหรอ?""เจ้าคอยดูแล้วกัน วันนี้ข้าออกโรง เจ้าก็อย่าสร้างปัญหาให้ข้าแล้วกัน" มู่จิ่วซีดูหมิ่นเขาโม่จุนถึงกับแผ่ซ่านบรรยากาศความหนาวเหน็บออกมารอบตัวหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม รถม้าก็ได้มาหยุดลงตรงปากประตูของหอดาราจันทรา"คุณหนูใหญ่มู่!" เถ้าแก่ร่างท้วมก็วิ่งออกมาจากด้านในและยิ้มให้กับมู่จิ่วซีพร้อมกับประสานมือเคารพทักทาย จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่จุนพร้อมกับเววตาที่เบิกโพลงกว้างเป็นประกาย "ท่านนี้คือ?""เถ้าแก่ นี่คือท่านผู้สำเร็จราชการแทนผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นแคว้นเกาอวิ๋นของพวกเรา เจ้าไม่รู้จักงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีมองไปที่โม่จุนที่มีสีหน้าเย็นชาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเถ้าแก่ร่างท้วมสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นเขาก็รีบคุกเข่าในทันทีและเอ่ยออกมา : "ข้าน้อยหลิวเหวินเทาประชาชนคนธรรมดาขอคารวะท่านผู้สำเร็จราชการแทน""ไม่ต้องพิธ
มู่จิ่วซีตอบสนองด้วยปฏิกิริยาอันรวดเร็ว นางหมอบลงไปกับพื้นไปทั้งตัวพร้อมกับดีดเข็มเงินในมือใส่ชายสองคนนั้นอย่างไม่เลือกหน้าถึงอย่างไรถ้ายังไม่ห้ามพวกเขาไว้ มู่จิ่วซีก็รู้สึกว่าคงต้องมาเสียเที่ยวแน่นั่นยิ่งทำให้นางตระหนักได้ถึงความสำคัญของกำลังภายในได้อีกครั้งโต๊ะม้าหินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ชายทั้งสองคนเดิมทียังอยากประลองฝีมือต่อ แต่เข็มเงินพร้อมกับเสียงที่แหวกอากาศมาก็ได้นำพาความรู้สึกอันตรายเข้ามาด้วย ทั้งสองคนล้วนไม่อยากโดนเข็มเงินนี้ปักเข้าที่เท้าทั้งสองจึงพุ่งถลาในเวลาเดียวกัน ฮั้วอวิ๋นเทียนพอถึงพื้นก็ตวัดแขนเสื้ออกไปเพื่อคว้ากู่เจิงที่กำลังจะร่วงหล่นสู่พื้นให้กลับเข้ามาอยู่ในมือส่วนโม่จุนกลับหันไปทางมู่จิ่วซีเป็นอันดับแรกมู่จิ่วซียังคงหมอบอยู่ที่พื้น ขาทั้งสองข้างของนางเพียงพลิกก็กลับลุกขึ้นมายืนได้อย่างคล่องแคล่วแต่ว่าชายเสื้อผ้าที่ยาวเกินไป อีกทั้งนางก็สวมชุดกระโปรง แม้ว่านางจะสวมกางเกงชั้นในเอาไว้ข้างใน แต่หากพูดถึงตอนที่ลุกมาเมื่อครู่นั้น นางก็ได้เผยจุดซ่อนเร้นออกไปเรียบร้อยแล้วนางลุกขึ้นมาและรีบจัดระเบียบเสื้อผ้า ผมที่ยาวถึงเอวก็กระเซิงจับกันเป็นก้อน ปิ่นไข่มุกก็หล่นตกอ
เถ้าแก่ร่างท้วมก็พาบ่าวสองคนเข้ามาจัดการข้าวของด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักในเรือนก็เรียบร้อยใหม่กริบในพริบตา โต๊ะม้าหินก็ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นโต๊ะไม้แดงสี่เหลี่ยมตัวยาวด้านบนก็ได้มีผลไม้และขนมวางเอาไว้ กาน้ำชาอย่างดีทำให้มู่จิ่วซีและโม่จุนสงบอารมร์ลงมาได้"นี่คือชาบัวหิมะที่เอามาจากแคว้นเป่ยจิ้น ทั้งสองเชิญลองดื่มดู" ฮั้วอวิ๋นเทียนใช้ชาเพื่อกล่าวขอโทษสีหน้าโม่จุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนมู่จิ่วซีก็ยกชาขึ้นมาดื่ม พอดื่มเสร็จก็กล่าวออกมา : "ไม่เลว สดชื่นหวานละมุน รสชาตินุ่มลึก คงจะไม่ใช่ถูกๆ สินะ""ฮาฮา คุณหนูใหญ่มู่ ชาบัวหิมะนี้ครึ่งขีดราคาพันตำลึงทอง" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปยังใบหน้าของมู่จิ่วซีที่กลับมาเป็นปกติพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มมู่จิ่วซีถลึงตาจนกลมโต : "แพงขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นข้าต้องดื่มอีกสักสองสามถ้วยซะแล้ว"โม่จุนรู้สึกอึดอัดในใจ ผู้หญิงคนนี้ทำตัวขายหน้ามากไปแล้ว"ที่จวนของข้าก็มี ถ้าเจ้ารักในการดื่มชา กลับไปข้าจะให้อานเย่เอาไปส่งให้" โม่จุนรับกับพฤติกรรมนางต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆมู่จิ่วซีหันกลับมามองใบหน้าอันหล่อเหลาและเย็นชานั้น : "โม่จุน ทำไมเจ้าอยู่ดีๆ ก็ใจกว้างขนาดนี้?
มู่จิ่วซีไม่รู้ว่าคำพูดของตนเองตรงไหนที่ทำให้อาจื่อมีปฏิริยาแบบนี้ หรือว่านางพูดผิดไป?"คุณหนูใหญ่มู่ ยังไงท่านก็เร่งมือช่วยดูอาการให้คุณหนูก่อนเถอะ" เสี่ยวหลันที่อยู่ข้างๆ ก็เร่งเร้ามู่จิ่วซี น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในใจของมู่จิ่วซีรู้สึกแปลกๆ นางรีบตรวจแมะชีพจรให้กับอาจื่อและถามถึงอาการป่วยอย่างที่ต้องรู้ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจไม่จำเป็นต้องเอาแต่นอนอยู่ตลอดทั้งวัน ขอเพียงอาการไม่กำเริบก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ"คุณหนูอาจื่อเจ็บหน้าอกบ่อยไหม?" มู่จิ่วซีถามอาจื่อพยักหน้า : "ใช่ ตอนปวดขึ้นมาเวลายืนจะไม่ค่อยสบาย ได้แต่ต้องนอน" ขณะที่นางพูดสายตาก็พรุบลงมู่จิ่วซีขมวดคิ้ว จากนั้นก็ฝังเข็มลงตรงบริเวณหัวใจโดยรอบสี่ทิศของนาง จนท้ายที่สุดมู่จิ่วซีก็เริ่มกร่นด่าสาปแช่งในใจเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีอาการป่วยทางหัวใจอะไรเลย หัวใจแข็งแรงดีมาก นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการแกล้งป่วยไม่สิ ถ้าหากแกล้งป่วย สีหน้าของนางจะซีดขาวแบบนี้ได้ยังไงอาจื่อเองก็มีอาการไออยู่บ้าง ตอนที่นางกุมไปที่นางก็ดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก สายตาของอาจื่อแอบมองมู่จิ่วซีอยู่เป็นครั้งคราวไม่นานนัก เข็มเงินของมู่จิ่
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ป่วยอะไรเลย" มู่จิ่วซีพูดด้วยเสียงเบาโม่จุนกล่าวอย่างตกตะลึง : "เจ้ามั่นใจ?""แน่นอน ถ้าหากข้าพูดไป จิ้งจอกม่วงจะต้องไม่เชื่อแน่ แต่ถ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่ได้กำลังภายในวิถีจิตเฟิงเหยียนหยูเฟยมาครอง" แววตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีล้วนเป็นความลังเล"ผ้หญิงคนนี้ทำไมถึงต้องแกล้งป่วยด้วย?" ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็ยิ่งจริงจังขึ้นมา"ฝีมือสูงมาก" มู่จิ่วซีก็บอกถึงเรื่องกำลังภายในของนางที่สามารถควบคุมลมปราณในการอุดหลอดเลือดได้ตามใจ"มีความสามารถแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?" โม่จุนตกใจอย่างมาก "ดูเหมือนวิถีจิตกำลังภายในของผูหญิงคนนี้คงจะพิเศษมาก บางทีอาจเป็นวิชามาร ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของจิ้งจอกม่วงรึ?""แน่นอนว่าไม่ใช่" มู่จิ่วซีส่ายหัว"ถ้าไม่ใช่ งั้นการแกล้งป่วยเพื่ออยู่ข้างกายของจิ้งจอกม่วงแบบนี้ เกรงว่าคงจะชอบเขาสินะ" โม่จุนวิเคราะห์กล่าวออกมามู่จิ่วซีก็ฉุกคิดนึกถึงตอนที่นางพูดว่าความงามของนางคือสิ่งที่สั่นคลอนหัวใจของชายหนุ่มได้ในตอนนั้น อาจื่อและเสี่ยวหลันก็มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันทีดูเหมือนโม่จุนจะคาดเดาถูกผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยากอยู่ห่างกายจิ้งจอกม่วง ถ้าไม่แกล้งป่วย จ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันไปมองมู่จิ่วซีและกล่าวออกมา : "ฐานะของอาจื่อกับอาการป่วยเกี่ยวข้องกันงั้นรึ?"มู่จิ่วซีมองเห็นความไม่พอใจนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา นางเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยตอบ : "เกี่ยวข้อง นี่เป็นส่วนในการตัดสินใจของข้าว่าจะอยากรักษานางหรือไม่""เจ้าไม่อยากได้วิถีจิตกำลังภายในและทองคำ 10,000 ตำลึงแล้วหรือไง?""วิญญูชนต้องการเงินทองทรัพย์สิน ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง" มู่จิ่วซีสองมือกอดอก "พูดมาตามตรง อาจื่อคนนี้ข้าก็ไม่ค่อยชอบนัก แม้ว่าจะรูปลักษณ์งดงามมากก็ตาม"ฮั้วอวิ๋นเทียนตกใจและหันไปมองใบหน้าที่สวยงามและโอหังของมู่จิ่วซี : "ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบอาจื่อ?""เพราะว่าอาการโรคหัวใจของนางไม่ได้รุนแรงมากขนาดอย่างที่เห็นภายนอก นางเสแสร้งเกินจริงมากไป"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ในใจของโม่จุนถึงกับยอมรับนาง ผู้หญิงคนนี้มีกลยุทธิ์อย่างมาก แฝงเรื่องจริงในเรื่องโกหก แฝงเรื่องโกหกเอาไว้ในเรื่องจริง นี่ยิ่งทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนเชื่อนางมากขึ้นสีหน้าของฮั้วอวิ๋นเทียนเปลี่ยนไป จากนั้นก็พูดขึ้นมา : "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง?""ความหมายก็ตรงตามตัวอักษร โรคหัวใจ ตอนที่อาการยังไม่กำเริบก็จะเหมือนกับคน