มู่จิ่วซีไม่รู้ว่าคำพูดของตนเองตรงไหนที่ทำให้อาจื่อมีปฏิริยาแบบนี้ หรือว่านางพูดผิดไป?"คุณหนูใหญ่มู่ ยังไงท่านก็เร่งมือช่วยดูอาการให้คุณหนูก่อนเถอะ" เสี่ยวหลันที่อยู่ข้างๆ ก็เร่งเร้ามู่จิ่วซี น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในใจของมู่จิ่วซีรู้สึกแปลกๆ นางรีบตรวจแมะชีพจรให้กับอาจื่อและถามถึงอาการป่วยอย่างที่ต้องรู้ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจไม่จำเป็นต้องเอาแต่นอนอยู่ตลอดทั้งวัน ขอเพียงอาการไม่กำเริบก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ"คุณหนูอาจื่อเจ็บหน้าอกบ่อยไหม?" มู่จิ่วซีถามอาจื่อพยักหน้า : "ใช่ ตอนปวดขึ้นมาเวลายืนจะไม่ค่อยสบาย ได้แต่ต้องนอน" ขณะที่นางพูดสายตาก็พรุบลงมู่จิ่วซีขมวดคิ้ว จากนั้นก็ฝังเข็มลงตรงบริเวณหัวใจโดยรอบสี่ทิศของนาง จนท้ายที่สุดมู่จิ่วซีก็เริ่มกร่นด่าสาปแช่งในใจเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีอาการป่วยทางหัวใจอะไรเลย หัวใจแข็งแรงดีมาก นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการแกล้งป่วยไม่สิ ถ้าหากแกล้งป่วย สีหน้าของนางจะซีดขาวแบบนี้ได้ยังไงอาจื่อเองก็มีอาการไออยู่บ้าง ตอนที่นางกุมไปที่นางก็ดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก สายตาของอาจื่อแอบมองมู่จิ่วซีอยู่เป็นครั้งคราวไม่นานนัก เข็มเงินของมู่จิ่
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ป่วยอะไรเลย" มู่จิ่วซีพูดด้วยเสียงเบาโม่จุนกล่าวอย่างตกตะลึง : "เจ้ามั่นใจ?""แน่นอน ถ้าหากข้าพูดไป จิ้งจอกม่วงจะต้องไม่เชื่อแน่ แต่ถ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่ได้กำลังภายในวิถีจิตเฟิงเหยียนหยูเฟยมาครอง" แววตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีล้วนเป็นความลังเล"ผ้หญิงคนนี้ทำไมถึงต้องแกล้งป่วยด้วย?" ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็ยิ่งจริงจังขึ้นมา"ฝีมือสูงมาก" มู่จิ่วซีก็บอกถึงเรื่องกำลังภายในของนางที่สามารถควบคุมลมปราณในการอุดหลอดเลือดได้ตามใจ"มีความสามารถแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?" โม่จุนตกใจอย่างมาก "ดูเหมือนวิถีจิตกำลังภายในของผูหญิงคนนี้คงจะพิเศษมาก บางทีอาจเป็นวิชามาร ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของจิ้งจอกม่วงรึ?""แน่นอนว่าไม่ใช่" มู่จิ่วซีส่ายหัว"ถ้าไม่ใช่ งั้นการแกล้งป่วยเพื่ออยู่ข้างกายของจิ้งจอกม่วงแบบนี้ เกรงว่าคงจะชอบเขาสินะ" โม่จุนวิเคราะห์กล่าวออกมามู่จิ่วซีก็ฉุกคิดนึกถึงตอนที่นางพูดว่าความงามของนางคือสิ่งที่สั่นคลอนหัวใจของชายหนุ่มได้ในตอนนั้น อาจื่อและเสี่ยวหลันก็มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันทีดูเหมือนโม่จุนจะคาดเดาถูกผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยากอยู่ห่างกายจิ้งจอกม่วง ถ้าไม่แกล้งป่วย จ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันไปมองมู่จิ่วซีและกล่าวออกมา : "ฐานะของอาจื่อกับอาการป่วยเกี่ยวข้องกันงั้นรึ?"มู่จิ่วซีมองเห็นความไม่พอใจนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา นางเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยตอบ : "เกี่ยวข้อง นี่เป็นส่วนในการตัดสินใจของข้าว่าจะอยากรักษานางหรือไม่""เจ้าไม่อยากได้วิถีจิตกำลังภายในและทองคำ 10,000 ตำลึงแล้วหรือไง?""วิญญูชนต้องการเงินทองทรัพย์สิน ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง" มู่จิ่วซีสองมือกอดอก "พูดมาตามตรง อาจื่อคนนี้ข้าก็ไม่ค่อยชอบนัก แม้ว่าจะรูปลักษณ์งดงามมากก็ตาม"ฮั้วอวิ๋นเทียนตกใจและหันไปมองใบหน้าที่สวยงามและโอหังของมู่จิ่วซี : "ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบอาจื่อ?""เพราะว่าอาการโรคหัวใจของนางไม่ได้รุนแรงมากขนาดอย่างที่เห็นภายนอก นางเสแสร้งเกินจริงมากไป"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ในใจของโม่จุนถึงกับยอมรับนาง ผู้หญิงคนนี้มีกลยุทธิ์อย่างมาก แฝงเรื่องจริงในเรื่องโกหก แฝงเรื่องโกหกเอาไว้ในเรื่องจริง นี่ยิ่งทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนเชื่อนางมากขึ้นสีหน้าของฮั้วอวิ๋นเทียนเปลี่ยนไป จากนั้นก็พูดขึ้นมา : "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง?""ความหมายก็ตรงตามตัวอักษร โรคหัวใจ ตอนที่อาการยังไม่กำเริบก็จะเหมือนกับคน
โม่จุนเอ่ยปากพูด : "นี่เป็นปัญหาที่ยากจริงๆ เจ้าสำนักฮั้วไม่มีทางให้เฟิงเหยียนหยูเฟยกับเจ้าโดยที่ไม่เห็นผลลัพธ์ของเจ้าก่อน แต่ถ้าไม่มีกำลังภายใน เจ้าเองก็ไม่มีทางที่จะรักษาแม่หญิงอาจื่อได้ นี่ก็คือทางตัน"มู่จิ่วซียักใหล่และมองไปที่ฮั้วอวิ๋นเทียนและกล่าวออกมา : "นอกจากเจ้าจะไว้ใจข้า เอาวิถีจิตกำลังภายในมาให้ข้าก่อนและรอจนกว่ากำลังภายในข้าจะเพิ่มขึ้น ข้าก็จะสามารถช่วยแม่หญิงอาจื่อได้"สีหน้าของฮั้วอวิ๋นเทียนก็ขมวดเข้มขึ้นและมองไปที่นาง จากนั้นก็มองไปที่โม่จุน"เจ้ากลัวว่าข้าจะรักษาอาจื่อไม่หายและเสียเฟิงเหยียนหยูเฟยของเจ้าไปโดยประโยชน์สินะ? อันที่จริงเจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักของหอดาราจันทรา จะไปมีอะไรให้ต้องกลัว? มากสุดข้าก็แค่รักษานางไม่หาย เจ้าก็เอากำลังภายในของข้าคืนไปก็จบแล้ว"มู่จิ่วซีให้คำแนะนำเขา"งั้นเจ้าก็คงรู้ว่าถ้าเจ้าหรอกข้าจะมีผลลัพธ์อะไรตามมา?" จู่ๆ บรรยากาศรอบตัวของฮั้วอวิ๋นเทียนก็ดำทะมึนขึ้นมาพร้อมกับแฝงไปด้วยกลิ่นอายความกระหายเลือดยามค่ำคืนกลิ่นนี้ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกคุ้นเคยมาก ในใจก็คิดว่าในมือของผู้ชายคนนี้มีชีวิตของผู้คนอยู่ไม่น้อยทันใดนั้นรอบกายของโม่จุนก็แผ่ซ่า
ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ค่อยกล้าอยากจะเชื่อ แต่ท่าทีที่นิ่งสงบและมั่นใจของมู่จิ่วซีทำให้เขารู้สึกว่ามู่จิ่วซีไม่ได้หรอกเขา อีกอย่างนางก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องหลอกเขาถึงอย่างไรนางและอาจื่อก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน จรรยาบรรณแพทย์ของนางตรงจุดนี้เลยทำให้เขาเชื่อมู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่มู่ ข้าเชื่อเจ้า ข้าจะให้วิชายุทธส่วนแรกของเฟิงเหยียนหยูเฟยแก่เจ้าก่อน" คำพูดของฮั้วอวิ๋นเทียนทำให้มู่จิ่วซีตะลึงไปนางรีบหันไปมองโม่จุน โม่จุนก็พยักหน้าและพูดออกมา : "วิถีจิตกำลังภายในโดยปกติจะแบ่งออกเป็นสามส่วน มีคนมากมายที่ไม่จำเป็นต้องเรียนไปถึงส่วนที่สาม เจ้าเพิ่งเริ่มต้น เรียนส่วนแรกก็พอ"มู่จิ่วซีพยักหน้า : "ได้ งั้นก็ส่วนแรกก่อน"ฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปที่นางแะกล่าว : "งั้นเจ้าจะให้คำยืนยันกับข้าสักคำได้ไหม ว่าเจ้าจะเรียนถึงขั้นไหนถึงจะสามารถช่วยรักษาอาการอาจื่อได้?"มู่จิ่วซีเผยสีหน้าขมขื่นขึ้นมา จากนั้นก็มองไปที่โม่จุนโม่จุนขมวดคิ้วและพูด : "ตอนนี้ยังไม่รู้ว่านางสามารถฝึกฝนเรียนรู้ได้เร็วแค่ไหน แต่ว่าหากพูดตามปกติแล้ววิชายุทธส่วนแรกจะค่อนข้างง่าย ข้ารู้สึกว่าเวลาแค่สามเดือนนางก็คงจะเรียนรู้ทั้งหมดได
มู่จิ่วซีถูกคำพูดของมู่จิ่วซีแทงใจดำจนเลือดไหล ต้องโทษเขาเองที่ปากเสียถึงได้ไปบอกว่าจะให้เงินนาง 10,000 ตำลึงทองมู่จิ่วซีเหลือบมองโม่จุนครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังขมวดบึ้งตึงของฮั้วอวิ๋นเทียนและยิ้มกล่าวออกมา : "แต่ว่าเจ้าเองคงไม่สบายใจแน่ๆ งั้นข้าเดิมพันแข่งขันกับเจ้าหน่อยเป็นไง?""ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจว่าข้าจะรู้เรื่องของพวกไส้ศึกนี้?" ฮั้วอวิ๋นเทียนแทบอยากจะหัวเราะและร้องไห้ออกมา"ถ้าเจ้าไม่รู้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว ข้ามั่นใจในความสามารถของเจ้า" สี่คำสุดท้ายของมู่จิ่วซีที่พูดไปทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่มีโอกาสให้ได้ขัดขืน"ได้ งั้นเจ้าจะเดิมพันแข่งขันอะไร? ทักษะฉิน ?" ฮั้วอวิ๋นเทียนผ่อนคลายลงมา"ทักษะฉินเจ้าเคยแพ้ให้ข้าแล้ว แต่ให้ข้าชนะอีกเจ้าเองก็จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น งั้นพวกเราแข่งเขียนอักษรล่ะ เป็นไง?"มู่จิ่วซียิ้มจนตาพริ้มพร้อมกับเอียงคอ ไม่ว่าจะดูยังไงก็ดูเฉลียวฉลาดน่ารัก"ทักษะฉินของเจ้าชนะเจ้าสำนักฮั้ว?" ทันใดนั้นโม่จุนก็ตกใจและหันไปมองมู่จิ่วซี เขารู้ว่าเพลงของเจ้าสำนักหอดาราจันทราอย่าง "เฟิงชิวฮวง" ซึ่งเคยทำให้ทั้งหกอาณาจักรประหลาด
มู่จิ่วซียิ้มขึ้นในฉับพลันและยื่นแบมือสีขาวนวลละอออันละเอียดอ่อนออกไปข้างหนึ่งฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปที่มือของนางแล้วก็ยิ้ม จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปจับกับมือของนางครู่หนึ่งโม่จุนมองพวกเขาจับมือกันก็นึกมู่จิ่วซีเมื่อก่อนที่ทำกับเขาเช่นนี้เหมือนกัน ทันใดนั้นในใจก็มีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างหนึ่งขึ้นมา"เดี๋ยวข้าให้คนไปเอาพู่กันกับหมึกมาให้" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"ไม่จำเป็น แค่เขียนอักษร ไม่จำเป็นต้องพิธีการขนาดนั้น เราใช้แค่กิ่งไม้เขียนบนพื้นก็พอ แบบนี้ก็จะยิ่งสะท้อนทักษะการระดับการเขียนให้มากยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือไง?"ใบหน้าที่งดงามของมู่จิ่วซีก็หันไปมองฮั้วอวิ๋นเทียนฮั้วอวิ๋นเทียนผงะไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็คิดอยู่พักหนึ่งและเห็นด้วยและยิ้มกล่าวออกมาในทันที : "ได้ แบบนี้ก็ยิ่งน่าสนใจกว่าเหมือนกัน?"ทั้งสองคนรีบเดินมาที่ต้นมาต้นหนึ่งในเรือน ฮั้วอวิ๋นเทียนก็เด็ดกิ่งไม้ออกมาสองกิ่ง โดยกิ่งหนึ่งมอบให้มู่จิ่วซี"จิ่วซี" โม่จุนเดินมาอยู่ตรงหน้ามู่จิ่วซีและกล่าวด้วยเสียงทุ้ม "เจ้าทำได้จริงๆ เหรอ? หรือว่าให้ข้าแข่งกับเขาจะดีกว่า"โม่จุนคิดว่าข้อมูลข่าวกรองของไส้ศึกพวกนี้สำคัญมาก ถ้าหากมู่จิ่วซีแพ
"เจ้า เจ้าทำได้ยังไงกัน?" ฮั้วอวิ๋นเทียนได้สติกลับมาคนแรก หน้าผากของเขามีเหงื่อซึมออกมาโม่จุนเองก็ได้สติกลับมาในพริบตาเช่นกัน ความรู้สึกตกใจของเขามากยิ่งกว่าฮั้วอวิ๋นเทียน ถึงอย่างไรฮั้วอวิ๋นเทียนก็ไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของมู่จิ่วซี แต่โม่จุนกลับรได้ยินข่าวลือมาตลอดว่านางไม่เคยเรียนและมีความสามารถในศาสตร์สักแขนง ทำอะไรก็ไม่เป็นไอคนที่บอกเขานี่มันไปเห็นผีมาหรือยังไง?อักษรพวกนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังเทียบไม่ติดฝุ่น"ฮิฮิ ข้าเก่งใช่ไหมล่ะ" มู่จิ่วซีชมตัวเอง "อันที่จริงนี่ยังถือว่าไม่ได้ดี ข้าตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยคุ้นมือ ต้องฝึกสักหลายๆ ครั้งจะต้องเขีนได้ดีกว่านี้แน่""เจ้า เจ้า" ฮั้วอวิ๋นเทียนแทบจะร้องไห้ออกมา "เจ้าทำให้ข้ารู้สึกด้อยข้าตัวเอง" ฮั้วอวิ๋นเทียนประสานมือเคารพอย่างเลื่อมใสขณะเดียวในใจของเขาก็ถูกมู่จิ่วซีโจมตีจนรู้สึกย่ำแย่ เขาเองมักจะรู้สึกตลอดว่ามีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งและยืนอยู่จุดสูงสุด ไม่คาดคิดว่าจะถูกเด็กสาวคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าสิบปีจัดการอย่างราบคาบราวกับดอกไม้ที่รวงหล่นไหลไปตามสายน้ำเมื่อก่อนก็ทักษะฉิน ตอนนี้ก็มาเป็นเขียนอักษร นางยังมีความสามารถอื่นอีกไหม?ฮั้ว