“แน่นอน คุณสามารถปฏิเสธได้เช่นกัน!”“แต่ผมกล้ารับรองนะ ว่าถ้าไม่รับความช่วยเหลือจากผม เฉียวสือเยี่ยนต้องติดคุกสิบปีแน่นอน เฉียวซุน ให้ผมช่วยคุณรำลึกถึงอดีตว่าพี่ชายคุณยอดเยี่ยมแค่ไหน และมีผู้หญิงที่ร่ำรวยกี่คนที่คิดถึงเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพลาดพลั้งเข้าไป ถ้าครอบครัวเฉียวไม่ล้มละลาย อีกสองปีเขาก็น่าจะมีลูกเต็มบ้านแล้วไปหมด”.......ถ้าเราพูดถึงอดีต สิ่งที่ลู่เจ๋อฉีกเป็นชิ้น ๆ คือร่างกายของเฉียวซุนแต่ตอนนี้ สิ่งที่เขากำลังจะฉีกเป็นชิ้น ๆ กลับคือหัวใจของเฉียวซุนในที่สุดพวกเขาก็ไม่ปิดบัง เปิดเผยและพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาต้องการให้เธอเป็นภรรยาเขาที่ไม่ใช่เพราะความรู้สึก แต่เป็นเพราะผลประโยชน์และชื่อเสียงอิสรภาพของเฉียวสือเยี่ยน ก็คือเงื่อนไขที่เขาเสนอให้กับเธอเฉียวซุนไม่ได้เสแสร้งปฏิเสธออกไปแต่เธอก็ไม่ได้ยินยอมทันที มือของเธอจับผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เธอระงับอารมณ์ทั้งหมดของตัวเอง และจ้องมองเขา พูดเบา ๆ ว่า “ฉันต้องพิจารณาดูก่อน”ลู่เจ๋อไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียวเขาคิดในใจว่า ไม่แปลกใจที่ทุกคนจะต้องเติบโตขึ้น เฉียวซุนก็เช่นกัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ใบหน้าแดงก่ำที่ม
เฉียวซุนไม่ได้สบตากับเขาเธอพิงหัวเตียงและพูดเบา ๆ “ฉันคิดว่าเงื่อนไขที่คุณเสนอเมื่อคืน รวมถึงฉันที่แกล้งหูหนวกและเป็นใบ้กับไป๋เซียวเซียว คนที่จะเป็นคนรักของคุณในอนาคต ไม่ใช่เหรอ”ลู่เจ๋อไม่ได้ส่งเสียงใดๆเฉียวซุนพูดต่อว่า “ลู่เจ๋อ เมื่อคุณเลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับไป๋เซียวเซียว ก็ไม่จำเป็นต้องมาพะวงอารมณ์ของฉันอีกแล้ว ว่าไปแล้ว เราไม่ใช่คู่สามีและภรรยาเหรอ ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดเราก็แค่.....เราก็แค่เป็นพาร์ทเนอร์แต่งงานกันเท่านั้นเอง”เขาพูดได้ชัดเจนขนาดนั้นแล้วเธอยังจะแสดงความเพ้อฝันและความคับข้องใจอีก ช่างน่าขันมากแล้วเฉียวซุนพูดจบ ลู่เจ๋อก็หัวเราะเยาะออกเสียงเขาเดินไปข้างหน้าเธอและจับคางของเธอเบาๆ นิ้วชี้เรียวลูบริมฝีปากที่แดงก่ำของเธอเบา ๆ เขาจ้องมองด้วยสายตาเร่าร้อน และเสียงของเขาก็แหบห้าว “คุณช่างพูดได้คมคายจริงๆ!”เฉียวซูนสุดจะทน และอยากจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันใดนั้นลู่เจ๋อก็โน้มตัวเข้าหาเธอ แล้วกดเธอไว้กับหัวเตียง สันจมูกที่โด่งเป็นสันของเขาแนบชิดกับเธอ เช่นเดียวกับริมฝีปากของเขา สัมผัสที่นุ่มนวลนั้นเย้ายวนมากลู่เจ๋อจ้องมองลง หรี่ตาลงและจ้องมอง ต้นคอ จมูกแล
ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย และปิดปากกาเขานึกถึงเสียงรับประทานอาหารของไป๋เซียวเซียว เขานึกถึงเสียงของไป๋เซียวเซียว ขณะรับประทานอาหาร เขาสามารถทนได้แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์เว่ยจะถือสาหรือไม่......เลขาฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการงานจริงๆเมื่อลู่เจ๋อยกคิ้ว เธอก็สามารถคาดเดาความคิดของเขาออกได้ เลยพูดอย่างขยันขันแข็งว่า “ประธานลู่วางใจได้เลยค่ะ ขณะที่อยู่บนรถ ฉันจะเตือนไป๋เซียวเซียวให้เธอระวังเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร......อาจารย์เว่ยเกิดจากตระกูลที่มีการศึกษาสูง เขาน่าจะใส่ใจกับเรื่องนี้มาก”ลู่เจ๋อไม่ได้ตอบเลขาฉินแน่ใจว่าตัวเองเดาไม่ผิด ในใจเธอยิ่งรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าไป๋เซียวเซียวเข้าไปใหญ่ ทานข้าวเหมือนหมู แล้วยังอยากจะแต่งงานกับประธานลู่อีกเหรอ ฝันไปเถอะแต่เห็นได้ชัดว่า ไป๋เซียวเซียวไม่ได้คิดอย่างนั้นเธอแต่งตัวอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ ชุดเดรสทรงเค้กสีขาวแต่งด้วยลูกไม้แสนโรแมนติกเป็นชั้น ๆ ทำให้ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอดูงดงามราวกับดอกไม้เลขาฉินผลักรถเข็นของไป๋เซียวเซียวลงบันไดไปชั้นล่าง เธอมองดูอย่างเหยียดหยาม รู้สึกดูถูกในใจเป็นอย่างมาก!ไม่มีรสนิยมเดิมทีก็ตัวเตี้ยอยู่แล้ว ยังจะใส่แบบนี้อีก ท
ผู้ช่วยของอาจารย์เหว่ยสะดุ้งเขาตระหนักได้ว่าเขาพลั้งปากไป เลยรีบแก้ตัวทันที “ฉันหามาจากเว็บไป๋ตู้น่ะ”ลู่เจ๋อยิ้มเบาๆ แล้วไม่ได้ลงรายละเอียดผู้ช่วยถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองไปที่ไป๋เซียวเซียว——ฉันได้ยินมาว่าคุณไป๋เป็นคนมีความสามารถมาก แต่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าขาของเธออ่อนแรง แล้วพอพูดถึงชุดนี้มันก็ยากที่จะออกความเห็น!!ไป๋เสี่ยวเซียวตื่นเต้นเป็นพิเศษ “คุณคืออาจารย์เว่ยหรือเปล่า”ผู้ช่วยยิ้ม “ฉันเป็นผู้ช่วยของอาจารย์เว่ย หลินชวง”ไป๋เซียวเซียวไม่ชอบเขาทันที ที่รู้ว่าเขาไม่ใช่อาจารย์เว่ยแต่เป็นเพียงผู้ช่วยดวงตาของเธอก็มองขึ้นบนฟ้าเลขาฉินที่อยู่ข้างๆเยาะเย้ยหลินชวงที่เป็นผู้จัดการที่มีชื่อเสียงที่สุดในแวดวงที่มีคุณภาพสูงมากมายอยู่ในมือและนักดนตรีรุ่นเยาว์หลายคนอยากจะประจบประแจงเขา! ไป๋เซียวเซียวไม่ได้เก่งขนาดนั้นแต่เธอก็ยังกล้ามองบนใส่เขา ช่างงี่เง่าจริงๆ!แต่เลขาฉินไม่ได้เตือนเธอ เธออยากเห็นไป๋เซียวเซียวหลอกตัวเอง……เมื่อเขาเห็นอาจารย์เว่ย ผู้ช่วยหลินก็โน้มตัวไปกระซิบสองสามคำอาจารย์เว่ยขมวดคิ้วแต่ถึงยังไงลู่เจ๋อก็เป็นคนพามา เขาที่เป็นคนหน้าบางเลยทำได้แค่ยิ้มแบบเบ
อาจารย์เว่ยเป็นคนปัญญาชน เมื่อเขาพูดถึงเรื่องสะเทือนอารมณ์ เขาก็น้ำตาไหลจริงๆไป๋เซียวเซียวรู้สึกสะเทือนใจ “น่าสงสารจริงๆ!”อาจารย์เว่ยเก็บความเศร้าแล้วชนแก้วกับลู่เจ๋อ น้ำเสียงก็เบาลง “แต่ฉันจะตามหาเธอให้เจอ สำหรับดนตรีมันไม่มีอะไรสายเกินไป”ลู่เจ๋อยิ้มอย่างสงบ “ความพากเพียรของอาจารย์เว่ยในดนตรีคลาสสิกนั้นน่าประทับใจ”เขาเหลือบมองไปเลขาฉินยื่นเช็คจำนวนยี่สิบล้านหยวนทันที เธอพูดอย่างชำนาญ “นี่เป็นการสนับสนุนเล็กน้อยจากคุณลู่สำหรับดนตรีคลาสสิก โปรดรับน้ำใจจากคุณลู่ ในอนาคต...ถ้าอาจารย์เว่ยมีความจำเป็น คุณลู่ของเราก็จะช่วยเหลือ”อาจารย์เว่ยสุภาพแล้วสงวนท่าที “เมื่อพบกันครั้งแรก รบกวนคุณรู้แล้ว!”ลู่เจ๋อยืนขึ้นกล่าวคำอำลา “เป็นฉันที่เกินเลย!”สุดท้าย ผู้ช่วยของอาจารย์เว่ยหลินชวงก็รับเช็ค แล้วส่งลู่เจ๋อและพวกเขาก็จากไปผู้ช่วยหลินกลับมา อาจารย์เว่ยก็ยังคงดื่มอยู่ผู้ช่วยหลินหัวเราะ “คุณลู่ไปเอาสมบัติล้ำค่าแบบนี้มาจากไหน! เธอด้อยกว่าเฉียวซุนมาก ตั้งแต่ด้านทักษะไปจนถึงอารมณ์ ไม่มีอะไรที่เธอจะเทียบกับเฉียวซุนได้ หน้าตาก็ไม่ได้สวย!”อาจารย์เว่ยพูดช้าๆ “ฟังดูแย่มาก!”ผู้ช่วยหลินลัง
ลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถ หลับตาลงเพื่อพักผ่อนทันใดนั้น เขาก็นึกถึงนักเรียนที่อาจารย์เว่ยบอกว่าแต่งงานกับเหลียงชานปั๋วในใจของเธอลู่เจ๋อนึกถึงเฉียวซุน เขากับเฉียวซุนรู้จักกันมานานแล้ว เฉียวซุนจะรู้สึกแบบเดียวกันเมื่อเขาแต่งงานกับเขาไหมนะ?แต่งงานกับคนรักและอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตลู่เจ๋อเป็นคนสุขุม แต่เมื่อเร็วๆนี้เขาเป็นคนที่เมื่อพูดถึงเรื่องของเฉียวซุนเขากดโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยพิเศษ “เรื่องที่ฉันให้ไปจัดการเป็นยังไงบ้าง”อีกฝ่ายก็ตอบอย่างรวดเร็ว “คุณลู่ เราได้ติดต่อทนายเมิ่งแล้ว! เที่ยวบินของเขาจะลงจอดที่สนามบินนานาชาติซวงหลิวในเมือง B ภายในสิบสองชั่วโมง เมื่อถึงเวลาเขาจะเข้าร่วมทีมทนายความเพื่อติดตามคดีอย่างเร็วที่สุด”ลู่เจ๋อถามอย่างเงียบๆ “เขามั่นใจแค่ไหน”เกิดความเงียบขึ้นเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็พูดว่า “ทนายเมิ่งเสนอราคาสูงถึงสองร้อยล้าน! เขาบอกว่าเขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์"ลู่เจ๋อเชื่อในความสามารถของเมิ่งเยียนหุยเขาวางสายไป เขาจะหลับตาพักสมองเพราะมีงานสำคัญตอนเที่ยง แต่เขาเปิดอัลบั้มแล้วหยิบรูปถ่ายออกมามันเป็นรูปถ่ายของเฉียวซุนนานมาแล้ว เขาถ่ายรูปตอนที่เฉียวซุนกำลังหลับอ
สองคนที่กำลังคุยสองสามคำถึงจะวางสายแบบไม่เต็มใจหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เฉียวซุนก็ขดตัวอยู่บนโซฟา เธอกอดตัวเองเบาๆ ราวกับว่าจะทำให้ตัวเองอยู่ในเซฟโซนมากขึ้นความทรงจำของเธอที่มากมายเธอนึกถึงช่วงเวลาดีๆกับพี่ชายในวัยเด็ก เธอจำได้ว่าหลังจากที่แม่จากไปเธอก็มักจะคิดถึงแม่เสมอ...พี่ชายจะกล่อมให้เธอหลับ เขาจะอ่านนิทานให้เธอฟัง เขาร้องเพลงกล่อมเด็กให้เธอฟังเขาส่งเธอไปโรงเรียน คนขับก็จอดรถไว้ที่ประตูโรงเรียนพี่ชายของเธอให้เธอขี่หลังไปมหาวิทยาลัยเฉียวสือเยี่ยน เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก...กลางคืนเริ่มมืดลงเฉียวซุนเผลอหลับในห้องผู้ป่วยใบหน้าเล็กๆของเธอนอนชันเข่าที่เยือกเย็นและสวยงาม เธอเปราะบางเหมือนขวดแก้วอันสวยงาม ซึ่งจะแตกเมื่อไรก็ได้...นอกห้องผู้ป่วยลู่เจ๋อยืนเงียบ ๆ เขามองไปที่เฉียวซุนเป็นเวลานานพยาบาลยืนอยู่ข้างเขาแล้วลดเสียงลง “หลังจากที่ดูข่าวตอนกลางคืนก็เป็นแบบนี้ คุณลู่ คุณอยากเข้าไปปลุกคุณนายลู่ไหม? เธอนอนแบบนี้จะไม่สบายเอา”ดวงตาของลู่เจ๋อมืดมนยากที่จะเข้าใจหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันหลังจากไปแล้วทิ้งไว้ประโยคเดียว “อย่าบอกว่าฉันมาที่นี่!”เขาลงไปชั้นล่างแล
เฉียวซุนยังไม่ได้ตอบกลับ เธอก็ถูกดึงขึ้นไปบนตักของเขาเสียก่อนตอนที่นั่งลง ลู่เจ๋อก็ทำเสียงโอดครวญ อาจจะเอ็นยืดไปจนถึงบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บเฉียวซุนกระซิบ “ปล่อยฉันลง!”เอวเรียวของเธอถูกกอดไว้ ทั้งสองก็อยู่ใกล้กันมาก ออร่าความเป็นชายอันบริสุทธิ์ของลู่เจ๋อราวกับผ้าไหมพันรอบใบหน้าของเธอ แสดงถึงความอบอุ่นที่เย้ายวนใจเขาก้มหน้าลงมาดูอาการของเธอเธอสวมชุดคนไข้หลวมๆนั่งลงบนตักของชายคนนั้น โดยมีขาเรียวยาวขาวทั้งสองข้างวางอยู่บนกางเกงผ้าสีเข้มของชายคนนั้น มันเป็นความรู้สึกต้องห้ามอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเล่นตลกกับเธอเสียงของลู่เจ๋อเริ่มแหบห้าว “แค่นั่งบนขาของฉันแล้วทายาซะ!”เฉียวซุนไม่ขัดขืน เธอหยิบกล่องยาที่เขาส่งมาแล้วทายาให้เขาอย่างเงียบๆแสงสว่างอันนุ่มนวลลู่เจ๋อเฝ้ามองดูท่าทางของเธอเธอก้มลงแล้วดูเต็มใจที่จะนั่งบนตักของเขา เขาคิดว่าเขารู้ว่าเธอเลือก...ที่จะเสียสละตัวเองเพื่อพี่ชายคนโตของเธอทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหึงลู่เจ๋อรู้สึกหึง มักจะชอบทรมานคนอื่น ทันทีที่เขาคิดเรื่องนี้ฝ่ามือของเขาก็เอื้อมเข้าไปในชุดคนไข้หลวมๆ ของเธอแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่มีความอดทนแล