Share

บทที่ 0007

ส่วนทางพระสนมเต๋อเฟยเมื่อกลับถึงตำหนักฉางชิว ก็ได้ขว้างปาเครื่องกระเบื้องไปหลายชิ้น จึงค่อยหายโกรธบ้าง

“พระสนมใยต้องโกรธเช่นนี้ด้วยล่ะเพคะ” สาวใช้คนสนิทไป๋จื่อทุบไหล่ให้นางพลาง พร้อมกับกล่าวปลอบใจ “คนที่ตำหนักชิงอวิ๋นให้เป็นที่โปรดปรานเพียงไหน นางก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ส่วนพระสนมน่ะมีองค์ชายตั้งสองคนนะเพคะ นางจะมาเทียบได้ยังไง?”

พระสนมเต๋อเฟยได้ยินดังนี้แต่ไม่เห็นชอบด้วย “ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อนาง นางจะต้องกังลวไม่มีลูชายไปทำไมกัน? และตระกูลเดิมนางก็เป็นติ้งกั๋วโหวด้วย”

ไป๋เวยอยู่ด้านข้างรีบเดินมา “ติ้งกั๋วโหวเป็นเพียงขุนนางบู๊ แต่ตระกูลเดิมของพระสนมเป็นถึงเสนาบดี ทั้งยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทอีกนะเพคะ”

“พวกเจ้าสองคนเอาใจข้าเก่งนัก” ภายใต้การปลอบโยนของสาวใช้ พระสนมเต๋อเฟยก็ค่อยหายขุ่นเคืองบ้าง

แต่พอนึกถึงเรื่องสนมโหรวกุ้ยเหรินเมื่อหลายวันก่อน นางก็รู้สึกไม่สบายใจอีก จึงให้ไป๋จื่อส่งข่าวถึงบิดา ว่าเลิกประชุมเมื่อไหร่ให้มาตำหนักฉางชิวสักครั้ง

ไต้เท้าชุยรับจดหมายจากไป๋จื่อ เลิกประชุมจึงรีบมาทันที

“ท่านพ่อ จัดการคนในครอบครัวของโหรวกุ้ยเหรินไปแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” พระสนมเต๋อเฟยสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไป พร้อมกับถามเสียงเบา

“ระหว่างทางจัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าวางใจได้!” ใต้เท้าชุยมองดูเต๋อเฟย “เดิมคิดว่างานนี้คงต้องสำเร็จ ที่ไหนได้ยังผิดพลาดอีก”

“เคราะห์ดีที่ฝ่าบาทไม่ได้ไต่สวนละเอียด” พระสนมเต๋อเฟยยังคงไม่วางใจ

“พระสนมโปรดวางใจ หลังเกิดเรื่องข้าแทบไม่ได้ออกหน้า ถึงมีใครมาเปิดโปง ตระกูลชุยของเราก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย”

“ท่านพ่อทำงานข้าวางใจเสมอเจ้าค่ะ” พระสนมเต๋อเฟยมองใต้เท้าชุยอย่างลังเล “เพียงแต่เราทำให้เด็กนั่นตายไม่ได้ เฉินเฟยคงจะเกิดความสงสัย”

“ถึงยังไงนางก็ได้ลูกสาว ไม่ต้องไปกังวลหรอก” ไต้เท้าชุยกลับไม่แยแส

“ไม่กังวลได้ยังไงเจ้าคะ ท่านพ่อไม่รู้อะไร กว่าครึ่งเดือนมานี้ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นทุกวัน” พระสนมเต๋อเฟยยังคงไม่พอใจอยู่

ใต้เท้าชุยเห็นสีหน้าของนางก็ได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม “พระสนมอย่าไปใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย ตอนนี้ที่สำคัญคือช่วยให้องค์ชายสามได้ครองราชย์มากกว่า”

“นึกหรือว่าข้าไม่คิด บัดนี้ตำแหน่งฮองเฮายังว่างอยู่ แล้วเฉินเฟยก็เป็นน้าแท้ ๆ ของรัชทายาท ซึ่งมีความสนิทสนมกับนางมานาน ถ้าเขาได้ครองราชย์จริง ๆ...”

“งั้นเราก็กำจัดให้หมดซะ” ใต้เท้าชุยกล่าวเสียงเบา แววตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม

พระสนมเต๋อเฟยเห็นบิดามีแผนอยู่ในใจ นางก็ไม่คิดเรื่องอื่น เพราะตอนนี้ก็มีแต่พระสนมเฉินเฟยที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ

มีแต่กำจัดนางซะ ตนถึงจะได้ดำรงตำแหน่งฮองเฮาอย่างไร้เสี้ยนหนาม จากนั้นค่อยกำจัดรัชทายาทไปเสีย แล้วลูกชายของนางก็จะได้ครองราชย์อย่างชอบธรรม

ส่วนทางด้านตำหนักชิงอวิ๋นนั้น ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อต้อนรับการมาเยือนของติ้งกั๋วโหว

เหตุเพราะพระสนมเฉินเฟยยังต้องอยู่ไฟ จึงได้แต่พบกันในห้องเท่านั้น

“ถวายบังคมพระสนมพ่ะย่ะค่ะ” ติ้งกั๋วโหวกับฮูหยินแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นค่อยเดินเข้ามา จับมือพระสนมแล้วพิจารณาดู

“ได้ยินว่าวันคลอดเสี่ยงอันตรายนัก จิ่นซินให้คนไปส่งข่าวที่บ้าน” โหวฮูหยินเอ่ยถึงเรื่องนี้ทีไร น้ำตาเป็นต้องไหลทุกครั้ง

“ดีที่สุดท้ายก็ปลอดภัย เราจะเข้าวังก็ไม่สะดวก สองวันนี้พ่อเจ้าได้ทูลขออนุญาต เราจึงมาเยี่ยมเจ้าได้”

“แม่เคยบอกแล้วว่าไม่อยากให้เจ้าเข้าวัง พี่สาวเจ้าด่วนจากไปก็เพราะอยู่ในวังนี้...”

ไม่ทันรอให้นางกล่าวจบ ติ้งกั๋วโหวรีบชิงขัดจังหวะ “ฮูหยินระวังคำพูดหน่อย”

โหวฮูหยินเพิ่งนึกได้ว่าตนหลุดคำพูดที่ไม่สมควร จึงรีบปิดปากไม่กล้าพูดจาอีก แต่สีหน้ายังคงโศกเศร้า

“ท่านแม่โปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ” พระสนมเฉินเฟยดึงมือโหวฮูหยินมา พร้อมพูดปลอบใจนาง “ลูกจะระวังตัวให้มาก”

กล่าวจบก็มองไปทางลู่ซิงหว่านซึ่งกำลังหลับอุตุด้วยความรัก “ดีที่ได้ลูกคนนี้...”

แต่ก็นึกได้ว่าพูดเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะนัก “ดีที่ลูกคนนี้น่ารักและเลี้ยงง่าย ทำให้ข้าไม่ต้องรับโทษจนเกินไป”

ติ้งกั๋วโหวและฮูหยินค่อยยื่นหน้าไปดูลู่ซิงหว่าน

ขณะที่ลู่ซิงหว่านตื่นมา ก็เห็นชายหญิงสองคนกำลังโผล่หน้ามาดูตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลันเห็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนดูละม้ายคล้ายคลึงกับท่านแม่ จึงรู้ว่านางคือท่านยายของตนแน่นอน จึงได้อ้าปากและส่งเสียงหัวเราะให้พวกเขา

“ดูเร็วเข้า หวานหว่านยิ้มให้เราด้วยแน่ะ!” โหวฮูหยินรีบสะกิดท่านโหวที่อยู่ข้าง ๆ

“เห็นแล้ว ๆ” ท่านโหวเห็นแม่หนูน้อยส่งยิ้มให้ตน ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

เพิ่งนึกได้ว่าตนให้คนทำจี้ผิงอันไว้รับขวัญหลานตัวน้อย จึงรีบหยิบออกมา และวางไว้บนร่างลู่ซิงหว่าน

[หนักจัง หนักมาก ที่แท้ท่านตาร่ำรวยถึงเพียงนี้ นี่เป็นจี้อันใหญ่มากเลย!]

หันหน้าไปก็เห็นโหวฮูหยินที่จ้องมองตนอยู่

[ว้าว มิน่าแม่ข้าถึงหน้าตางดงาม ก็เพราะท่านยายก็เป็นคนสวยเหมือนกัน!]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินเสียงพูดของเด็กน้อย ก็ได้หลุดหัวเราะออกมา แต่คำพูดต่อจากนั้นของลู่ซิงหว่าน กลับทำให้นางขำไม่ออก

[เสียดายตระกูลที่จงรักภักดีเช่นนี้ สุดท้ายกลับถูกคนชั่วปองร้าย จนต้องโทษทรยศขายชาติ ถูกประหารทั้งครอบครัว]

[พระสนมเต๋อเฟยเห็นหน้าก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี และเรื่องนี้ก็เกิดจากน้ำมือเสนาบดีชุย บิดาผู้เหี้ยมโหดของนาง]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินดังนี้ สีหน้าก็แทบเปลี่ยนไปทันที แต่เพราะบิดามารดายังอยู่ จึงได้แต่อดกลั้นไว้ก่อน

ทันใดนั้นเอง องค์ชายใหญ่ก็วิ่งมาจากด้านนอก “ท่านตา ท่านยาย”

ทั้งสองได้ยินเข้าก็รีบหันหน้าไปดู จึงเห็นองค์ชายใหญ่เติบโตขึ้นและหน้าตาก็ยิ่งหล่อเหลา มีความคล้ายคลึงกับบุตรสาวคนโตอยู่มาก

“ภวายบังคมพระสนมเฉินเฟยพ่ะย่ะค่ะ คารวะท่านตา คารวะท่านยายขอรับ” ปกติองค์ชายใหญ่เป็นผู้เคร่งครัดในธรรมเนียมอยู่แล้ว

“องค์ชายใหญ่” ท่านโหวและฮูหยินเรียกพลางจะคุกเข่าลง กลับถูกองค์ชายใหญ่รั้งตัวไว้

“ท่านตา ท่านยาย วันนี้มาเยี่ยมน้องไม่ใช่หรือ? เราต่างเป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

ทั้งสองคนจึงได้ยืนขึ้น

“หลายวันก่อนไม่กล้ามารบกวนท่านน้า วันนี้ได้ยินว่าท่านยายก็มาด้วย จึงไปขออนุญาตเสด็จพ่อ”

พระสนมเฉินเฟยกล่าวยิ้มๆ “เจ้าช่างรู้ธรรมเนียมมาโดยตลอดเลยนะ”

[คนนี้ก็คือพี่ชายใหญ่ที่น่าสงสารของข้าหรือ?]

เป็นเสียงของลู่ซิงหว่านแว่วมาอีก

[หน้าตาหล่อเหลาจริง ๆ นิสัยก็ดีด้วย เสียดายจุดจบไม่สู้ดีนัก ในนิทานเหมือนจะเขียนว่า จวนติ้งกั๋วโหวถูกล้างตระกูลแล้ว องค์ชายใหญ่ก็มีส่วนพัวพัน ถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทไปด้วย]

[ต่อมาพระสนมเต๋อเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา องค์ชายสามก็เป็นรัชทายาทแทน]

[จากนั้นพี่ชายคนนี้ก็เสียชีวิต ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร!]

[เสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้ที่เลอะเลือนนัก! เลอะเลือนที่สุด!]

ลู่ซิงหว่านโกรธจนด่าอยู่ในใจ

พระสนมเฉินเฟยตกใจกับคำพูดของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าตามที่หวานหว่านกล่าวมา ใต้เท้าชุยวางแผนปองร้ายจวนติ้งกั๋วโหว ทั้งยังพัวพันถึงรัชทายาท ส่วนตนในเวลานั้น ได้กระโดดบ่อน้ำเสียชีวิตไปแล้ว

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไป และกล่าวกำชับ “ท่านพ่อเป็นคนเถรตรง แต่ก็ต้องระวังคนถ่อยด้วยนะเจ้าคะ”

ติ้งกั๋วโหวรู้สึกตกใจกับคำพูดเช่นนี้ของนาง “พระสนมหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

พระสนมเฉินเฟยไม่ตอบ แต่หันไปมองรัชทายาท “เจ้าอยู่ในวังก็เหมือนกัน ต้องระวังคนที่อยู่รอบข้างองค์ชายสาม”

กล่าวจบก็ลดเสียงเบาลง “ท่านพ่อก็ต้องระวังเสนาบดีชุยให้มากนะเจ้าคะ”

ติ้งกั๋วโหวและรัชทายาทเห็นนางกล่าวจริงจังเช่นนี้ ก็เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องร้ายแรง จึงต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status