ในตอนนี้เองที่หน้าประตูมีเสียงที่ฟังดูไม่พอใจนักของเฮ่อหย่วนเจ๋อดังขึ้น “คุณปู่ครับ ผมกลับมาแล้ว”ในตอนที่เห็นอวิ๋นซูยืนอยู่ข้างๆนายท่านเฮ่อ เขาก็ตะลึงไปเล็กน้อยอวิ๋นซูในชุดทำงานทำให้ความรู้สึกในวัยสาวหายไปและเปลี่ยนเป็นหญิงสาววัยทำงานที่ดูมั่นใจและใจกว้าง ทำเอาคนที่มองเห็นไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เฮ่อหย่วนเจ๋อกลืนน้ำลายก่อนจะเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน “กลับมาเมื่อไหร่น่ะ?”อวิ๋นซูตอบอย่างไม่นึกใส่ใจ “ไม่กี่วันก่อน”พูดจบเธอก็หันตัวไปพูดกับนายท่านเฮ่อ “คุณปู่คะ หนูไปก่อนนะคะ”ในตอนที่เดินผ่านเฮ่อหย่วนเจ๋อและเพราะว่าคุณปู่ยืนอยู่ด้วยเธอจึงพูด “คุณชายเฮ่อคะ ช่วยออกมาคุยกันด้านนอกหน่อยได้ไหมคะ?”กลิ่นหอมๆจากตัวของเธอลอยผ่านจมูกของเฮ่อหย่วนเจ๋อไป ทำเอาเขาใจเต้นเร็วขึ้นก่อนจะรีบพยักหน้ารับหลังจากพยักหน้าเขาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยจึงรีบพูด “มีอะไรคุยกันตรงนี้ก็ได้นี่”อวิ๋นซูขมวดคิ้วไม่สนใจเฮ่อหย่วนเจ๋อก่อนจะหันหลังเดินออกไปเฮ่อหย่วนเจ๋อกัดริมฝีปาก คำรามออกมาในลำคอเสียงเบาก่อนจะหมุนตัวเดินตามเธอออกไปนายท่านเฮ่อเห็นภาพนี้ได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ไอ้หลานโง่คนนี้เมื่อไหร่จะเข้าใจสักทีว
รถเลี้ยวอยู่หลายครั้งก่อนจะชะลอตัวลงคนขับรถมองผ่านกระจกหลังไม่เห็นรถที่ไล่ตามมา จึงพูดออกมาโดยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “รถมีปัญหานิดหน่อย เดี๋ยวคืนนี้ผมเอาไปซ่อมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมาก ไม่ทำให้การไปไหนมาไหนของคุณมีปัญหาแน่นอน”อวิ๋นซูขมวดคิ้วไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เรื่องที่คนขับรถพูดว่าไม่มีปัญหาครึ่งทางหลังรถไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจริงๆ อวิ๋นซูจึงไม่ได้พูดอะไรบอกแค่ให้คนขับเวลากลับระวังตัวสักหน่อยก่อนจะหันตัวกลับเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง“พวกไร้ประโยชน์ พวกแกมันไร้ประโยชน์ทั้งหมด!” เมิ่งฮ่าวหยางโมโหจนถีบบอดี้การ์ดที่กลับมารายงานผล “ฉันเลี้ยงพวกแกไว้จะมีประโยชน์อะไร! ให้พวกแกไปตามสืบหาคน หาตั้งนานก็หาไม่เจอว่าอีกฝ่ายเป็นใคร! ให้ไปรอที่สนามบิน คนอยู่ตรงหน้าแต่แกกลับหาไม่เจอ! ตอนนี้ให้ไปตามดูผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำหลุดมือไปได้ พวกแกลองพูดมาสิมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องเลี้ยงพวกแกไว้ต่อ!”เมิ่งฮ่าวหยางตะโกนเสร็จก็กระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะหอบหายใจเข้าออกแรงๆตอนนี้เขาโมโหจนอยากจะบ้าตายอยู่แล้วตอนแรกคิดว่าจะหาอวิ๋นซูและสามีของเธอได้โดยเร็วหาอยู่ตั้งนานเพิ่งมารู้ว่าออกนอกประเทศไปแล้วรอจนอ
เย่ชางเหยียนไม่มีอารมณ์ “ไม่อยากไป”เฮ่อเยียนสือไม่ได้พูดอะไรกับเย่ชางเหยียนมาก เขากดตัดสายก่อนจะส่งที่อยู่ให้อีกฝ่ายไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงทั้งสองคนก็ไปเจอกันที่ร้านเหล้าเย่ชางเหยียนจองห้องวีไอพีเอาไว้เห็นเฮ่อเยียนสือเดินเข้ามาคนเดียวก็เบะปาก “ทำไมมาคนเดียวล่ะ?”เฮ่อเยียนสือหยิบเอาซิการ์จากในกล่องออกมาคาบเอาไว้แล้วจุดไฟก่อนจะนั่งลงไปอย่างเกียจคร้านบนโซฟา “แล้วหวังว่าจะมีคนมาสักกี่คนกันล่ะ?”“อวิ๋นซูไม่ได้มาด้วยเหรอ? เธอรู้ว่านายจะมาผับก็ไม่ว่าอะไรหรือไง?”เฮ่อเยียนสือกัดซิการ์เอาไว้ ก่อนจะพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “เธอไม่รู้ว่าฉันมา”“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?”เฮ่อเยียนสือจุดไฟแช็ก แสงไฟส่องสะท้อนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก่อนเขาจะก้มหน้าลงใช้ขนตางอนยาวบังสายตาตัวเองเอาไว้ แล้วส่งเสียงอืมเบาๆในลำคอ น้ำเสียงนั้นฟังอารมณ์ไม่ออก“ทำไมทะเลาะกันล่ะ?” เย่ชางเหยียนขยับเข้าใกล้อย่างนึกสงสัยเฮ่อเยียนสือพ่นควันออกมา ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยู่ปาก “มีแต่คนบอกว่าผู้ชายพอใส่กางเกงแล้วก็จำคนเมื่อคืนไม่ได้ ฉันว่าผู้หญิงเองก็ไม่ต่าง”เย่ชางเหยียนรู้สึกสนใจขึ้นมา “ทำไม นายโดนหลอกฟันแล้วหรือไง?”เฮ่อเย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อวิ๋นซูก็มาถึงร้านเหล้าที่เย่ชางเหยียนบอก แต่ดูจากรถราที่วิ่งรอบๆ ก็นึกสงสัย......ถนนเส้นนี้ก็ดูวุ่นวายดีไม่ใช่หรือไง?ทำไมจะเรียกคนขับรถไม่ได้ล่ะ?เธอไม่ทันได้คิดอะไรมากก็มองเห็นเย่ชางเหยียนที่ยืนโบกมือเรียกเธออยู่ “ทางนี้!”อวิ๋นซูเดินไปอย่างรวดเร็วก่อนจะมองเห็นเฮ่อเยียนสือพิงเสารออยู่ไม่ไกลแสงในตอนกลางคืนไม่มากนัก เธอมองหน้าของเขาไม่ชัดเท่าไหร่ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าเขาหลับตาอยู่พร้อมกับขมวดคิ้วอย่างทรมาน ตามร่างกายก็มีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง ดูท่าแล้วคงดื่มไปมากพอสมควร“เฮ่อเยียนสือ!”เธอตบไปที่หน้าของเฮ่อเยียนสือเบาๆหลายทีเฮ่อเยียนสือลืมตาขึ้น ดวงตาที่แดงก่ำของเขาก็เข้ามาอยู่ในโสตประสาทการรับรู้ของเธออวิ๋นซูตกใจเล็กน้อย เหมือนเธอกำลังมองดูลูกแมวที่กำลังบาดเจ็บ แรงที่มือก็เบาลง “กลับบ้านกัน”เฮ่อเยียนสือยืนนิ่งไม่ขยับอวิ๋นซูออกแรงดึงนิดหน่อย ร่างกายของเขาก็เหมือนจะไร้แรงโน้มถ่วงก่อนซบลงที่ไหล่ของเธออวิ๋นซูยื่นมือไปที่อกของอีกคน ตั้งใจว่าจะผลักออกไป แต่ร่างกายของเฮ่อเยียนสือไม่ต่างจากกำแพงสักเท่าไหร่ เพราะผลักยังไงก็ไม่ขยับเธอจึงได้แต่โอบเอ
ตลอดทั้งเช้าอวิ๋นซูรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในหัวเอาแต่นึกถึงภาพที่เฮ่อเยียนสือเลิกเสื้อขึ้น เธออดจะคิดไม่ได้ว่าเฮ่อเยียนสือใช้แผนหุ่นหล่อมาล่อลวงเธอ ทำให้เธอไม่มีสติแล้วก็ลืมไปว่าทำไมพวกเราถึงทะเลาะกันเธอเองอดจะยอมรับไม่ได้ว่าแผนนี้มันได้ผลจริงๆตอนนี้เธอเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วในตอนที่เธอกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ด้านนอกก็เห็นเสิ่นเสี่ยวรุ่ยเดินมาอย่างไร้ชีวิตชีวาในตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นเธอเดินผ่านไปถึงคิดได้ว่ามันแปลกๆ “เสี่ยวรุ่ย”ไม่นาน เสิ่นเสี่ยวรุ่ยก็เดินเข้ามาอย่างไร้ชีวิตชีวาใต้ตาเธอแดงก่ำ ผมเปียกลู่ติดกับกรอบหน้า ท่าทางดูไม่จืด“เกิดอะไรขึ้น?”เสิ่นเสี่ยวรุ่ยก้มหน้าเม้มปากไม่พูดอะไรออกมาอวิ๋นซูลุกขึ้นก่อนจะวางมือลงบนโต๊ะ “ตอบฉันมา!”อวิ๋นซูท่าทางน่ากลัว ทำเอาเสิ่นเสี่ยวรุ่ยอดจะตัวสั่นไม่ได้ ได้แต่ตอบออกมาอย่างตะกุกตะกัก “คือ...เมื่อกี้หนูไปกดน้ำที่ห้องพักมา ได้ยินพวกเขาคุยกัน...คุยกันเรื่องของคุณ หนูก็เลยพูดออกไปคำหนึ่ง พี่ซูชานก็เอากาแฟสาดใส่หน้า...แล้วบอกว่า...บอกว่า...”“บอกว่าอะไร?”“บอกว่าคนอย่างคุณไม่มีทางทำให้คุณเควินพอใจได้หรอก แล้
สีหว่านเอ๋อร์ไม่ทันได้ตั้งรับ ผ่านไปเกือบครึ่งนาทีถึงหลับตาลงแล้วเช็ดน้ำบนใบหน้าออกไม่นานก็คิดจะพุ่งเข้าไปตบหน้าอวิ๋นซูอวิ๋นซูจับมือเธอเอาไว้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก็เมื่อกี้รองหัวหน้าแผนกพูดเองนี่คะว่าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่!?”สีหว่านเอ๋อร์ได้แต่ระงับอารมณ์เอาไว้ในใจ ไม่กล้าทำอะไรออกมาเธอโมโหจนแทบจะบ้าแต่ทำได้แค่กัดฟันเอาไว้ “อวิ๋นซู!”อวิ๋นซูยกยิ้มก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆในแผนกที่มามุงดูสถานการณ์ “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ จะไม่ให้มีเหตุการณ์กลั่นแกล้งกันเกิดขึ้นอีก ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้ก็ลาออกไปเองเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนเขียนใบลาออกให้พร้อมกับเขียนอธิบายเหตุผลที่ให้ออกไปด้วย!”พูดจบเธอก็หันไปมองเสิ่นเสี่ยวรุ่ย “ไปกัน”เสิ่นเสี่ยวรุ่ยมองไปทางอวิ๋นซูด้วยสายตานับถือ รอจนอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้วเธอถึงเหมือนตื่นจากฝันแล้วรีบเดินตามอีกคนไปพอเข้ามาในห้องทำงาน เสิ่นเสี่ยวรุ่ยก็อดไม่ได้ “พี่อวิ๋นซู เมื่อกี้พี่หล่อมาก”อวิ๋นซูยิ้มน้อยๆ “เสี่ยวรุ่ย คราวหน้าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก เธอต้องเรียนรู้ที่จะโต้ตอบ ถ้าเราเป็นคนดีไปก็จะถูกรังแกก็เหมือนกับม้าถ้าเป็นม้าพันธุ์ดีก็จะถูกขี่
การที่อวิ๋นซูตอบรับข้อเสนอของเสิ่นอวี้ชิงในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าเธอวู่วามหรืออะไร แต่เธอแค่เชื่อในฝีมือของตัวเองเธอจัดการเก็บผลงานที่ออกแบบไปได้ครึ่งหนึ่งก่อนจะมองไปทางนาฬิกา เห็นว่าใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอไม่คิดจะรั้งรอ และเลือกที่จะเดินลงไปรอเลิกงานตามเวลาพอเดินออกมาก็เห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาทางเธอเธอเลิกคิ้วสายตาของคนพวกนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวานแต่มันดูร้อนแรงมากกว่านั้น และยังมีความรู้สึกเหมือนรอดูเรื่องอะไรสนุกๆอยู่ด้วยแต่วินาทีถัดมาเธอก็เห็นเฟอรารี่จอดลงที่หน้าประตูรถสีแดงเพลิงนั้นดึงดูดสายตาทุกคนเป็นอย่างมากแต่ที่ดึงดูดสายตาคนมากกว่าก็คือเฮ่อหย่วนเจ๋อที่หน้าตาหล่อเหลา บนตัวมีไอของความเย็นชาเผยแพร่ออกมาเห็นอวิ๋นซูแล้วเขาก็เดินตรงเข้ามาสีหน้าไม่เปลี่ยนไปจากเดิม“ฉันมารับเธอ”อวิ๋นซูทำเหมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดนั้นเดินอ้อมเฮ่อหย่วนเจ๋อไปทางที่หลินเกอยืนอยู่เฮ่อหย่วนเจ๋อดึงมืออวิ๋นซูเอาไว้ “ขึ้นรถ”อวิ๋นซูก้มหน้า มองมือที่ถูกจับเอาไว้ก่อนสายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คุณชายเฮ่อรู้ไว้ด้วยนะคะ ฉันแต่งงานแล้ว มาดึงฉันแบบนี้ฉันจะเสียชื่อเสียงเอาและสามีของฉันก็จะโมโหด
และท่าทีนั้นของเขามันทำให้เฮ่อหย่วนเจ๋อรู้สึกเหมือนถูกท้าทายเฮ่อหย่วนเจ๋อกำหมัดแน่น ความรู้สึกเหมือนถูกแย่งของรักทำให้เขาเปิดประตูรถเสียงดังก่อนจะรีบเหยียบออกไปเสียงที่ดังขึ้นทำให้รถที่ออกตัวไปเหมือนกับลูกศรที่พุ่งตัวออกจากคันธนูรอจนรถห่างไปไกลคนที่ยืนมุงดูอยู่ถึงค่อยได้สติมาเมื่อกี้พวกเธอ...ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?“รีบหยิกฉันเร็ว รีบหยิกฉัน นี่อวิ๋นซูปฏิเสธการนั่งรถของนายน้อยเฮ่อแล้วไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ!”สีหว่านเอ๋อร์ที่ถูกคนอื่นเบียดอยู่นั้นยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจซูชานเห็นท่าทีแบบนั้นก็ถามขึ้น “พี่หว่านเอ๋อร์ คนท่าทางกักขฬะเมื่อกี้เป็นสามีของอวิ๋นซูใช่ไหม? ดูท่าทีก็ไม่ได้เป็นคนมีเงินอะไรนี่นา”“ที่แท้การที่เธอซ่อนเอาไว้ไม่ยอมบอกใครว่าทำงานอะไรเพราะว่าเป็นแบบนี้นี่เอง”แต่ก็มีคนไม่เข้าใจ “แต่จากท่าทีเมื่อกี้คุณชายเฮ่อมาเพื่อจีบอวิ๋นซูนี่ ทำไมอวิ๋นซูถึงไม่ยอมคืนดีกับคุณชายเฮ่อล่ะ?”“เธอไม่รู้ล่ะสิ?” ซูชานพูดออกมาอย่างได้ใจ “อย่างแรกอวิ๋นซูเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วถ้าอยากจะคืนดีเธอก็ต้องหย่ากับสามีก่อนไม่งั้นก็ถูกแซะเอาน่ะสิ อีกอย่างนะเธอคิดว่าคุณชายเฮ่อเขาชอบอวิ๋น