Share

พลิกชะตาลิขิตชีวิต ทั้งยศทั้งนารี ฉันเอาหมด
พลิกชะตาลิขิตชีวิต ทั้งยศทั้งนารี ฉันเอาหมด
ผู้แต่ง: จินเซวี่ยนซาน

บทที่ 0001

เช้าวันศุกร์ หลังจากที่เนี่ยเฟยกินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็มาที่สำนักงานเทศบาลตำบลก่างเฉียว

พอเดินไปถึงหน้าบันไดของหอพัก ก็บังเอิญไปพบกับร่างอรชนอ้อนแอ้นร่างหนึ่งเข้า

เธอสวมชุดเดรสสีขาว แขนของเธอขาวนวลดั่งผิวของทารกแรกแย้ม ผมยาวสลวยประบ่า เท้าเล็กคู่นั้นสวมถุงน่องสั้นสีเขาและรองเท้าแตะส้นสูงคริสตัลสีเดง นี่นอกจากซูหลีจากฝ่ายบริหารงานทั่วไปแล้วยังจะเป็นใครไปได้ล่ะ ที่ข้าง ๆ เธอยังมีกระเป๋าเดินทางรหัสล็อคใบใหญ่ใบหนึ่งวางอยู่บนพื้น

“อ้าว ซูหลี มาแล้วเหรอครับ? เนี่ยเฟยเดินขึ้นไปพลางกล่าวทักทายเธอ

“อ้าว เนี่ยเฟย!” ซูหลีร้องออกมาด้วยความดีใจและกวักมือทักทายเนี่ยเฟยกลับไป

"หนักไปไหมเนี่ย? เดี๋ยวผมช่วยคุณขนขึ้นไปเองนะครับ!” ก็นี่เป็นนางในฝันของตัวเองนี่นา เนี่ยเฟยย่อมต้องเอาอกเอาใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว พูดจบก็เอื้อมมือไปหมายจะหยิบกระเป๋าเดินทางใบนั้น

“คุณนี่ก็จริง ๆ เลยนะ บ้านก็อยู่ในตัวอำเภอ ไปอยู่ที่บ้านตัวเองดีจะตาย ยังจะมาอยู่หอพักอีก!”

“โชคดีจังที่คุณมาแล้วนะคะ” ซูหลียิ้มอย่างดีใจ “ในเมื่อมาทํางานในระดับรากหญ้า ก็ควรจะหยั่งรากตั้งแต่ตอนระดับรากหญ้านี่สิ! ฉันตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะกลับบ้านเฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้นค่ะ!”

“ฮ่า ๆ คุณนี่ช่างเป็นคนมีทัศนคตินะครับ!” เนี่ยเฟยยิ้มพลางชมไปด้วย ก็นับว่าเป็นการประจบสอพลอที่ไม่ได้ดูเวอร์จนเกินไป

“ก็ยังสู้คุณไม่ได้อยู่ดีหรอกค่ะ ฉันพบว่าคุณนี่มาแต่เช้าทุกวันเลยนะคะ ช่างกระตือรือร้นจริง ๆ เลยนะคะ! ฉันต่างหากที่ต้องเรียนรู้จากคุณ!” ซูหลีหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อบนหน้าผาก

ทั้งสองเดินไปคุยไป ดูมีความสุขและกลมกลืนกันมาก เนี่ยเฟยที่เดินข้าง ๆ ซูหลีนั้นได้กลิ่นหอมหอมจาง ๆ บนตัวเธอ พลันมองดูผมที่พริ้วไหวของเธอแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ความหลงใหล

“ซูหลี ดูเธอสิ ผมไปจอดรถแค่แป๊บเดียวเองคุณก็เข้ามาซะแล้ว” ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง

เนี่ยเฟยหันหน้าไปมอง ก็พบว่าเป็น ชูจิ่งหัว หัวหน้าฝ่ายอำนวยการและยังพ่วงตําแหน่งหัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎรฯอีกด้วย พอชูจิ่งหัวเห็นเนี่ยเฟยปุ๊ป สีหน้าดูถูกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที เขายื่นมือไปดึงกุญแจไปที่เข็มขัดของเขา ทำท่าทีราวกับว่าโชว์กุญแจล็อคอิเล็กทรอนิกส์รถฟอร์ดของเขาให้อีกฝ่ายเห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“อ้าว สวัสดีครับ! หัวหน้าชู” เนี่ยเฟยเห็นชูจิ่งหัวก็รีบปั้นหน้ายิ้มทักทาย

ชูจิ่งหัวอายุมากกว่าเนี่ยเฟยสองปี มาที่ตำบลก่างเฉียวนี่ก็เป็นเวลาสองปีแล้ว ว่ากันว่าเบื้องหลังเขามีขาใหญ่หนุนหลังอยู่ ดังนั้นถึงแม้จะทํางานแค่สองปี แต่ก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายทั้งสองฝ่ายแล้ว

ตามปกติแล้ว ก่อนที่จะเป็นหัวหน้าฝ่ายอำนวยการนั้นควรจะเป็นรองหัวหน้าก่อน แต่เนื่องจากชูจิ่งหัวเพิ่งจบการศึกษาหมาด ๆ ก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอำนวยการแล้ว เรื่องอายุจึงเป็นปัญหา เพราะฉะนั้น รอจนถึงปีนี้เขาถึงจะสามารถจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้

“ผมแค่ช่วยซูหลีเขาถือของน่ะครับ” เนี่ยเฟยพูดด้วยรอยยิ้มเพื่อไม่ให้ชูจิ่งหัวเข้าใจผิด

คนทั่วทั้งสำนักงานต่างก็รู้กันว่าชูจิ่งหัวชอบซูหลี แต่ดูเหมือนว่าซูหลีจะไม่ค่อยชอบชูจิ่งหัวสักเท่าไหร่นัก แม้ว่าห้องทํางานของทั้งสองจะอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ซูหลีกลับสนิทกับเนี่ยเฟยที่อยู่ในห้องทํางานเดียวกันเสียมากกว่า

“พอแล้ว ที่นี่ไม่มีธุระอะไรของนาย ไปได้แล้ว!” สีหน้าของชูจิ่งหัวแสดงออกถึงการดูถูกอย่างเห็นได้ชัด “นี่ก็ใกล้จะทํางานแล้ว นายไม่เหมือนพวกฉันหรอกนะ นายยังเป็นแค่พนักงานชั่วคราวอยู่ ถ้าเกิดตกงานเพราะไปสาย มันจะไม่คุ้มนะ”

“ครับผม! หัวหน้าชูจิ่งหัวครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เนี่ยเฟยมองซูหลีอย่างกระอักกระอ่วนพนักงานชั่วคราว และ พวกชนบท คำทั้งหลายนี้ประดุจมีดอันแหลมคมที่ทิ่มเนี่ยเฟยอย่างจัง เขาเดินไปจนถึงมุมเลี้ยว แล้วหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นชูจิ่งหัวกําลังแบกกระเป๋าเดินทางของซูหลีขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ซูหลี ต่อไปอย่าปล่อยให้เนี่ยเฟยทําเรื่องพวกนี้อีก” เนี่ยเฟยยังคงสามารถได้ยินเสียงของชูจิ่งหัวอยู่ “พวกคนชนบทมีแต่แรง ไม่มีสมองหรอกนะ อย่างว่า ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน เดี๋ยวเกิดทําของของคุณพังขึ้นมาก็ชดใช้ไม่ไหวอยู่ดี”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันว่าเนี่ยเฟยนิสัยออกจะดีนะคะ” ซูหลียิ้มตอบ ถึงจะรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากและเดินตามชูจิ่งหัวไปที่ชั้นสองของหอพัก

******

“ถุย!” เนี่ยเฟยถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างไม่พอใจ

"ไอ้เวรตะไลเอ๊ย! นี่ถ้าไม่ใช่ที่บ้านแกมีเงินแล้วล่ะก็ แกจะอวดดีขนาดนี้ได้เหรอไงวะ? รอให้ฉันได้ดิบได้ดีเมื่อไหร่ ฉันจะเหยียบแกจมใต้ฝ่าเท้าให้มิดไปเลย!”

คิด ๆ แล้วเนี่ยเฟยก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง แมร่งเอ๊ย เกิดมาจุดเริ่มต้นก็ไม่เหมือนกันซะแล้ว ไปขยันทํางานซะก่อนเถอะ

เพิ่งเลี้ยวโค้งมาถึงหน้าอาคารสํานักงานก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนมา เนี่ยเฟยได้แต่แอบคิดในใจว่าโชคไม่ดีเอาเสียเลย คนที่มาก็คือ หม่าเสี่ยวเยี่ยนหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป ซึ่งก็คือหัวหน้างานของเนี่ยเฟย

ในความรู้สึกของเนี่ยเฟยนั้น ผู้หญิงคนนี้ถึงจะมีเสน่ห์ยั่วยวนแต่กลับเป็นพวกชอบดูถูกคน เนื่องจากเนี่ยเฟยเป็นพนักงานชั่วคราว แถมยังเป็นคนชนบทที่ยากจน ดังนั้นพวกงานหนัก ๆ หรืองานที่เหนื่อย ๆ ล้วนแล้วแต่โยนให้เขาทำ หรือแม้กระทั่งโยนความผิดให้เขารับแทน

แต่สิ่งที่เนี่ยเฟยชอบมากที่สุดกลับเป็นการแอบมองหม่าเสี่ยวเยี่ยนในห้องทํางาน ผู้หญิงคนนี้มักจะใส่ชุดรัดรูปและใส่กระโปรงสั้นตลอดฤดูร้อน ถึงจะอายุสี่สิบกว่า ๆ แล้วก็ตามแต่ก็ยังดูแลตัวเองได้ดีอยู่ ขาสวยคู่นั้นที่สวมถุงน่องสีเนื้อนั้นมักจะสวมรองเท้าหนังจนเกิดเสียงดังตึกตักในขณะที่เดินในห้องทํางาน

ที่นั่งของเธออยู่ตรงข้ามกับเนี่ยเฟยพอดี ทุกครั้งที่เธอนั่งลงไป เนี่ยเฟยก็อดไม่ได้ที่จะมองไปข้างหน้า กางเกงในใต้กระโปรงสั้นมักจะเปลี่ยนสีไปตามแต่ละวัน มีทั้งสีแดง สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน สีม่วง แทบจะครบทุกสี แถมยังต้องเป็นขอบลูกไม้ด้วย ถ้ามองดี ๆ ยังสามารถมองเห็นกลุ่มก้อนสีดําที่อยู่ข้างในได้รําไร!

แต่ทว่า ในสำนักงานก็มีข่าวลือว่า หม่าเสี่ยวเยี่ยนกับเผิงเจิ้งเซิ่งที่เป็นเลขานุการมีซัมติงกัน

“เนี่ยเฟย! เอกสารวัสดุที่สั่งให้เธอทำเมื่อวานเสร็จหรือยัง? หม่าเสี่ยวเยี่ยนถือว่าตนเองเป็นหัวหน้า จึงวางมาดกอดอกยืนตะโกนหน้าอาคาร จนก้อนเนื้อทั้งสองชิ้นบนหน้าอกของเธอนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ครับ ๆ ทําเสร็จแล้วครับ!” เนี่ยเฟยรีบยิ้มแล้ววิ่งปรี่เข้าไปพยักหน้า ในขณะเดียวกันก็ดูถูกหม่าเสี่ยวเยี่ยนในใจไปด้วย หนอย ก็แค่อาศัยเรือนร่างถึงได้ตำแหน่งมา จะภูมิใจอะไรหนักหนาฟะ! “ผมทําเสร็จตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายแล้วครับ!”

“คราวหน้าถ้ากล้ามาแบบใกล้เวลาพอดีแบบนี้ ฉันจะหักเงินเดือน!” เดิมทีหม่าเสี่ยวเยี่ยนยังอยากจะโอ้อวดความน่าเกรงขามของการเป็นหัวหน้าเสียหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าเนี่ยเฟยทําเอกสารเสร็จแล้วจึงไม่มีข้ออ้างอะไร ได้แต่หาเหตุผลมาเหน็บเขาแบบข้าง ๆ คู ๆ

"เธอ! รีบไปร่างสุนทรพจน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายมาชุดหนึ่ง การประชุมตอนบ่ายนี้ ฉันจะกล่าวสุนทรพจน์!”

“ตอนนี้เหรอครับ?” เนี่ยเฟยเริ่มสึกไม่พอใจ แมร่งเอ๊ย เอกสารเกี่ยวกับวัสดุที่จะใช้ก่อสร้างอาคารใหม่นั้นไหนบอกว่าต้องส่งในวันจันทร์ไง แล้วนี้ยังจะมาซัดงานอื่นอีก เราไม่ยุ่งตายเหรอเนี่ย?

“ไม่ใช่ตอนนี้แล้วเป็นตอนไหนได้ยะ?” หม่าเสี่ยวเยี่ยนถลึงตาใส่เขา

“หนอบ รีบไปสิ ถ้าทำให้ฉันเลยเวลากล่าวสุนทรพจน์ เธอรับผิดชอบเรื่องนี้ไหวไหม? อย่าลืมฐานะของเธอ เธอมันก็แค่พนักงานชั่วคราวเท่านั้น ถ้าไม่ทำ ฉันก็สามารถหาคนอื่นมาทําแทนได้ทันที ไม่มองตัวเองซะเลย ไอ้บ้านนอก!”

“นังแพศยานี่อวดดีซะไม่มี!” เนี่ยเฟยมองหม่าเสี่ยวเยี่ยนที่เดินตึกตักจากไปพลางสบถด่า แต่สิ่งที่เธอสั่งไว้ก็ต้องทําอยู่ดี

สุดท้ายพอเขาเริ่มยุ่งขึ้นมา เรื่องอื่น ๆ ก็พลอยเข้ามาด้วย ใคร ๆ ก็สั่งเขาทำงานได้ราวกับว่าเขาที่เป็นพนักงานชั่วคราวนั้นก็เหมือนกับคนรับใช้ของสำนักงานแห่งนี้ ทำให้เนี่ยเฟยยุ่งจนถึงตอนบ่ายถึงจัดการงานเสร็จ

เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์แล้ว ปกติเนี่ยเฟยจะพักอยู่ที่หอพัก จะกลับไปบ้านก็ต่อเมื่อหลังเลิกงานตอนวันศุกร์ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เขายุ่งพอสมควร ญาติที่บ้านเขาจะแต่งงานก็เลยต้องไปช่วยงาน หลังจากกินข้าวเย็นที่บ้านแล้ว เนี่ยเฟยก็เปิดทีวีดูข่าว

ตั้งแต่เข้ามาทำงานในเทศบาลแล้ว การดูข่าวก็ถือว่าเป็นกิจวัตรประจำวันเลยก็ว่าได้ แต่เพิ่งเห็นข่าวแรกที่เพิ่งออกอากาศไปนั้น เนี่ยเฟยก็ต้องตกใจแล้วค้นไฟฉายที่บ้านหมายจะวิ่งออกไป

“ค่ำมืดขนาดนี้แกจะออกไปทําอะไรวะ?” เนี่ยฉางเกิน พ่อของเนี่ยเฟยไล่ตามออกมาถามเขา

“ฉันลืมทําเอกสารน่ะ พ่อ!” ร่างของเนี่ยเฟยจมหายไปในความมืดแล้ว มีเพียงเสียงเท่านั้นที่ส่งมา นี่ถ้าวันจันทร์ไม่สามารถส่งมอบเอกสารได้ มีหวังได้โดนยัยหม่าเสี่ยวเยี่ยนนั่นด่าแลบแน่ ๆ

“แมร่งเอ๊ย แม้แต่ไอ้เจ้าหม่าที่เฝ้าประตูก็กลับไปกอดเมียแล้ว พนักงานชั่วคราวนี่ไม่มีสิทธิมนุษยชนจริง ๆ เลย!” เนี่ยเฟยที่ถึงหน้าประตูสบถออกมา

เจ้าหม่า ยามเฝ้าประตูก็กลับบ้านไปแล้ว เนี่ยเฟยจึงปีนข้ามประตูใหญ่เข้าไป ภายในตัวอาคารมืดสนิท เนี่ยเฟยหยิบโทรศัพท์ฝาพับรุ่นเก่าของเขาออกมาเปิดไฟฉายส่องทาง ก่อนจะเดินไปที่ชั้นสามอย่างระมัดระวัง

แต่พอเพิ่งจะเดินมาถึงหัวมุมบันไดชั้นสองและชั้นสามนั้น เนี่ยเฟยก็ต้องผ่อนฝีเท้าลง เขาได้ยินเสียงจากชั้นสามดังมาเป็นระลอก ๆ เสียงนั้นฟังแล้วเหมือนเป็นเสียงร้องครางของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอารมณ์แบบนั้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status